บท
ตั้งค่า

หินก้อนที่ 8 : วิธีการเลือกภูตอย่างถูกต้อง

ไม่น่าเชื่อว่าที่นี้จะมีร้านขายภูตเยอะขนาดนี้และที่ไม่น่าเชื่อมากกว่านั้นคือร้านขายภูตแต่ละร้านนั้นมีคนเข้าออกร้านเยอะมาก เลโอเลือกเดินนำเข้ามาในร้านใหญ่ที่สุดที่พวกเขาเห็นแต่ที่น่าแปลกใจคือแม้ภายในร้านจะกว้างใหญ่กลับแทบจะว่างเปล่าไร้ผู้คนเพราะส่วนใหญ่คนที่อยู่ในนี้ก็มีแต่คนที่รอจ่ายเงินกันทั้งนั้น

ที่ตรงกลางห้องคือไข่ใบไม่เล็กไม่ใหญ่ เปลือกไข่มีสีฟ้าสวยเหมือนดังสายน้ำทว่ากลับมีลวดลายประหนึ่งเปลวเพลิงที่พลิ้วไหว ไข่ใบนั้นถูกลงอาคมไม่ให้ผู้ใดแตะต้องพร้อมแขวนป้ายว่า ‘ห้ามจับ!!’ ถัดไปด้านหลังถูกแบ่งออกเป็นประตูสามบานที่มีป้ายเขียนกำกับไว้ ภูตระดับสูง ภูตระดับกลางและภูตระดับต่ำตามลำดับ

ลาฟมองไข่ที่ถูกตั้งโชว์อย่างสนใจเพราะเมื่อมองไข่นั่นแล้วเขารู้สึกเหมือนกับมีเสียงอะไรบ้างอย่างกำลังกรีดร้องอยู่ในหัว เสียงนั้นแสบแก้วหูแต่ก็รู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เขารำคาญหรือทรมานเมื่อมันดังขึ้นแล้วก็หยุดไปก่อนจะดังขึ้นใหม่ราวกับจะเรียกร้องความสนใจอย่างไรอย่างนั้น ไม่นานความคิดทุกอย่างของลาฟก็ต้องหยุดลงเมื่อเลโอพาทุกคนมายืนอยู่หน้าประตูทั้งสามบาน

“ต้องทำยังไง” ลาฟถามแม้ดวงตาสีฟ้ายังคงจับจ้องไข่สีฟ้าซึ่งตั้งอยู่กลางห้อง

“ข้างในจะเป็นภูตที่มีพลังต่างกันไปตามลำดับแล้วแต่ประตูที่พวกนายเลือกจะเข้า” เลโอเอ่ยเสียงเย็นก่อนจะเว้นไปนิด

“แต่ปัญหาอยู่ที่พวกนายจะเข้าประตูไหนได้” คำพูดนั้นทำเอาเลเชียที่ช่างสงสัยขมวดคิ้ว

“หมายความว่าไงไอ้คำพูดที่ว่าจะเข้าประตูไหนได้” พี่คนรองรีบถามก่อนที่มันจะผ่านไปทั้งๆที่ไม่เข้าใจ

“หมายความว่าถ้าเดินเข้าประตูที่กำกับไว้ว่าภูตระดับสูงแล้วพลังไม่ถึง มันก็จะผลักนายกระเด็นออกมา” คนเป็นเจ้าชายตอบอย่างไม่ทุกข์ร้อนเพราะเขาสามารถเข้าออกผ่านประตูทุกบานได้อย่างสบายๆ

“งั้นหรือ” พี่เลเคียเปรยแล้วเดินไปที่ประตูบานแรกที่กำกับไว้ว่าภูตระดับสูงก่อนจะเปิดเข้าไป กลิ่นไอเวทมนตร์แผ่กระจายออกมาทันทีกดดันพี่คนโตสุดเพื่อไม่ให้ก้าวต่อ นั่นเป็นสัญญาณว่าเขตอาคมเริ่มทำงานแล้ว ไอมนตร์พวกนั้นถึงจะรุนแรงแต่ก็ไม่สามารถหยุดเลเคียไม่ให้เดินต่อได้ และไม่นานท่านพี่เลเคียก็หายวับเข้าไปในประตูบานนั้น

“พลังถึงสินะ” เสียงเย็นของเจ้าชายเปรยออกมาราวกับคาดการไว้อยู่แล้วและผลที่ออกมาก็เป็นไปตามคาดเสียด้วย ก็นะ...ถ้าพลังยังไม่ถึงนักฆ่าอันดับหนึ่งเรื่องข่าวสารที่เจ้าตัวถือครองอยู่ก็คงเป็นเรื่องหลอกลวงแล้ว

