ตอนที่ 3 วิธีรับมือ ก็คือรับมือตามสถานการณ์2
“เจ้าจะให้ข้าทำเช่นนี้จริง ๆ หรือ หากถูกอาจารย์จับได้ขึ้นมาล่ะ ก็ต้องโดนโทษหนักแน่ ๆ” ชายหนุ่มเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก เขาจับไปที่ชุดของสตรีที่ตนสวมใส่อยู่อย่างท้อแท้กับชีวิตยิ่ง
“ท่านพ่อเคยลงโทษข้าหนักด้วยหรือ หากโดนลงโทษจริง หลังจากข้ากลับมาแล้วจะรับโทษแทนเจ้าเองอย่างได้กังวลไป”
“หากครั้งนี้ท่านอาจารย์โกรธเข้าจริง ๆล่ะเจ้าจะทำอย่างไร”
“ก็ออดอ้อนอย่างไรเล่า ท่านพ่อข้าใจอ่อนจะตายไปลงโทษหนัก ๆ ไม่ลงหรอก หลายวันนี้เจ้าก็ทำเป็นปิดตนฝึกบำเพ็ญเพียรอยู่ในห้องของข้าไปก่อนเท่านั้นก็พอ ท่านพ่อข้านาน ๆ จะเห็นข้าปิดเรือนฝึกบำเพ็ญเพียรย่อมไม่เข้ามารบกวนแน่”
“เจ้ายังไม่เคยลงเขาเพียงคนเดียว อย่างไรก็ต้องระวังตัวด้วย”
“ลั่วเจ๋อ เจ้าวางใจเถอะอย่างไรข้าก็เป็นถึงศิษย์สายตรงของสำนัก ถึงปกติจะไม่ค่อยตั้งใจเรียนวิชานักแต่ก็ยังรู้วิชาเอาตัวรอด และรู้วิธีขี่กระบี่”
นางขี่กระบี่ออกจากสำนักโดยใช้ทางลัดหลังเขาซึ่งเป็นเส้นทางที่นางเจอโดยบังเอิญเมื่อตอนเยาว์วัย ฟูหรงตั้งใจว่าจะแอบรอศิษย์พี่อยู่ตรงเนินเขาด้านล่าง เพราะเขาน่าจะลงเขามาในช่วงเช้า นางตัดสินใจแวะเข้าหมู่บ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลเพื่อหาที่พักค้างคืน
โรงเตี้ยมเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่นางเคยเดินผ่านอยู่หลายครั้งยามที่ลงมาเที่ยวเล่นกับศิษย์พี่คนอื่น ๆ ในสำนักเป็นที่ที่นางเลือกจะเข้าพักค้างคืนในคืนนี้
หลังจากให้เงินจำนวนหนึ่งกับผู้ดูแลโรงเตี้ยมนางก็ได้ห้องพักสภาพดีบนชั้นสองของโรงเตี้ยมแห่งนี้ในทันที พร้อมกับอาหารสองจานและสุราดีหนึ่งไห
หญิงสาววางสัมภาระลงบนเก้าอี้กลางห้องพัก ก่อนจะเดิน สำรวจสิ่งต่าง ๆ ภายในห้อง ทุกอย่างแม้จะไม่ใช่ของใหม่แต่ก็สะอาดสะอ้านอยู่ในสภาพสมบูรณ์ดี เพียงแต่ตอนที่เข้ามาในห้องก็รู้สึกว่าห้องพักอบอ้าวนิดหน่อยอาจเป็นเพราะหน้าต่างถูกปิด เอาไว้ทั้งวันทำให้อากาศภายในห้องไม่ถ่ายเท
ฟูหรงเปิดหน้าต่างออกเพื่อระบายอากาศประจวบเหมาะ กับที่เมื่อมองขึ้นไปในท้องฟ้าสีนิลนั้นเวลานี้กับส่องประกายไป ด้วยแสงจากดวงดาว
ที่สำนักนั้นสามารถมองเห็นดวงดาวได้ชัดเจนยิ่งกว่าที่นี่มาก ทว่ายามที่ทอดมองดวงดาวจากที่นี่นางกับรู้สึกได้ถึงความ งดงามอันเป็นธรรมชาติของมันได้มากกว่าคงเป็นเพราะว่าที่นี่มี เพียงโรงเตี้ยมอันแสนธรรมดาไม่ได้มีสิ่งแย่งชิงสายตาและความสนใจจากนางเช่นที่สำนักกระมัง
เพราะที่สำนักไม่ว่าดวงดาราหรือพระจันทร์นางก็ไม่ถือว่าน่ามองไปกว่าศิษย์พี่ของนางหรอก
ยืนพิงหน้าต่างวาดฝันอยู่นานก็ได้สติเมื่อสายตาเผลอทอด มองไปยังด้านล่างโรงเตี้ยมแล้วเห็นร่างสูงที่แสนคุ้นเคยไวกว่าความคิดนางขยับออกห่างหน้าต่างบานใหญ่ทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกพบเห็น
ไม่ผิดแน่ เมื่อครู่ที่นางเห็นก็คือศิษย์พี่หานซือหมิงคนใน ดวงใจนาง เขาควรลงเขาพรุ่งนี้เช้าเหตุใดจึงได้มาที่โรงเตี้ยมใน เวลานี้ได้
นางอดสงสัยไม่ได้หรือว่าเขาแอบนัดพบใครหรือไม่ สหายคนรู้จักหรือใครสักคน
ไม่ว่าเขาจะมาที่นี่เพราะเหตุใดนางก็จะต้องรู้ให้ได้
นางใช้หูแนบประตูฟังการเคลื่อนไหวด้านนอกห้องก็พบว่าผู้ดูแลโรงเตี้ยมพาเขามาส่งที่ห้องพักเรียบร้อย ศิษย์พี่เข้าไปในห้องพักและปิดประตูแล้วเรียบร้อย ยามผู้ดูแลโรงเตี้ยมเดินผ่านห้องของนาง หญิงสาวจึงแง้มประตูควักมือเรียกผู้ดูแลโรงเตี้ยมโดยไร้เสียง
“คุณชายคนเมื่อครู่เดินทางมาคนเดียวหรือไม่” นางกระซิบถาม
“คุณชายผู้นั้นมาคนเดียวขอรับแม่นาง"
“เขาบอกหรือไม่ว่าจะพักที่นี่กี่วัน” นางถามต่อ
“เห็นกล่าวว่าพรุ่งนี้เช้าก็จะไปขอรับ”
“เจ้าไปเถอะ” นางกล่าวพร้อมทั้งยื่นเงินให้อีกเล็กหน่อยเพื่อ แทนคำขอบคุณในคำตอบ
“ขอบคุณมากขอรับ หากแม่นางอยากได้สิ่งใดเพิ่มเติมเรียกใช้ ข้าน้อยได้เลยนะขอรับ
