หินก้อนที่ 6 : ผู้มาเยือนยามราตรี
ยามค่ำคืนยังคงเงียบสงบ ทุกชีวิตบนเรือลำใหญ่ที่แล่นอยู่กลางผืนน้ำสีดำมืดอันกว้างขวางกำลังตกอยู่ในห้วงนิทรา
ฟุบ...ทว่าค่ำคืนอันเงียบสงบนี้กำลังจะถูกทำลายเมื่อมีเงาร่างนับสิบเคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบและว่องไวไปตามแนวระเบียง ชายในชุดดำทั้งสิบพากันหยุดอยู่ที่ห้องซึ่งเป็นเป้าหมายในคืนนี้
คนหนึ่งในสิบค่อยๆหยิบถุงบางอย่างออกจากกระเป๋าก่อนจะเปิดปากถุงอย่างรีบเร่ง ผงสีเงินทอประกายอยู่ในถุงแลดูสวยงามทว่าสิ่งนั้นคือผงนิทรา
“โปรยมันเร็ว ก่อนที่พวกมันจะรู้ตัว” คนหนึ่งส่งเสียงเบาเร่งเพื่อนเพราะคนในห้องเป็นประเภทที่ไม่น่าลองเล่นด้วยเลยสักนิด แถมยังมีสัมผัสที่เฉียบคมว่องไว ถ้าตื่นขึ้นมาละก็งานของพวกเขาวันนี้คงไม่มีทางสำเร็จแน่ เผลอๆพวกเขาอาจจะต้องมาตายที่นี้ก็เป็นได้
บุรุษผู้ถือผงนิทรารีบโปรยมันตามเสียงเร่งของเพื่อนทันที ทุกคนต่างรีบกลั้นหายใจเมื่อสายลมยามดึกพัดผงสีเงินให้ปลิวว่อนกระจายเข้าไปในห้อง และเมื่อรอแน่ใจว่าผงนิทราทำงานตามหน้าที่ของมันแล้วชายคนหนึ่งก็เปิดประตูเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็ว
ภายในห้องยังคงเงียบสงบ ไม่มีวี่แววของการเคลื่อนไหวใดๆ พวกชายชุดดำรีบวิ่งไปที่เตียงเดี่ยวกลางห้องทันทีแต่สิ่งที่พวกเขาเห็นกลับทำให้ความแปลกใจพุ่งพรวด เด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินเข้มนอนอยู่บนเตียงอย่างสบายใจโดยไม่รับรู้การมาเยือนของพวกเขาเลย น่าจะโดนผงนิทราที่พวกเขาปล่อยเข้ามาในห้องไปเต็มๆ แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาแปลกใจคือเตียงด้านข้างที่ว่างเปล่า มันควรจะมีร่างใครอีกคนหนึ่งนอนอยู่ตรงนั้น
“ไหนนายบอกว่ามีคนพักกับเจ้าชายแห่งลาเพียอีกคนไง” บุรุษคนหนึ่งหันไปถามเพื่อนที่อยู่ข้างๆ
“ก็มีคนเห็นมาแบบนั้นจริงๆนี่ ในข่าวที่ได้มาบอกว่าเจ้าหมอนั่นเป็นถึงนักฆ่าอันดับหนึ่งแต่กลับต้องมาเป็นองครักษ์ให้เจ้าชาย” เพื่อนคนที่หาข้อมูลมารีบแก้ตัวให้ตนเอง
“ช่างมันเถอะ รีบจัดการซะ” ชายอีกคนตัดบทการทะเลาะกันของทั้งสองก่อนจะหันไปมองคนบนเตียง
“น่าขำนะ ทั้งๆที่อีกฝ่ายเป็นถึงนักฆ่าอันดับหนึ่งแต่กลับปล่อยเจ้านายเอาไว้คนเดียว อย่างนี้เขาเรียกว่าประมาท” บุรุษคนนั้นกล่าวอย่างเย้ยหยันเต็มทน
“แต่นักฆ่าคนนั้นอาจจะเป็นนักฆ่าอันดับหนึ่งด้านอื่นก็ได้ อย่าพวกด้านปลอมแปลงหรือเก็บกวาด” เพื่อนอีกคนหนึ่งที่มาด้วยกันยังคงพูดอย่างเห็นเป็นเรื่องตลกแต่คนที่พูดก่อนหน้านั้นไม่สนใจที่จะฟัง เจ้าตัวชักมีดออกมาจากกระเป๋าเสื้อด้านในทั้งๆที่สายตายังจับจ้องคนที่หลับอย่างเป็นสุขอยู่บนเตียง
“ช่างน่าขำนะเจ้าชาย ทั้งๆที่เก่งขนาดนั้นแต่ก็มีวันที่พลาดท่าจนได้” พวกมันแต่ละคนพากันแสยะยิ้มอย่างนึกสมเพช ขณะที่เพื่อนกำลังเงื่องมีดในมือหมายฆ่าเด็กหนุ่มทว่าทุกอย่างก็ต้องหยุดชะงักไปเมื่อสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่แผ่กระจายครอบคลุมพื้นที่และกดดันพวกเขาจนไม่กล้าขยับเขยื้อน จิตสังหารนี่ช่างน่ากลัว...
