หินก้อนที่ 7 : เยือนแดนภูต {ดิมอน}
ภูตมีหลากหลายรูปร่างและขนาด มีทั้งรูปร่างเหมือนคนหรือสัตว์ มีทั้งขนาดใหญ่ยักษ์หรือเล็กมาก แต่สิ่งหนึ่งที่ภูตทุกตนมีคือพลังมหาศาลที่สามารถใช้ไปในทางรักษาและทำลาย
ภูตตนหนึ่งจะยินยอมรับใช้มนุษย์คนหนึ่งหรือพวกภูตที่มีร่างกายเหมือนมนุษย์ บางตนอาจจะรับใช้จนกว่าเจ้านายคนเก่าจะตายหรือบางตนอาจจะมีเจ้านายคนเดียวไปตลอดชีวิต
•.★*... ...*★.•
เรือลำใหญ่กำลังแล่นไปบนผืนน้ำอย่างรวดเร็ว อีกไม่นานเรือลำนี้ก็จะเข้าเทียบท่าหลังจากเดินทางผ่านค่ำคืนอันเงียบสงบมา
“ไงลาฟ หลับสบายดีไหม” เสียงทักของพี่เลเชียดังขึ้นอย่างสดใสเมื่อเห็นร่างของน้องและเจ้านายที่นั่งกินอาหารเช้าอยู่ในห้องอาหารที่ทางเรือจัดไว้ให้ เห็นสองคนแต่ทักแค่คนเดียว ไม่รู้ว่าในใจหมอนี่ยังแค้นเคืองคนเป็นเจ้าชายที่แย่งน้องไปนอนด้วยหรือเปล่าถึงเลือกจะมองเมิน เผลอๆอาจจะแช่งในใจให้นอนฝันร้ายด้วยซ้ำ
“จะดีกว่านี้ถ้าเมื่อวานไม่ต้องออกแรงมาก” คนเป็นน้องบ่นออกมาอย่างหงุดหงิดทำเอาคนเป็นพี่ทั้งสองหันไปมองเลโอทันที เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“หวังว่านายคงไม่ได้ทำอะไรน้องเรา” เลเคียเอ่ยถามเลโอที่ทำเป็นทองไม่รู้ร้อนทันทีด้วยสีหน้าจริงจัง ในใจก็เอ่ยโทษตัวเองไปด้วย เมื่อวานเขาไม่น่าปล่อยน้องสุดเลิฟให้นอนกับไอ้เจ้าชายนี่เลย ตอนแรกก็กะจะพังห้องเข้าไปอยู่แล้วแต่ไอ้เจ้านายมันดันนกรู้ลงเขตอาคมไว้เสียอย่างนั้นแถมกันเฉพาะคนเป็นพี่หวงน้องเสียด้วย มันน่านัก!!
เลโอไม่ตอบคำถามทำให้เลเคียถอนหายใจออกมาแล้วเปลี่ยนเรื่องเพราะดูแล้วต่อให้เค้นคอถามไอ้เจ้าชายปากหนักคนนี้ก็คงไม่มีวันเปิดปากพูดออกมาหรอก จะใช้กำลังก็ไม่ได้เพราะฝีมืออีกฝ่ายก็ใช่ย่อยถึงกับชนะน้องตนเองที่เป็นนักฆ่าเหนือนักฆ่ามาแล้ว อีกอย่างถ้าสู้กันตอนนี้จริงๆจะเป็นพวกเขามากกว่าที่เสียเปรียบในเมื่อคนตรงหน้าเป็นเจ้านายแถมยังเป็นความหวังของคนทั้งสามดินแดนอีก ขืนเป็นอะไรไปตอนนี้ละก็พวกเขาไม่ต้องย้ายบ้านหนีไปอยู่ในป่าด้วยข้อหาที่คนสามดินแดนเกลียดหรอกรึ ให้ตายสิมีเจ้านายอย่างนี้ยุ่งจริงๆ