“งั้นต่อไปตาฉัน” เลเชียกล่าวพร้อมเปิดประตูออก แรงกดดันของมนตรามหาศาลพุ่งทะลักออกมาทันทีแต่มันไม่สามารถลบรอยยิ้มอย่างคนอารมณ์ดีให้หายไปจากใบหน้าของพี่ชายคนรองได้เลยและเพียงไม่นานเลเชียก็หายวับเข้าไปในประตู

“พลังถึงงั้นรึ” เลโอพูดราวกับแปลกใจเสียเต็มประดาแต่ลาฟที่ฟังอยู่ดูก็รู้ว่าเสแสร้งชัดๆ

“นายก็ตามเข้าไปเร็วๆล่ะ” พูดจบคนเป็นเจ้าชายก็เดินหายเข้าไปในประตูอย่างไม่สะทกสะท้านกับไอเวทมหาศาลที่กดดันเข้ามาเลยสักนิด และไม่สนใจด้วยว่าเด็กหนุ่มคนสุดท้ายจะสามารถผ่านประตูนี้เข้าไปได้หรือไม่ คนที่สามารถสู้กับเขาได้ขนาดนั้นเลโอมั่นใจว่ายังไงลาฟก็ต้องผ่านประตูบานนี้เข้ามาได้

ดวงตาสีฟ้าของลาฟมองลอดหน้ากากสีขาวออกไป เขาติดใจไข่ใบนั้นแต่ทำไมพนักงานที่นี้ถึงห้ามแตะต้องมันล่ะ ลาฟสะบัดหัวไปมาราวกับไล่ความคิดออกไปก่อนจะตัดสินใจเดินหายเข้าไปในประตู

•.★*... ...*★.•

“ช้าจังลาฟ” เลเชียถลาเข้าหาน้องสาวในคราบผู้ชายทันทีที่เจ้าตัวปรากฏกายขึ้น ดวงตาสีฟ้าสวยมองรอบๆอย่างแปลกใจ เมื่อผ่านประตูมาแล้วมันช่างต่างกับข้างนอกเสียจริง ที่นี้เหมือนสวนสัตว์ที่มีสัตว์มากมายแยกออกเป็นกรงให้เดินชมและกรงก็ถูกแยกออกเป็นสัดส่วนว่าสัตว์ตัวไหนกินพืชหรือเนื้อ ทุกตัวล้วนเป็นภูตที่ดูแข็งแรงและสุขภาพดี แต่ที่พิเศษสุดๆคงจะเป็นพลังเวทและความสามารถต่างๆที่แอบซ่อนอยู่ในตัวพวกมัน

“มากันครบแล้วใช่ไหมครับ” เสียงสุภาพที่เอ่ยขึ้นข้างๆทำเอาดวงตาสีฟ้าหันไปมองอย่างสงสัย

“ผมวาเดน ซีเล็กส์เป็นพนักงานของร้านนี้ครับและจะเป็นผู้ช่วยในการเลือกภูตของพวกคุณในครั้งนี้ด้วย” บุรุษตรงหน้าแนะนำตัวก่อนจะเดินนำออกไปเมื่อเห็นว่าลูกค้าเข้ามากันครบแล้ว

“วิธีการเลือกภูตอย่างถูกต้องควรดูว่าพลังของเราควบคุมมันได้หรือไม่” วาเดนแนะนำไปขณะที่ทุกคนเดินตามไปเรื่อยๆพลางดูภูตสองข้างทางไปด้วย

“แล้วก็ควรดูที่สุขภาพและรูปร่างของภูตแต่ละตัวด้วยนะครับเพราะสุขภาพและรูปร่างของพวกภูตที่คุณต้องใช้งานต่างๆมีความสำคัญ อย่างเช่นให้ทำงานหนักแต่ขนาดและรูปร่างไม่เหมาะสมภูตตัวนั้นก็อาจถึงตายเลยนะครับ” ลาฟยังคงเดินมองภูตที่อยู่สองข้างทางไปเรื่อย เจ้าตัวฟังบ้างไม่ฟังบ้างผิดกับคนเป็นพี่ทั้งสองที่ตั้งใจฟังกันใหญ่จนเขารู้สึกเบื่อแทน เลโอยังคงเดินตามอย่างไม่รีบร้อนแต่เขาก็รู้ว่าไอ้เจ้านายคนข้างๆก็เบื่อเหมือนกัน ก็หมอนี่มีภูตเป็นของตัวเองแล้วนี่ก็ต้องเบื่อเป็นธรรมดาแหละ