“มันน่าขำขนาดนั้นเลยรึ” เสียงเย็นเยียบดังขึ้นที่หน้าต่างทำให้คนในห้องรีบหันขวับไปมอง ร่างๆหนึ่งนั่งอยู่บนขอบหน้าต่างท่ามกลางแสงจันทร์ที่ส่องเข้ามา ใบหน้าที่ฉายแววดูแคลนเต็มเปี่ยมถูกปกปิดไว้ภายใต้หน้ากากสีขาวสะอาด ดวงตาสีฟ้าเย็นชามองลอดหน้ากากออกมาจับจ้องพวกเขาอย่างรอคอยคำตอบ คนตรงหน้าไม่มีท่าทีทุกข์ร้อนเลยสักนิดแม้เจ้านายที่ต้องปกป้องจะอยู่ในเงื้อมมือของพวกเขา
คนตรงหน้าเก่ง...มันคือสิ่งที่ชายในชุดดำทั้งสิบตระหนักได้ ในเมื่อตอนที่เข้ามาพวกเขาไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของคนๆนี้เลยสักนิด คนๆนี้นั่งรอเหยื่ออย่างพวกเขาด้วยความใจเย็น รอคอยอย่างเงียบเชียบให้พวกเขาเดินเข้ามาติดกับกันเอง
“ว่าไงมันน่าขำขนาดนั้นเลยรึ หรือว่าฉันประมาทไป” คนตรงหน้าถามอย่างนึกสนุกกับท่าทีตะลึงของผู้บุกรุกยามวิกาล อันที่จริงเขารับรู้ถึงตัวตนของคนทั้งสิบตั้งแต่ก่อนจะขึ้นเรือแล้ว อุตส่าห์รอการลงมือของคนพวกนี้อยู่ตั้งนาน หากไม่ได้เล่นสนุกด้วยสักนิดก็ออกจะน่าเสียดายไปหน่อย
“นะ...นายอย่าได้ขยับ!!” บุรุษคนหนึ่งรีบตะคอกใสทันทีที่ตั้งสติได้ทำให้ลาฟเลิกคิ้วมอง
“กำลังสั่งฉันรึ” เด็กหนุ่มถามเหมือนสงสัยอย่างมากซึ่งมันช่างตรงข้ามกับน้ำเสียงสมเพชนั่นเหลือเกิน เขากำลังสมเพชที่อีกฝ่ายนึกว่าตนเองสามารถออกคำสั่งกับเขาได้
“แล้วทำไมฉันจะต้องทำตาม” ถือดียังไงมาสั่งเขาและถือดียังไงถึงคิดว่าเขาจะทำตาม
“เจ้านายแกอยู่กับเรา” เสียงของบุรุษคนหนึ่งขู่พร้อมกับเพื่อนอีกคนที่ถือมีดอยู่ในมือและอยู่ใกล้เลโอมากที่สุดรีบทาบมีดไว้บนต้นคอของคนเป็นเจ้าชายอย่างหวังข่มขู่เต็มที่
“อ๋อ...กำลังขู่อยู่นั่นเอง” ลาฟพูดเหมือนกับจะเพิ่งเข้าใจก่อนจะแสยะยิ้มพลางลุกขึ้นจากขอบหน้าต่าง แล้วเดินเข้าไปหาชายในชุดดำที่ต่างยืนนิ่งอย่างหวาดกลัว