“หินแห่งอนาคตอยู่ส่วนไหนของแดนภูต” เลเคียเปลี่ยนเรื่องให้เป็นการเป็นงานมากขึ้นหลังจากใช้ดวงตาสีเงินสำรวจแล้วว่าคนในห้องอาหารมีไม่มากเท่าไหร่เนื่องจากตอนนี้ยังเป็นเวลาที่ถือว่าเช้าเกินไปของใครหลายๆคน
“ที่ป่าแห่งกาลเวลา ภาคเหนือสุดของประเทศจันทราและเป็นภาคเหนือสุดของดินแดนแห่งภูต” เสียงเรียบตอบทำเอาองครักษ์ทั้งสามเบิกตากว้าง หินนั่นอยู่ในป่าที่ขึ้นชื่อเรื่องภูตดุร้ายน่ะหรือ ให้ตายสินี่นอกจากจะต้องปกป้องคนตรงหน้าจากพวกวิญญาณร้ายแล้วยังจะต้องปกป้องให้พ้นจากภูตดุร้ายอีกหรือเนี่ย
“นายนี่มัน...ใช้งานพวกฉันคุ้มจริงๆ” ลาฟบ่นอย่างนึกหงุดหงิด ถ้ารู้ว่าต้องเป็นแบบนี้เขาจะไม่ท้าประลองกับหมอนี่เลยแถมจะไล่กลับไปทันทีที่เข้ามาเหยียบบ้านด้วย ไม่น่ารับงานมาใส่หัวเลยเรา
“นายรู้ได้ไงว่ามันอยู่ที่นั่น” เลเคียที่นั่งอยู่ข้างๆน้องคนเล็กสุดของบ้านเอ่ยถามหาสิ่งที่จะนำมายืนยันข้อมูล ขืนเป็นข้อมูลลวงไม่เข้าไปเสียเที่ยวหรือ
“สายลมและพื้นดินเป็นคนบอกเรา” คำพูดของเลโอทำเอาเลเชียกับเลเคียถึงกับเงียบลงทันที ถ้าคนตรงหน้าพูดแบบนี้นั่นหมายความว่าข้อมูลนี้เชื่อถือได้แน่ๆ ข้อมูลที่มาจากสายลมและผืนดิน ข้อมูลที่จะไม่มีวันบิดเบือนโดยเด็ดขาด
“สายลมและผืนดินเป็นตัวบอกหรือ?” ลาฟยังคงไม่เข้าใจในคำพูดของคนเป็นเจ้าชายแห่งความหวัง อะไรคือข้อมูลของสายลมและผืนดิน หรือธาตุธรรมชาติทั้งสองจะอยู่เคียงข้างหมอนี่ แต่ไม่มีใครคิดจะอธิบายอะไรให้เขาฟัง
“เชื่อได้ใช่ไหม” เลเคียยังคงถามออกมา แม้ในใจของเขาและเลเชียจะเชื่อคำพูดนั้นไปมากกว่าครึ่งแล้วก็ตาม
“มากเกินพอ” พี่คนโตสุดได้แต่ยอมรับในความสามารถของคนๆนี้ ถ้าหมอนี่เอ่ยปากว่าสิ่งที่บอกตนเองมาคือสายลมและผืนดินล่ะก็ข้อมูลที่ได้จะไม่มีวันผิดพลาด พวกเขารู้ดีว่าสายลมและผืนดินจะไม่มีวันทรยศหักหลังเด็กหนุ่มคนนี้เป็นอันขาด
“พวกพี่จะไม่สืบเลยหรือไง มาเชื่อคำพูดของหมอนี่ง่ายๆเนี่ยนะ” คนเป็นน้องถามคนเป็นนักฆ่าอันดับหนึ่งและอันดับสองเรื่องข่าวสาร เขาไม่เข้าใจเลย ข้อมูลที่ได้จากผืนดินและสายลมงั้นหรือ จิตวิญญาณของธรรมชาติพวกนั้นยอมช่วยเจ้าชายแห่งความหวังถึงขนาดนั้นเลยหรือ มันเป็นไปไม่ได้