“การเลือกภูตก็ต้องดูด้วยนะครับว่าเราถนัดเวทสายอะไรเพราะภูตจะมีการพัฒนาการได้ง่ายถ้าเป็นสายเดียวกับพลังเวทที่ผู้เป็นเจ้าของถนัด” ลาฟอยากจะถอนหายใจออกมาดังๆด้วยความเบื่อหน่าย เขามองพี่ทั้งสองที่ฟังพนักงานหนุ่มพูดไม่หยุดอย่างเบื่อแทน ไม่นานลาฟก็แอบย่องออกมาด้วยฝีเท้าที่เงียบกริบ

ลาฟเดินไปตามทางอย่างสบายใจที่ไม่ต้องทนฟังคำพูดของพนักงานซึ่งมันน่ารำคาญไม่ใช่น้อยขณะที่ดวงตาสีฟ้าคมกริบกวาดมองภูตรอบเพื่อหาภูตที่ตนเองสนใจ ภูตที่นี้ส่วนใหญ่จะอยู่ในร่างของสัตว์และมนุษย์ตัวเล็กที่มีปีกหลากหลายสีสันแต่ก็ยังไม่มีตัวไหนที่ถูกใจลาฟอยู่ดี

“ออกมาทำไม” เสียงเย็นดังขึ้นข้างหลังทำให้คนถูกถามเหลือบดวงตาสีฟ้าคมกริบไปมอง คาดเดาไม่ยากหรอกว่าคนข้างหลังคือใคร

“แล้วนายจะตามมาทำไมเลโอ” เสียงเรียบเอ่ยถามขณะหันไปหาร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านหลัง

“กลัวเป็นเรื่อง” เสียงเย็นที่ตอบกลับมาทำเอาลาฟเบ้ปากแต่คนเป็นเจ้าชายไม่มีทางได้เห็นหรอกเพราะมันถูกซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากสีขาว เขาไม่ใช่ตัวก่อเรื่องนะ

“ถ้าฉันบอกว่าฉันไม่เลือกภูตในนี้เลยล่ะ” ลาฟลองเปรยกับคนเป็นเจ้านายดูและก็ลองคาดเดาท่าทางของคนเป็นเจ้าชายอยู่ในใจ

“เรื่องมาก” และคำตอบก็ดังกลับมาอย่างรวดเร็วทันใจ ช่างเป็นคำตอบซึ้งตรงกับที่เขาคาดเดาไว้เสียจริง ทีอย่างนี้แม่นจังนะเรา

“ก็ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริงๆ” ลาฟยังคงลองหยั่งเชิงดู เลโอยกมือกอดอกก่อนจะถามออกมาเสียงเย็น “ต้องการอะไร”

“ฉันอยากดูไข่ที่ตั้งอยู่ในห้องโถงด้านหน้าประตูทั้งสาม” ลาฟบอกความต้องการของตนเองทำให้เลโอคว้าข้อมือของคนเป็นนักฆ่าแล้วรีบลากออกไปทันที

•.★*... ...*★.•

ที่ห้องโถงก่อนเข้าไปในประตูยังคงมีคนน้อยเหมือนเดิมทั้งๆที่ด้านในที่เลโอกับลาฟออกมาก็ยังมีคนแม้จะไม่มากเนื่องจากประตูที่พวกเขาเข้าไปเป็นประตูของภูตระดับสูงก็ตาม

“คุณมีอะไรให้รับใช้หรือครับ” พนักงานคนหนึ่งเดินมาถามเมื่อเห็นคนทั้งสองมองไข่ที่ตั้งอยู่กลางห้องมาเป็นเวลานานแล้วและท่าทางจะสนใจมากเสียด้วย

“ไข่อะไรหรือ” ลาฟถามด้วยความอยากรู้เพราะเจ้าตัวได้ยินเสียงกรีดร้องนั่นอีกแล้ว

“เป็นไข่ของนกเซเฟอร์เลนครับ” คำของพนักงานขายทำให้เลโอแปลกใจมาก นกที่ควรจะสูญพันธุ์ไปแล้วน่ะหรือ