“นายไม่กลัวเจ้านายจะเป็นอะไรไปหรือไง” บุรุษที่ถือมีดอยู่เอ่ยอย่างหวาดกลัว ทำไม...ทำไมตอนที่พวกเขาเข้ามาในห้องถึงไม่รู้ว่าคนตรงหน้ารอพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว และทำไมคนตรงหน้าถึงไม่หลับเพราะผงนิทรา
ถ้าพวกชายชุดดำสามารถมองทะลุเข้าไปในหน้ากากได้จะเห็นใบหน้าสวยของผู้ที่อ้างตนว่าเป็นเด็กหนุ่มบึ้งลงไปถนัดตา ดวงตาคู่สีฟ้าสวยวาววับเมื่อพวกคนตรงหน้าดันจี้ใจดำเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ย้ำอยู่นั่นว่าไอ้เจ้าชายมันเป็นเจ้านายเขา เจ้านายที่ไม่อยากมีเลยสักนิดและตอนนี้มันกำลังแปรเปลี่ยนไปเป็นเจ้านายที่เขาชักอยากจะฆ่าให้ตายไปเสียเลย
“เจ้านายงั้นรึ...” ลาฟเปรยถามเสียงเย็นขณะมองไปที่เลโอซึ่งกำลังหลับอยู่บนเตียง
“ก็อาจจะใช่แต่ก็เป็นเจ้านายแค่ในนามเท่านั้นแหละ ไอ้ความรู้สึกที่อยากปกป้องน่ะมันไม่มีหรอก!!” แม้ประโยคจะยาวขึ้นแต่น้ำเสียงที่ใช้ก็ยังเย็นเยียบจนน่าขนลุกเหมือนเดิม
“แกมันเป็นตัวอะไร เจ้านายก็ไม่สน ขนาดผงนิทรากับแกก็ยังใช้ไม่ได้” ลาฟเหยียดยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อได้ฟังคำถามซึ่งเจือไปด้วยความหวาดกลัวที่ดังมา
“ไอ้ผงนิทราน่ะฉันรู้จักมันดี...ดีกว่าพวกแกเยอะ และอีกอย่างตอนที่พวกแกปล่อยผงนิทราเข้ามาในห้องมันมีเวลาเตรียมตัวป้องกันเหลือเฟือ” ลาฟเอ่ยอย่างนึกสมเพชและแกล้งเอ่ยบางอย่างด้วยน้ำเสียงที่เหมือนคนเพิ่งนึกได้ว่าลืมอะไรไป
“อ๋อ ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวนี่นะ” ดวงตาสีฟ้าของผู้เป็นมือสังหารที่ถอดมองบุรุษนับสิบวาววับราวคมมีด จิตสังหารมากมายทะลักออกมากดดันทุกคนในห้อง
“ฉันนักฆ่าอันดับหนึ่งในเรื่องลอบสังหารและฆ่าคน” ลาฟพูดแล้วสะบัดมือออกไปข้างๆ ลมบางอย่างแผ่กระจายออกจากฝ่ามือพุ่งเข้าหาทุกคนราวกับจะประกาศเจตนาของตนว่าจะฆ่าผู้มาเยือนทุกคน
วูบ...สายลมหมุนรอบมือของผู้ที่ประกาศตนว่าเป็นนักฆ่าอันดับหนึ่งเรื่องลอบสังหารและฆ่าคน และเพียงพริบตาเดียวที่เคียวเล่มใหญ่กว่าผู้เป็นเจ้าของก็ปรากฏอยู่ในมือ เคียวพรากวิญญาณ!!