“พี่สองคนขอโทษด้วยนะ เมื่อคืนพี่ก็ไปสืบมาแล้วแต่ข้อมูลพวกนั้นหายากมาก ที่ได้มาก็ไม่ชัดเจน พวกชาวบ้านในพื้นที่ยังไม่มีใครรู้เลย” พี่เลเชียกอดน้องของตนพลางเอ่ยขอโทษปล่อยให้เลโอมองการกระทำนั้นอย่างแปลกใจ มีคนทำแบบนี้กับน้องชายตัวเองด้วยหรือ
เลเคียสะกิดเตือนน้องชายตนที่ชักจะทำอะไรตามนิสัยโดยไม่ได้ดูเวลาเลยว่าตอนนี้น้องของพวกเขาอยู่ในร่างของผู้ชาย ชอบทำอะไรไม่คิดอยู่เรื่อย
ลาฟเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ ไปสืบมาเมื่อคืนหรือ ไม่น่าทำไมพี่ทั้งสองถึงไม่รู้ว่าเมื่อคืนมีผู้บุกรุก นั่นก็เพราะพี่ทั้งสองไม่ได้อยู่ในห้องนั่นเอง แต่การสืบข้อมูลของพี่ทั้งสองเขาที่เป็นน้องยังไม่เคยรู้เลยว่าพี่ใช้วิธีอะไรถึงหามาได้เร็วขนาดนี้โดยเฉพาะพี่เลเคีย
“ข่าวที่ได้มาน้อยมากแต่ละเรื่องที่ได้มาไม่มีที่ซ่อนของหินแห่งอนาคตจะมีก็แต่คำบอกเล่าว่ามันคือส่วนประกอบอันหนึ่งที่จะเอาไปสร้างผนึกแห่งเวลาเท่านั้น” เลเคียเอ่ยอย่างพยายามหักเหความสนใจของเลโอออกจากการกระทำของเลเชียซึ่งมันก็ดูเหมือนจะได้ผล
“ก็คงจะเป็นแบบนั้น” คนเป็นเจ้าชายพูดอย่างเห็นเป็นเรื่องปกติ เรื่องนี้จะไม่มีใครรู้ก็ไม่แปลก สมบัติศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในป่าแห่งกาลเวลารายล้อมด้วยภูตดุร้าย นั่นหมายความว่าพวกภูตต้องปกป้องดูแลรักษามันดีอยู่แล้วและพวกมันคงไม่ยอมให้ใครเข้าไปแตะต้องหินแห่งอนาคตได้แน่ๆ คนเป็นเจ้าชายลุกขึ้นจากเก้าอี้แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันไปลากลาฟที่นั่งอยู่ระหว่างเลเชียกับเลเคียให้เดินไปทางประตูด้วยกัน
“นั่นจะไปไหน” เลเชียรีบถามอย่างระแวงทันทีที่เห็นเลโอลากน้องสาวของตนเองไปด้วย
“ไปเก็บของ” สิ้นเสียงร่างของคนทั้งสองก็หายไปจากห้องอาหารเสียแล้วปล่อยให้พี่ทั้งสองพากันกัดฟันอย่างอิจฉาและโมโห อิจฉาที่มันได้อยู่กับน้อง โมโหที่มันบังอาจมาสนิทกับน้องของเขาแต่พี่อย่างเขาก็ทำอะไรไม่ได้
“ไปกันเถอะเลเชียเดี๋ยวเรือก็เทียบท่าที่ประเทศริเคสแล้ว” พี่คนโตพูดอย่างหงุดหงิดไม่แพ้กันก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินออกไปจากห้องอาหาร
หวังว่าการเดินทางในครั้งนี้เจ้าชายเลโอจะไม่รู้ว่าน้องเป็นผู้หญิงนะ ลาเฟีย...