“นกที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้พิทักษ์น้ำกับไฟสินะ” คำพูดของเลโอทำให้คนขายพยักหน้าให้ เลโอรู้จักนกชนิดนี้ดี เพราะเขาเองก็เคยคิดอยากจะเอามันมาเป็นคู่หูเหมือนกัน แต่เขาทิ้งความคิดนั้นไปนานแล้ว เพราะพลังของเซเฟอร์เลนไม่เข้ากับพลังของเขา

“ใช่ครับ มันเป็นนกที่มีพลังมหาศาลมากเหมือนๆกับนกเคลวดิอัสครับ” เลโอพยักหน้าให้อย่างเข้าใจ เคลวดิอัสหรือที่เรียกกันว่าผู้พิทักษ์ดินและลม และแน่นอนว่านกเคลวดิอัสก็เหลือตัวสุดท้ายในโลกแล้ว

“ฟักมันออกมาไม่ได้สินะ” เลโอยังคงถามราวกับฆ่าเวลาต่างกับลาฟที่จ้องไข่ตรงหน้าไม่วางตา

“ใช่ครับ...พวกเราทำไม่ได้ เพราะเซเฟอร์เลนก็เหมือนเคลวดิอัสพวกมันจะฟักตัวก็ต่อเมื่อได้อยู่กับผู้เป็นนายเท่านั้น เหมือนกับว่าเจ้านายคือที่ที่ปลอดภัยที่สุดของพวกมันนั่นแหละครับ” เลโอพยักหน้าให้อย่างเงียบๆก่อนจะหันไปมองคนข้างๆพร้อมกับเหยียดยิ้มออกมา ต้องเป็นภูตระดับนี้ใช่ไหมถึงจะเลือกได้

“แต่ทางเราไม่รู้หรอกนะครับว่ามันเป็นของจริงหรือของปลอม มันตรวจสอบยากมากเลยครับ” ไข่ที่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถฟักได้จนกว่าจะพบเจอเจ้าของจริงๆนั่นทำให้พวกเขาพิสูจน์ไม่ได้เลยว่ามันเป็นของจริงหรือของปลอม

“เป็นของจริง” เสียงของลาฟดังขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทำให้คนเป็นพนักงานต้องถามซ้ำ

“ครับ?”

“เป็นของจริง...ฉันสัมผัสได้” ลาฟกล่าวแล้วยื่นมือเข้าไปใกล้ทำให้พนักงานรีบร้องห้าม

“อย่าครับมันมีเขตอาคม!!”

หมับ...พรึบ!!

เพียงพริบตาเดียวเท่านั้นที่เลโอชักมือของลาฟกลับก่อนเปลวเพลิงสีส้มร้อนแรงจะลุกพรึบขึ้นปกป้องไข่ นี่คือเขตอาคมที่ทางร้านลงไว้เพื่อปกป้องไข่จากคนที่ไม่หวังดีทั้งหลาย

“เป็นอะไร” เสียงเย็นเอ่ยถามเพราะเขตอาคมนั่นคนข้างๆเขาต้องสัมผัสได้อยู่แล้วว่ามันถูกลงไว้แต่แรกแล้วทำไมยังยื่นมือเข้าไปอีก

“ทำอย่างนี้ไม่สมเป็นนายเลย” เสียงของเลโอที่ดังขึ้นไม่ได้ช่วยให้ลาฟมีสติขึ้นมาเลยสักนิด

“เสียงนั่น...เสียงกรีดร้องนั่น...ฉันได้ยินมัน เสียงกรีดร้องที่เรียกฉัน เสียงกรีดร้องที่ออกมาจากไข่นั่น” ลาฟพูดราวกับคนละเมอ ดวงตาสีฟ้าไม่ละจากไข่ตรงหน้าไปไหนเลยสักนิด เลโอไม่รู้หรอกว่าภายใต้หน้ากากสีขาวคนตรงหน้ามีสีหน้าอย่างไร

“คุณได้ยินเสียงหรือครับ” คนเป็นพนักงานถามอย่างแตกตื่นแต่ลาฟกลับไม่ตอบ เลโอมองคนเป็นองครักษ์ของเขาอย่างพิจารณา เด็กหนุ่มคนนี้กำลังถูกไข่ใบนั้นชักจูง

“ช่วยปลดเขตอาคมที” คนเป็นเจ้าชายสั่งอย่างรีบเร่งเมื่อเห็นท่าทางขององครักษ์

“แต่...” พนักงานขายยังคงลังเล เขาไม่ได้รับอนุญาตให้ปลดเขตอาคมได้

“ช่วยไม่ได้” เลโอพึมพำกับตนเองเบาๆก่อนจะถอยออกมาจากเขตอาคมสองก้าว

“ทำลายมันซะ”

ฟิ้ว...บึ้ม!!