“ผู้ใช้สมญาเพชฌฆาตแห่งความตาย!!!” จิตสังหารปริมาณมากยิ่งแผ่ออกมาตรึงทุกคนไว้กับที่ บุรุษคนที่ทาบมีดไว้บนต้นคอของเลโอถึงกับกลัวจนเผลอปล่อยมีดให้หลุดออกจากมือ
เหล่าชายในชุดดำทั้งสิบเริ่มเครียด ตอนแรกที่ได้ยินมาว่าคนตรงหน้าเป็นนักฆ่าอันดับหนึ่งก็เพียงคิดว่าจะเป็นนักฆ่าที่ถนัดในด้านปลอมแปลง เค้นข้อมูลหรืออื่นๆ แต่ไม่นึกเลย...ไม่นึกเลยว่าจะต้องมาเจอนักฆ่าที่อยู่เหนือนักฆ่า เพชฌฆาตแห่งความตาย...นักฆ่าอันดับหนึ่งในการลอบสังหารและฆ่าคน!!
“แล้วก็...” เสียงที่ลอยมาดึงทุกคนให้กลับมาสนใจฟังอีกครั้ง
“ยินดีต้อนรับสู่ประตูแห่งความตาย!!” สิ้นเสียงเด็กหนุ่มที่ใช้หน้ากากสีขาวปิดบังใบหน้าไว้ก็หายวับไปกับตา บุรุษทั้งสิบต่างรีบมองหานั้นทันทีด้วยรู้ว่าหากยังหาเด็กหนุ่มคนนั่นไม่เจอจะเป็นพวกตนเองที่สิ้นชีพอยู่ตรงนี้ แต่ยิ่งพยามยามมองหากลับยิ่งเป็นการเปล่าประโยชน์ คนๆนี้ซ่อนตัวได้อย่างมิดชิดและยังเก็บจิตสังหารของตนได้อย่างดีเยี่ยมสมกับเป็นผู้ที่พวกนักฆ่ายกย่องให้เป็นอันดับหนึ่ง
ฉัวะ…เพียงพริบตาเดียวที่เงาลางๆปรากฏให้เห็น เคียวพรากวิญญาณในมือถูกสะบัดออกอย่างรวดเร็วสะบั้นศีรษะของบุรุษคนหนึ่งในสิบหลุดออกจากบ่าโดยที่ผู้ตกเป็นเหยื่อไม่ทันจะกรีดร้องแม้สักครึ่งคำ พวกที่เหลือรีบหันมาเมื่อได้ยินเสียงโลหะมีคมบาดเข้ากับเนื้อทว่าก็พบแต่ความว่างเปล่าและศพไร้หัวของเพื่อนที่กองอยู่กับพื้น เลือดสีแดงไหลนองส่งกลิ่นเหม็นคาวคลุ้มไปทั่วทำเอาผู้ลงมือสังหารอย่างเลือดเย็นที่มองดูอยู่ในเงามืดส่ายหัวแล้วเปรยออกมา
“ไม่ไหวๆ เลือดนี่เหม็นคาวจริงๆ คงนอนไม่ได้แน่ๆ” เสียงบ่นที่ดังขึ้นมาทำเอาทุกคนรีบมองหา ทว่าไม่เห็นแม้แต่เงาของเด็กหนุ่ม
ฉึก อ๊าก... เสียงร้องของเพื่อนคนหลังสุดดังมาทำให้พวกเขาหันไปมองอีกครั้งและเช่นเดิม ภาพที่เห็นคือร่างของเพื่อนตนเองที่นอนจมกองเลือดตายสนิทแต่ก็ยังไร้เงาร่างของผู้ลงมือสังหารอยู่ดี คนผู้นี้ลงมือได้อย่างรวดเร็ว...เร็วราวกับไม่ใช่มนุษย์เดินดินและที่แย่กว่านั้นคือผู้ลงมือสังหารยังเลือกเก็บแต่ข้างหลัง