•.★*... ...*★.•
ริเคส ประเทศที่มีความสำคัญเป็นอันดับหนึ่งแห่งดินแดนภูตเนื่องจากเป็นประเทศที่ใหญ่และมีกำลังรบที่เกียงไกรอีกทั้งยังเป็นศูนย์รวมของดินแดนภูต ท่าเรือที่ใช้ข้ามเขตแดนระหว่างดินแดนมนุษย์และภูตถึงสามในสี่ก็ถูกริเคสครอบครองจะมีเพียงหนึ่งในสี่ทางตอนเหนือเท่านั้นที่ถูกครอบครองโดยประเทศแคสเฟีย
“เราต้องใช้เวลาเกือบๆหนึ่งเดือนถึงจะไปถึงป่าแห่งเวลาได้” ท่านพี่เลเชียให้ข้อมูลหลังจากลงจากเรือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ต้องเร็วกว่านั้น” เลโอพูดออกมาเสียงราบเรียบทำเอาเลเชียถลึงตาให้
“ฉันก็คำนวณแล้วถึงจะใช้บริการของพวกภูตบินไปก็เถอะ ยังไงก็ยังใช้เวลาตั้งยี่สิบสองวัน” คำพูดของผู้เป็นพี่ทำเอาลาฟถามออกมาอย่างสงสัย
“ทำไมการเดินทางด้วยภูตถึงใช้เวลาเกือบๆเท่าการเดินทางโดยรถม้าล่ะ” พี่เลเคียหันมามองน้องก่อนจะตอบแทนเลเชียที่กำลังหัวเสีย ไอ้เจ้าชายบ้านั้นนึกว่าเขาเป็นพระเจ้าหรือไงจะได้ทำได้ทุกอย่างแม้แต่การร่นระยะทางนะ
“ที่พูดมานะรวมเวลาที่รอเข้าด่านประเทศจันทราซึ่งไม่รู้ว่าต้องรอกี่วัน เวลาพักของพวกภูตและรวมค่าเสียเวลาที่ต้องสู้กับพวกภูตป่าที่ตอนนี้ชอบออกอาละวาดบ่อยๆบนน่านฟ้า” คำพูดของท่านพี่ทำเอาเขาอยากจะถอนหายใจออกมาดังๆเนื่องจากเห็นแววยุ่งยากลอยมารำไร
“แล้วถ้าใช้เวทเคลื่อนย้าย” เลโอถามเสียงเย็น
“ที่ประเทศจันทราส่วนใหญ่จะเป็นป่าและมีภูตอยู่เกือบทุกชนิด บางชนิดก็เป็นพวกที่ต้องอนุรักษ์เพราะฉะนั้นที่นั่นจึงเป็นเขตหวงห้าม เราใช้เวทเคลื่อนย้ายในเขตหวงห้ามไม่ได้ ถ้าจะใช้เวทเคลื่อนย้ายก็จะไปได้ถึงแค่ปลายสุดของริเคสเท่านั้นก่อนจะเข้าประเทศจันทรา” พี่เลเคียสรุปออกมายืดยาวก่อนจะพึมพำกับตนเองต่อ
“แต่ก็นั่นแหละหากเข้าไปในป่าจันทราแล้วคงจะหลงง่ายเผลอๆอาจจะต้องคิดค่าเสียเวลาเดินหลงป่าอีก” เสียงบ่นพึมพำที่ทุกคนได้ยินทำเอาลาฟชักเริ่มท้อ นี่เขาจะมีชีวิตกลับไปเป็นนักฆ่าต่อไหมเนี่ยขนาดแค่มาหาหินแห่งอนาคตที่แดนภูตยังยุ่งยากขนาดนี้ นี่ยังไม่ร่วมหินแห่งอดีตที่แดนปีศาจเลย
“พวกนายมีภูตรึเปล่า” เสียงเย็นของเลโอถามสามพี่น้องที่กำลังพยายามหาหนทางดีๆในการร่นระยะทาง
“ไม่เห็นจำเป็นนี่” ลาฟแย้งคนแรกเพราะปกติก็ไม่จำเป็นจริงๆ ปกติเวลาไปไหนมาไหนตอนทำงานเธอแค่ใช้เวทเคลื่อนย้ายก็จบเรื่องแล้ว นี่ถ้าพี่ชายไม่พูดถึงเขตหวงห้ามขึ้นมาเธอเองก็คงไม่คิดถึงมันหรอกในเมื่อทำงานเป็นนักฆ่าจะไปสนใจเรื่องกฎหมายทำไม แต่พอมาเป็นองครักษ์ติดตามเจ้าชายแห่งความหวัง จะทำอะไรก็ล้วนแต่ต้องระวังตัว เพราะคณะเดินทางนี้ย่อมเป็นที่จับตามองของกษัตริย์แต่ละประเทศ ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาคงมีการตรวจสอบกันอย่างเข้มงวดแน่ เพราะเหตุนี้พี่เลเคียถึงมองข้ามเขตหวงห้ามไปไม่ได้