เพียงแค่ประโยคสั้นๆลูกแสงสีขาวขุ่นก็พุ่งตรงเข้าหาไข่ทันทีแต่อยู่ๆมันก็ระเบิดตัวออกก่อนจะถึงไข่แล้วทุกอย่างก็เงียบไป

“คะ...คุณทะ...ทำอะไรนะ...นั่นของสำคัญนะ” พนักงานเพิ่งหาเสียงเจอเอ่ยออกมาอย่างตกใจแต่คนที่ตอบคำถามของเขาคือเด็กหนุ่มผมสีเงินที่ซ่อนใบหน้าไว้ภายใต้หน้ากากซึ่งพุ่งเข้าไปหาไข่ทันที ดวงตาของคนเป็นพนักงานเบิกกว้างเมื่อรับรู้แล้วว่าคนข้างๆทำอะไรลงไปเมื่อเห็นมือของเด็กหนุ่มสัมผัสกับไข่ใบนั้นอย่างง่ายดาย เด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินทำลายเขตอาคมและตอนนี้เขตอาคมก็ถูกทำลายแล้ว!!

“ตื่นขึ้นมาผู้พิทักษ์สายน้ำและเปลวไฟ เซเฟอร์เลน” สิ้นเสียงลำแสงสีฟ้าและแดงก็แผ่ขยายออกจากไข่ไม่นานมันก็กลืนกินทุกตารางนิ้วในห้องโถงนั่น

•.★*... ...*★.•

นายแห่งข้า...ข้าตื่นแล้ว ท่านคือนายแห่งข้า...นายหนึ่งเดียวได้โปรดเอ่ยชื่อข้า ข้าเกิดมาเพื่อนายเพียงหนึ่งเดียว เพียงเอ่ยชื่อข้าเท่านั้น เร็วสิ...เอ่ยชื่อข้า!!

ดวงตาสีฟ้าสวยของเด็กหนุ่มจับจ้องไข่ตรงหน้า ภาพรอบตัวกลับกลายเป็นแสงสีฟ้าและแสงสีแดงอย่างละครึ่งแต่น่าแปลกเพราะเขากลับมองเห็นไข่สีฟ้าที่มีลวดลายสีแดงได้ชัดเจน เสียงที่ก้องอยู่ในหัวกลบเสียงกรีดร้องในตอนแรกและกระตุ้นให้เขาเอ่ยชื่อนั้น ชื่อที่เขาเคยได้ยินพนักงานขายพูดทว่าไม่รู้อะไรดลใจให้เขาเอ่ยมันออกไปตอนนี้

“เซเฟอร์เลน”

แกร๊กๆ... สิ้นเสียงเรียกขานเปลือกไข่ก็เริ่มร้าวราวกับจะตอบสนองเสียงเรียกของผู้เป็นนายและเพียงพริบตาเดียวเท่านั้นที่แสงสีฟ้าพุ่งออกจากไข่ก่อนจะมันระเบิดตัวออกตรงหน้าลาฟ ไม่นานเขาก็เห็นร่างของนกขนาดตัวไม่เล็กไม่ใหญ่กำลังกระพือปีกอันยาวของมันบินอยู่ตรงหน้า ทั่วทั้งตัวของมันถูกปกคลุมด้วยขนที่เหมือนเปลวไฟสีฟ้าลุกโชน ดวงตาสีเพลิงราวกับเปลวไฟกำลังเต้นระริกอย่างยินดี จงอยปากสีเหลืองแหลมและคมกริบเหมือนๆกับกรงเล็บอันทรงพลัง หางสีฟ้ายาวด้านหลังสะบัดไปมาตามการกระพือปีก นี่คือผู้พิทักษ์น้ำและไฟ เซเฟอร์เลน

‘นายแห่งข้ามีคนเดียวคือท่าน นายหญิงที่รัก’ ร่างของมันร่อนลงแทบเท้า ก้มหัวให้อย่างนอบน้อมที่สุดราวกับจะแสดงความจงรักภักดีอย่างสูงสุดเท่าที่ภูตตนหนึ่งจะทำได้

‘ข้าผู้พิทักษ์สายธาราและเปลวอัคคี ขอสาบานต่อหน้าสายน้ำและเปลวไฟ ขอสายน้ำและเปลวไฟจงเป็นพยาน...ตราบสิ้นชีวิตนี้ทั้งตัวและหัวใจขอมอบให้แด่ท่าน...ท่านเพียงผู้เดียวเท่านั้น!!’ มันคือคำสาบานของภูตตัวหนึ่งที่มีให้เจ้านายเพียงคนเดียวของมัน ลาฟอึ้งอย่างทำอะไรไม่ถูก ดวงตาสีฟ้าสวยยังฉายแววงุนงง