“สงสัยต้องจัดการเก็บพวกแกแล้วไปเก็บกวาดคราบเลือดเสียแล้ว” เสียงเรียบยังคงดังขึ้นแต่ไม่มีใครสามารถกำหนดทิศทางของเสียงได้และเมื่อสิ้นเสียงนั้น
ฉัวะ อ๊าก... เสียงของเพื่อนอีกสองคนดังขึ้นด้านหลังอีกเช่นเคยก่อนจะทรุดฮวบลงไปนอนนิ่งอยู่ที่พื้น บุรุษอีกหกคนที่เหลือเริ่มใจไม่ดีเพราะแม้คนที่ซ่อนใบหน้าตนเองไว้ภายใต้หน้ากากจะสังหารเพื่อนของพวกตนไปหลายคนแล้วแต่พวกเขาก็ไม่รู้อยู่ดีว่าลาฟซ่อนตัวอยู่ที่ไหน ทั้งๆที่ห้องนี้ก็แสนแคบและคนที่พวกเขาหาอยู่ก็ถือเคียวอันใหญ่อีกด้วย เก่งเกินไป... บุรุษทั้งหกตัดสินใจหันหลังชนกันอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันรูโหว่ด้านหลังของพวกตนแต่มันก็ยังไร้ประโยชน์อยู่ดี
“นึกว่ามันจะได้ผลรึ” และเพียงพริบตาเดียวเท่านั้นเพื่อนอีกสามคนก็ล้มลงไปต่อหน้า ล้มลงไปกองกับพื้นพร้อมเลือดสีแดงฉานที่พุ่งกระฉูดออกจากบาดแผลที่อยู่ด้านหลัง คนๆนั้นยังคงเก็บจากด้านหลังอีกหรือเนี่ย เป็นไปได้ยังไง
“แกเป็นตัวอะไรกัน” ชายคนหนึ่งถามออกมาอย่างหวาดกลัว คนๆนี้เก่งราวกับไม่ใช่มนุษย์และโหดเหี้ยมดังมัจจุราชเดินดิน
“จะคิดอย่างไรก็เรื่องของพวกนาย” เสียงเรียบดังก้องในห้องน้ำเสียงบอกถึงความไม่แยแส จะปีศาจร้าย มัจจุราชหรือเทพแห่งความตาย เชิญเรียกกันไปเลยเพราะเขาไม่คิดจะสนใจอยู่แล้ว ในโลกนี้ขอเพียงแค่เก่งกาจก็จะมีสิทธิอยู่รอดต่อไป
“ถ้าแน่จริงก็อย่าเล่นลอบกัดข้างหลังสิ” บุรุษอีกคนท้าทำให้ลาฟเหยียดยิ้มอย่างสมเพช พวกแมงเม่าบินเข้ากองไฟ
“ถ้าต้องการอย่างนั้นก็ย่อมได้” เสียงเย็นตอบกลับอย่างไร้ที่มาเช่นเคยแต่คราวนี้มันกลับเต็มไปด้วยกระแสแห่งความกดดัน
“แต่อย่ามาเสียใจทีหลังก็แล้วกัน” ฟุ่บ…ฉัวะ...!!