“ฉันไม่อยากจ้างภูตของใครไปส่งเรา” คำพูดของคนเป็นเจ้าชายทำเอาเลเชียเอ่ยปากถาม
“ทำไมล่ะ” ลาฟเผยยิ้มออกมานิดเมื่อรู้ความคิดของคนตรงหน้าแต่เลเคียกลับเอ่ยปากชม
“รอบคอบจริงนะ” เลเชียมองน้องที มองพี่ทีก่อนจะหันไปมองคนเป็นเจ้าชายอย่างงุนงง เลเคียมองคนเป็นน้องชายที่เกิดหลังไม่กี่นาทีที่ใบหน้าราวกับจะมีข้อความเขียนแปะไว้ว่า ‘ช่วยแถลงไขด่วน’ แล้วได้แต่ถอนหายใจก่อนจะจำใจอธิบายอย่างหดหู่
“นายคงจะเผื่อไว้ด้วยสินะว่าหินแห่งอนาคตอาจจะไม่ได้อยู่ที่นั่น ตอนนั้นเราคงจำเป็นต้องกลับมานี่หรือไปที่อื่นและอีกอย่างการเข้าไปในป่าแห่งภูตอย่างน้อยก็น่าจะมีภูตติดตัวไปด้วย” ถึงสายลมและผืนดินจะไม่มีทางโกหกแต่ป้องกันไว้ก็ดีกว่ามาวิ่งแก้ทีหลัง ถ้าหากหินแห่งอนาคตไม่อยู่ที่นั่นจริงๆพวกเขาก็จะได้ไปต่อเลย
คราวนี้เลเชียถึงบางอ้อก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วยจนเลเคียรู้สึกหมั่นไส้ ถ้าเป็นลาฟคงจะน่ารักกว่านี้เยอะพี่คนโตที่รักน้องสาวเข้ากระดูกดำเปรียบเทียบในใจ
“นายมีภูตแล้วหรือ” ลาฟถามออกมาแล้วก็อยากกัดลิ้นเพราะเพิ่งนึกได้ว่ามันเป็นคำถามที่โง่มากๆ เขากำลังลืมว่าคนตรงหน้าเป็นเจ้าชาย แถมยังเป็นถึงเจ้าชายแห่งความหวังของสามดินแดนเสียด้วย ไม่มีภูตในครอบครองเลยนั่นแหละถึงจะเป็นเรื่องแปลก
“มี” เสียงราบเรียบตอบกลับสั้นๆทำเอาลาฟยิ่งรู้สึกว่าตนเองโง่มาก เขาผิดเองละที่ถาม
“เพราะฉะนั้นพวกนายก็ไปซื้อซะฉันจะออกเงินทั้งหมดให้” คำพูดคนเป็นเจ้านายทำเอาลาฟหมั่นไส้ เขาคงลืมไปว่าหมอนี่เงินหนาแต่เลเชียกลับยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ ไหนๆก็จะได้ของฟรีแล้วนี่ เลเคียอยากจะถอนหายใจออกมาเมื่อเห็นหน้ากระดี้กระด้าของน้องชายที่ขึ้นป้ายว่า ‘งก’ เสียออกนอกหน้า
“แล้วก็ช่วยหาภูตที่สามารถแบกพวกนายบินได้ด้วยนะไม่ใช่บินแล้วร่วง” เลโอพูดออกมาอีกแม้ประโยคจะยาวแต่ก็ยังใช้น้ำเสียงเย็นๆแบบเดิมอยู่ดี
ลาฟเบ้ปาก หมอนี่ใช้คำพูดว่าหาภูตที่บินได้ แล้วกลัวพวกเขาจะไปคว้านกตัวเล็กๆมาหรือไงเล่า ได้แต่คิดเท่านั้นตราบใดที่คนตรงหน้ายังเป็นคนจ่ายเงิน เขาไม่ได้งกนะแต่เพราะคำพูดของหมอนี่มันน่ามันไส้นี่ เดี๋ยวจะเอาให้กระเป๋าฉีกเลยคอยดู