‘ได้โปรดตอบรับข้า...ตอบรับพันธะสัญญาของข้า’ เสียงของนกขนฟ้าดังมาอีกครั้งทำให้ลาฟได้สติ

“เจ้าจะเป็นภูตของข้าตลอดกาล” ไม่ว่านานเท่าไหร่เจ้าจะต้องอยู่เคียงข้างข้า ไม่ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่เจ้าจะต้องภัคดีต่อข้าจนกว่าวิญญาณของเจ้าจะแตกสลาย

‘ข้าขอรับด้วยความยินดียิ่งไม่มีอะไรจะมาแยกเราได้ ข้าจะอยู่...อยู่กับท่านไม่ว่าเวลาจะผันผ่านไปแค่ไหนก็ตาม’ มันค่อยๆเงยหน้าขึ้นและบินมาเกาะที่แขนผู้เป็นนายซึ่งยืนอยู่ด้านหน้า ข้าขอรับใช้ท่านไปจนวันตายเพียงแค่ท่านคนเดียวเท่านั้น

‘ข้าขอดูใบหน้าที่แท้จริงของท่านได้หรือไม่’ นกตรงหน้าเอ่ยอย่างนอบน้อมเป็นที่สุด ลาฟลังเลเพราะไม่รู้ว่าที่นี้จะไม่มีใครเห็นแน่หรือ

‘ไม่มีใครเห็นหรอกนายหญิง ที่นี้คือความคิดท่านไม่มีใครล่วงรู้นอกจากข้า’ เสียงของเซเฟอร์เลนยังดังก้องเมื่อได้ยินดังนั้นลาฟจึงค่อยๆถอดหน้ากากสีขาวของตนเองออก

เมื่อหน้ากากหายไปผมสีเงินที่เคยสั้นก็ยาวลงมาถึงกลางหลัง หน้าอกที่เคยแบนราบเหมือนของผู้ชายกลับนูนขึ้นบ่งบอกถึงความเป็นหญิง มนตร์ทุกอย่างที่ลงไว้ไม่อาจใช้ได้เมื่อถอดหน้ากาก เจ้านกขนฟ้าถึงกับตะลึงเมื่อจับจ้องใบหน้างดงามของคนเป็นเจ้านาย

‘ทำไมข้างแก้มท่านถึงมีรูปหัวใจสีแดง’ แม้ภูตที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังเกรงกลัวถึงพลังที่แฝงอยู่ในปานสีแดงสดรูปหัวใจนั่น พลังนั้นมันมากมายมหาศาลจนเซเฟอร์เลนไม่ยากเชื่อ

“ข้าไม่รู้ ข้าจำอดีตของตนเองไม่ได้ เท่าที่ข้าจำได้มันก็ติดตัวข้ามาตลอด” หญิงสาวเอ่ยขณะยกมือลูบข้างแก้มอย่างเคยชิน

‘ท่านรู้ไหมว่ามันคืออะไร’ เซเฟอร์เลนร้องถามนายหญิงแต่ลาเฟียกลับส่ายหน้า มันลังเลว่าควรจะบอกดีหรือไม่ซึ่งสุดท้ายมันก็ตัดสินใจได้แล้วถอนหายใจออกมา ตอนนี้ยังไม่ควรบอก...บางเรื่องการรับรู้เองก็เป็นเรื่องดีแต่เรื่องนี้ไม่ต้องรู้เลยน่าจะดีกว่า

‘ข้าผู้เป็นภูตของท่านจะหลับใหลอยู่ในตัวท่าน เมื่อใดที่นายหญิงตกอยู่ในอันตรายข้าจะออกมาปกป้องท่านด้วยชีวิต ถ้าท่านต้องการข้าเมื่อใดจงเอ่ยชื่อข้าแล้วข้าจะออกไปหาท่าน’ เซเฟอร์เลนก้มหัวลงแม้น้ำเสียงที่เปล่งออกมาจะอ่อนโยนแต่มันกำลังพยายามไม่มองปานรูปหัวใจสีแดงสดบนใบหน้านายหญิงต่างหาก มองแล้วอารมณ์มันพลุ่งพล่านอย่างห้ามไม่อยู่ ถ้าพี่ชายทั้งสองของนายหญิงรู้ว่าปานนี่มันคืออะไรคงไม่นิ่งนอนใจอย่างนี้หรอก

เซเฟอร์เลนพยายามข่มอารมณ์ถึงจะยอมรับว่าปานนั้นช่วยปกป้องนายหญิงได้แต่มันเกลียดคนที่สร้างปานนั้นขึ้นมา!!