•.★*... ...*★.•
ไอแห่งความตายแผ่ขยายปกคลุมห้องเล็กๆ มันคุกคามกดดันจนรู้สึกอึดอัด กลิ่นคาวเลือดกระจายไปทั่วแต่ผงนิทราก็ยังทำงานได้อย่างดีเยี่ยมเพราะไม่มีใครเลยที่จะตื่นมารับรู้เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น ลาฟปรากฎตัวขึ้นข้างหน้าต่างอีกครั้งพร้อมเคียวเล่มยักษ์ที่ชุ่มไปด้วยเลือด เด็กหนุ่มกระตุกยิ้มมองดูผลงานตนเองภายใต้หน้ากากสีขาวสะอาดที่ย้อมไปด้วยของเหลวสีแดงฉาน ดวงตาสีฟ้ากวาดมองไปทั่วห้องที่เต็มไปด้วยเลือดไหลนองและเกลื่อนไปด้วยซากศพ
“ใส่วิญญาณร้ายที่ถูกสร้างขึ้นด้วยมนตร์ดำเข้าไปในซากศพรึ” เสียงเย็นยะเยือกเอ่ยขณะดวงตาสีฟ้าจับจ้องผู้มาเยือนที่เหลือเพียงร่าง
“เก่งจริงๆบุรุษคนนั้น เก่งสมกับที่เมื่อหลายปีก่อนเคยคิดจะทำลายล้างทั้งสามเผ่าพันธุ์!!” คำพูดที่เอ่ยออกมาราวกับจะชมทว่าดวงตาสีฟ้าใสกลับเรียบเฉยเพื่อซ่อนความกังวลของตนเองเอาไว้ลึกๆ
บุรุษคนนั้นได้สร้างวิญญาณร้ายขึ้นมาด้วยมนตร์ดำก่อนจะนำวิญญาณพวกนั้นใส่ลงในซากศพที่มีเลือดเนื้อเพื่อให้ศพมีความนึกคิดและมีชีวิตใหม่ แต่ซากศพนั้นก็ยังคงถูกผูกมัดไว้กับผู้สร้างเพื่อตามล่าผู้กล้าที่ครอบครองดาบแห่งความหวังตามคำทำนาย เวลาหลายปีที่บุรุษคนนั้นถูกจองจำในผนึกแห่งกาลเวลาไม่ได้ลดความทะเยอทะยานของเขาลงไปเลยสักนิดทว่ามันกลับเพิ่มพูนเป็นความแค้นซึ่งรอเวลากลับมาชำระ
เป๊าะ...ลาฟดีดนิ้วของตนทีหนึ่งทั้งคราบเลือดและซากศพก็หายไปราวกับไม่เคยมีอยู่มาก่อน รวมทั้งคราบเลือดที่เคยติดอยู่บนหน้ากากด้วย หายไปทั้งหมดแม้แต่ไอแห่งความตายและกลิ่นคาวของเลือด เด็กหนุ่มเหลือบสายตาของตนเองไปมองทางคนเป็นเจ้าชายที่นอนอยู่บนเตียงพลางแสยะยิ้ม เจ้าตัวหันเคียวไปทางร่างนั้นอย่างน่าหวาดเสียวก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงเย็นยะเยียบ
“ถ้าไม่ลุกขึ้นมาละก็ฉันจะทำให้นายหลับไม่ตื่น” คำพูดพร้อมเคียวที่ตั้งท่าไว้เหมือนบอกว่าจะทำจริงๆอย่างที่พูดเป็นผลให้คนที่แกล้งหลับมาตลอดต้องค่อยๆดันตัวลุกขึ้นจากเตียง
“ใช้งานเยี่ยงทาสจริงๆนะเจ้านาย” ลาฟพูดออกมาอย่างหมั่นไส้และเน้นคำว่าเจ้านายราวกับจะประชดประชัน และก็เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายแกล้งหลับ ในยามที่วิญญาณร้ายพวกนั้นยกเอาชีวิตของชายหนุ่มขึ้นมาข่มขู่ ลาฟจึงไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวสักนิด ความจริงเขารู้สึกสมเพชคนพูดเสียด้วยซ้ำที่แยกแยะไม่ออกว่าหมอนี่ตั้งใจเล่นละคร ถ้าวิญญาณร้ายตนนั้นลงมือ คนลงมือเองนั่นแหละที่จะตายก่อน
“ฉันว่าฉันเป็นเจ้านายที่ดีที่สุดแล้วนะ” เลโอเอ่ยออกมาอย่างไร้อารมณ์ไม่สนใจคำถากถางของลาฟเลยสักนิด และไม่สนใจด้วยว่าตนเองเป็นคนปล่อยให้องครักษ์ตรงหน้าเก็บกวาดปัญหาอยู่คนเดียวทั้งที่เขาไม่ได้สลบไปเพราะถูกผงนิทราแม้แต่น้อย เลโอมองดูสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ต้นเหมือนกับว่ามันเป็นเพีบงละครฉากหนึ่งทั้งที่ความจริงมันเป็นปัญหาของเขาเอง
“เสียใจด้วยพอดีฉันเป็นนักฆ่ามีแต่ ‘ผู้ว่าจ้าง’ ไม่ได้เป็นองครักษ์มาก่อนถึงจะได้มี ‘เจ้านาย’” ลาฟตอกกลับด้วยเสียงที่ราบเรียบไม่แพ้กัน
“ฝึกไว้ก็ดี” คำพูดที่ตอกกลับของคนเป็นเจ้าชายทำเอาเส้นอารมณ์ของลาฟเกือบขาดจนได้ ดวงตาสีฟ้ามองคนเป็นเจ้านายอย่างอาฆาต สักวันคนตรงหน้าต้องแพ้เธอ!!