“ข้าต้องสู้กับเจ้าไหม” ลาเฟียถามอย่างอารมณ์ดีเพราะเธอเคยได้ยินมาว่าต้องทำให้ภูตตนนั้นยอมรับในฝีมือก่อนมันถึงจะยอมมาเป็นภูตประจำกายให้

‘ไม่จำเป็นเพราะข้าคือภูตชั้นสูงที่เลือกเจ้านายด้วยตนเอง’ มันเว้นไปนิดก่อนต่อ

‘อีกเรื่องที่ข้ายังไม่ได้บอกท่าน ข้าสามารถเป็นอาวุธอันแข็งแกร่งให้ท่านได้ ไม่ใช่สิข้าสามารถเป็นได้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับสิ่งที่ท่านคิดอยากให้เป็นในตอนนั้น ขอเพียงเป็นสิ่งที่ท่านต้องการข้าล้วนจำลองร่างได้ทั้งหมด’ ลาเฟียพยักหน้าให้นกที่เกาะอยู่บนแขนตนแล้วใช้มืออีกข้างที่ถือหน้ากากอยู่ยกมันขึ้นมาสวมเพียงไม่นานหญิงสาวร่างบางก็กลับกลายเป็นชายหนุ่มผู้แฝงใบหน้าไว้ใต้หน้ากากสีขาวเช่นเดิม

‘แล้วเจอกันใหม่ นายหญิง’ สิ้นเสียงนั้นไม่นานร่างของชายหนุ่มผมเงินก็ลางเลือนลงเรื่อยๆและสุดท้ายก็หายไป

ข้าเกลียดปานที่อยู่บนใบหน้านายหญิงและเหนือสิ่งอื่นใดข้าเกลียดคนสร้างปานนั่น...ปานนั่นคือสิ่งที่บอกว่านายหญิงได้ผูกพันธะสัญญาไว้กับใครบางคน ใครบางคนที่ภูตอย่างมันไม่มีทางยอมรับและลางสังหรณ์กำลังเตือนใครคนนั้นกำลังจะแย่งนายหญิงไปจากมันและพี่ทั้งสอง!!

•.★*... ...*★.•

“ลาฟ...”

“ลาฟ/คุณลูกค้า”

“ลาฟ!!”

ผัวะ...เสียงเรียกสุดท้ายนั้นเย็นเยียบพร้อมหมัดขวาข้างถนัดของคนเป็นเจ้าชายที่ชกท้องของคนเป็นองครักษ์เต็มรัก

“โอ๊ย!!” ได้ผลเมื่อเด็กหนุ่มผมเงินร้องออกมาและตื่นขึ้นจากภวังค์ทันที อันเนื่องจากเขาสวมหน้ากากถ้าหากชกหน้าไอ้คนที่ชกนั่นแหละที่จะเจ็บเองก็เลยชกมาที่ท้องงั้นรึไอ้เจ้านายตัวดี

“คุณลูกค้าดีขึ้นแล้วหรือครับ” ลาฟยังไม่ทันอ้าปากด่าคนเป็นเจ้านายที่ลุกขึ้นยืนอีกครั้งเพราะพนักงานหนุ่มดันถามซะก่อน

“อืม” ฝากไว้ก่อนเถอะเดี๋ยวพ่อจะทบต้นทบดอกเลยคอยดู ลาฟคิดแล้วมองไปรอบร้าน ไม่มีไข่ของเซเฟอร์เลนอีกแล้ว สิ่งที่เหลืออยู่คือเปลือกไข่สีฟ้าสวยที่มีลวดลายสีแดงเพลิง จู่ๆความร้อนบางอย่างก็แผ่วาบอยู่บนฝ่ามือทำให้ลาฟพลิกฝ่ามือขึ้นดู มันปรากฏรูปดาวหกแฉกสีฟ้าอยู่บนฝ่ามือนั่นเอง นี่คือพันธะสัญญาระหว่างเจ้านายและภูตสินะ