“ขอบคุณในความหวังดีแต่ฉันคงไม่มีทางทำหน้าที่องครักษ์เป็นครั้งที่สองแน่!!” พูดจบเด็กหนุ่มผมเงินก็ก้าวเท้าฉับๆมาที่เตียงก่อนวาดมือไปในอากาศเคียวเล่มยักษ์ก็หายวับไปกับตา เด็กหนุ่มผู้เป็นนักฆ่าล้มตัวลงนอนบนเตียงอีกเตียงที่อยู่เคียงข้างเตียงของเลโอทั้งๆที่ยังไม่ได้ถอดหน้ากากออกและไม่นานเจ้าตัวก็เงียบไป
เลโอเหลือบตาไปมองคนด้านข้างที่เงียบไปก่อนจะส่ายหน้าอย่างระอาเมื่อเห็นว่าลาฟหลับไปแล้วจริงๆ คนเป็นเจ้าชายถอนหายใจออกมานิดหนึ่งพลางกวาดสายตามองรอบห้องที่เคยเต็มไปด้วยเลือดและซากศพ คนพวกนั้นคงไม่รามือเป็นแน่ถ้าหากว่าเขายังมีชีวิต
ดวงตาสีฟ้าของเลโอหันไปมองคนข้างๆอีกครั้งขณะที่ความสงสัยผุดขึ้นในใจ ทำไมต้องใส่หน้ากากอยู่ตลอดเวลา? เร็วเท่าสมองสั่งการเด็กหนุ่มผู้เป็นเจ้าชายเอื้อมมือไปหวังจะถอดหน้ากากสีขาวนั่นออก
หมับ!!
ทว่ามือของเขากลับถูกจับด้วยมือของคนที่นึกว่าหลับไปแล้ว ดวงตาสีฟ้าลืมขึ้นทันทีขณะมองเขาอย่างมุ่งร้ายและพร้อมลงมือทำร้ายได้ทุกเมื่อโดยไม่สนใจว่าเป็นเจ้านายที่ตัวเองจะต้องปกป้อง
“หากนายจะแตะต้องหน้ากากนี่ละก็...ฉันไม่เอานายไว้แน่” เด็กหนุ่มผู้เป็นนักฆ่าขู่คนที่ยังเฉยได้ ดวงตาสีฟ้าคู่สวยที่มองตรงมาบอกว่าเจ้าตัวทำจริงไม่ได้พูดเล่น
“ไม่ได้หลับจริงๆด้วยสินะ” สิ้นเสียงร่างสูงก็ทรุดตัวลงนอนปล่อยให้ลาฟคิดว่านี่คงเป็นแค่การทดสอบของคนเป็นเจ้านาย
เลโอถอนหายใจออกมาอย่างระอา ดูเหมือนว่าการเดินทางในครั้งนี้สิ่งที่น่ากลัวคงไม่ใช่ศัตรูเสียแล้ว ในเมื่อศัตรูไม่น่ากลัวอย่างที่คิดแต่สิ่งที่น่ากลัวคงจะเป็นองครักษ์ที่เขาจ้างมานี่สิ
เลโอเหยียดยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย แต่ก็สนุกดีการเดินทางคงไม่น่าเบื่ออย่างที่คิด!!
แต่ถามจริงเหอะ มีองครักษ์บ้านไหนอยากฆ่าเจ้านายตนเองบ้างเนี่ย