“แล้วพวกพี่ละ” ลาฟหันไปถามเลโอที่ยืนมองมา

“นั่นไง” เด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินเข้มเอ่ยบอกพลางหันไปมองทางประตูที่พี่ทั้งสองคนของเขาเดินออกมา ซึ่งคนเป็นเจ้านายก็แอบคิดในใจกับตนเองว่า ตายยากเสียจริง

“ลาฟน้องได้ภูตมาหรือยัง” เลเชียถลาเข้าหาน้องโดยไม่สนใจเปลือกไข่ที่อยู่รอบตัวคนเป็นน้องเลยสักนิดเนื่องจากเจ้าตัวคิดว่าไอ้สิ่งที่อยู่รอบตัวเนี่ยไม่ใช่ฝีมือของน้องรัก

“พี่กับเลเคียได้ภูตแล้วนะ” หลังจากที่ฟังเจ้าพนักงานขายบ่นอยู่เป็นนานสองนานจนน่าเบื่อ ในที่สุดเขากับเลคียงก็เลือกภูตได้เสียที

“น้องมาอยู่ที่นี้คงได้แล้วใช่ไหม” เลเคียที่เดินเข้ามาหาถามทำให้คนเป็นน้องพยักหน้าแล้วแบมือให้พี่ทั้งสองดูจึงได้เห็นดาวหกแฉกบนมือของลาฟ คนเป็นเจ้าชายหันไปทางพนักงานขายพลางถามถึงราคาของภูตทั้งสามตัวและจ่ายเงินให้ตามที่เคยพูดเอาไว้

ลาฟเหลือบตามองเด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินเข้มและก็ต้องแปลกใจเมื่อเจ้าตัวเห็นสัญลักษณ์รูปดาวหกแฉกสีเงินซึ่งมีลักษณะเดียวกันกับของเขาอยู่ที่ฝ่ามือของผู้เป็นเจ้านาย คงเป็นพันธะของภูตเหมือนกันสินะ

“กว่าจะได้ภูตเนี่ยแทบตาย ฟังเจ้าพนักงานบ่นหูจะหนวกยังไม่พอต้องมาสู้กับภูตอีก รู้งี้แอบหนีมาแบบลาฟก็ดีให้ไอ้เลเคียมันทนฟังไปอยู่คนเดียว” พี่คนรองยังบ่นไม่หยุดให้หายแค้นเสียหน่อยหลังจากเดินฟังมันพล่ามนู้นพล่ามนี้เกี่ยวกับภูตมาร่วมชั่วโมง

“อ๋อใช่ แล้วลาฟละเลือกภูตยังไง” เลเชียเพิ่งคิดได้ว่าเขายังไม่ได้ถามน้องเลย น้องของเขาเดินออกมาจากกลุ่มอย่างเงียบๆกว่าพวกเขาจะรู้ว่าน้องหายไปก็หลังจากฟังพนักงานคนนั้นมาราวมครึ่งชั่วโมงนั่นแหละ แต่ลาฟกลับลอบเบ้หน้าภายใต้หน้ากากพลางคิดว่าจะบอกดีไหม

“พี่คงไม่อยากฟังหรอก” คนเป็นน้องพยายามหาทางออกที่ดีที่สุดที่คิดได้ตอนนั้นถ้าพี่รู้วิธีที่เขาหาภูตคงเซ็งไปอีกนาน

“แต่พี่อยากรู้นี่” เลเชียบอกแล้วคิดบางอย่างอยู่ในใจ คงโดนพล่ามให้เลือกอย่างนู้นอย่างนี้อยู่เป็นชั่วโมงเหมือนกันละสิท่า

“ฉันเลือกตามความพอใจ” ทว่าคำตอบของคนเป็นน้องเกือบทำให้พี่ทั้งสองคนเข่าอ่อนแล้วเป็นลมไปเสียตรงนั้น เวร...แล้วที่พวกตูเดินฟังมันบ่นอยู่นานสองนานเนี่ยเพื่ออะไร

เลโอเห็นท่าทางอย่างนั้นแล้วขยับยิ้มนิดๆที่มุมปากราวกับจะขบขำเสียเต็มประดาแล้วยกมือตบไหล่องครักษ์อีกสองคนอย่างที่ไม่รู้ว่าจะให้กำลังใจหรือเยาะเย้ยกันแน่ก่อนจะเดินนำพวกเขาออกมาด้วยท่าทางสะใจแบบสุดๆ

“คราวหน้าถ้าเข้าร้านขายภูตเตือนกันด้วยนะเลเคีย ลาเฟียว่าอย่าฟังไอ้หน้าไหนมันพล่ามอีก!!”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel