หินก้อนที่ 4 : การประลองแห่งความอัปยศ
ในห้องประลองที่อยู่ชั้นใต้ดินของบ้านเล็กๆซึ่งไม่น่าจะมีเลยสักนิด บัดนี้คนสองคนกำลังยืนหันหน้าเข้าหากันโดยมีพี่ชายอีกสองคนยืนดูอยู่รอบนอกทว่าพี่ชายทั้งสองก็พร้อมจะกระโจนเข้าขวางทันทีถ้าน้องสาวสุดที่รักเกิดเพลี่ยงพล้ำขึ้นมา
“กติกามีแค่ห้ามถึงตาย ถ้าฉันชนะนายต้องทำตามที่ฉันต้องการแต่ถ้านายชนะฉันจะเป็นองครักษ์ติดตามนายไปจนจบภารกิจครั้งนี้” ลาเฟียบอกกติกาและเสนอข้อต่อรองของตนทำให้เลโอพยักหน้า เลเชียเหยียดยิ้มดวงตาคู่สีฟ้าใสมองสถานการณ์ตรงหน้าก่อนจะเปรยกับพี่ตนเองเสียงเบา
“นายว่าใครจะชนะ” เลเคียหันไปมองน้อยชายที่เกิดหลังเขาไม่กี่นาทีแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรออกไป นักฆ่าอันดับหนึ่งที่ทะนงในศักดิ์ศรีและไม่ยอมแพ้ใครกับเจ้าชายรัชทายาทผู้สูงศักดิ์ที่มีเสียงเล่าลือถึงความเก่งกาจและความน่ากลัว ตัวเขาเองก็อยากรู้จริงๆว่าเมื่อสองคนนี้สู้กันใครจะชนะ
“สาม” เลเชียที่รับหน้าที่เป็นกรรมการเริ่มนับถอยหลังเพื่อเริ่มการประลองในครั้งนี้
“สอง” ไม่มีใครขยับตัวทั้งสิ้นและไม่มีทีท่า... แม้แต่การเตรียมตัว
“หนึ่ง” ดวงตาสีฟ้าสองคู่จับจ้องคนตรงข้ามไม่ละไปไหน ราวกับว่าถ้าพลาดไปแม้แต่นิดจะเป็นตนเองที่จะเพลี่ยพล้ำให้กับฝ่ายตรงข้าม
“เริ่มได้” สิ้นเสียงของเลเชียซึ่งเป็นกรรมการร่างทั้งสองก็พุ่งเข้าหากันอย่างรวดเร็ว
เคร้ง... ผู้เป็นพี่ทั้งสองที่ยืนดูสถานการณ์อยู่ถึงกับชะงักเมื่อได้ยินเสียงสะท้อนแสบแก้วหู โลหะปะทะโลหะ คมดาบปะทะคมเคียว สองคนตรงหน้าของพวกเขาเก่งมาก เรียกดาบและเคียวออกมาโดยไม่ต้องเรียกชื่อ ไม่ใช่แค่นั้นสองคนนี้ยังสามารถเรียกออกมาได้ทั้งๆที่ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว
เลโอกำดาบแห่งความหวังในมือแน่นขณะพิจารณาเคียวของคนตรงหน้า ด้ามจับสีรัตติกาลทั้งด้าม คมเคียววาววับราวมีดโกน บนด้ามจับมีลายสีเงินสลักเป็นตัวอักษรอย่างสวยงาม มัรคือภาษาภูต...ภาษาภูตที่แปลว่า ผู้พรากวิญาณ เคียวเล่มนี้คงมีชื่อว่าเคียวพรากวิญญาณ!! ไอมนตร์ที่แผ่ออกจากเคียวเกือบจะกลบจิตสังหารของผู้เป็นเจ้าของไปหมดสิ้นราวกับประกาศการมาเยือนของมัน
ทั้งดาบทั้งเคียวที่เพิ่งเรียกออกมาผลัดกันรุกผลัดกันรับอย่างไม่มีใครยอมใคร ทั้งรุนแรงและรวดเร็ว ถ้าหากพลาดไปสักนิดมีหวังคนๆนั้นคงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้โดยไม่ต้องสงสัย แต่ก็ไม่น่าแปลกใจถ้าทั้งสองจะเอาจริงถึงขนาดนี้ในเมื่อพวกเขาต่างรู้ดีว่าคู่ต่อสู้มีฝีมือที่ประมาทไม่ได้แม้แต่น้อย อีกอย่างศักดิ์ศรีที่มีอยู่มันค้ำคอ...ศักดิ์ศรีของนักฆ่าอันดับหนึ่งกับศักดิ์ศรีของเจ้าชายรัชทายาทผู้เป็นความหวังของทั้งสามดินแดน
ลาเฟียกัดฟันแน่นขณะเพิ่มความเร็วในการลงเคียวไม่ต่างจากความเร็วในการลงดาบของคนเป็นเจ้าชาย ยัง...ยังเร็วได้อีก ต้องเร็วกว่านี้แต่ว่าแม้จะเพิ่มความเร็วขึ้นอีกคนตรงหน้าก็ยังตามทัน
เพราะแบบนี้ใช่ไหม...เพราะเก่งขนาดนี้ใช่ไหมดาบถึงเลือกคนตรงหน้าให้เป็นความหวัง หรือเพราะต้องเป็นความหวังจึงต้องเก่งกาจขนาดนี้กันแน่ ลาเฟียเหยียดยิ้มภายใต้หน้ากากสีขาว เธอไม่รู้หรอกว่าเป็นเพราะอะไรแต่ถ้าเป็นความหวังเธอก็จะขอทดสอบบุรุษผู้เป็นความหวังด้วยตนเอง เธออยากจะรู้ว่าคนๆนี้เหมาะสมกับคำว่าความหวังของสามดินแดนมากแค่ไหนด้วยฝีมือของตนเองไม่ใช่จากคำยกย่องของผู้คนที่ได้ยินมา
เคียวในมือยังตวัดรุกไล่ไม่หยุดแต่ไม่นานเคียวก็ต้องเป็นฝ่ายตั้งรับเสียเองเพราะคมดาบแห่งความหวังเริ่มจะกระแทกเข้ามาอย่างรวดเร็ว รุนแรงและหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ
“นายเก่งดี” เสียงเย็นเอ่ยชมแม้ดาบในมือยังตวัดรุกไล่หยุดจนคู่ต่อสู้ต้องกลับกลายเป็นฝ่ายตั้งรับ
“เก่งงั้นรึ” ลาเฟียเค้นเสียงตอบโต้ออกมาราวกับพยายามข่มอารมณ์โกรธของตนเองก่อนจะตวัดเคียวตั้งรับดาบแห่งความหวัง
“ถ้าเก่งก็ต้องชนะนายสิ!!” สิ้นคำพูดเคียวก็เริ่มตวัดรุกอย่างรุนแรงขึ้นตามอารมณ์ การที่อีกฝ่ายพูดแบบนั้นออกมามันไม่ต่างจากการดูถูกเลยสักนิด เธอจึงอยากล้มคนตรงหน้านัก
“นายเก่งจริงๆ” เลโอเอ่ยชมอีกครั้งก่อนเจ้าตัวจะกระโดดถอยหลังออกไปเพื่อหลบคมเคียวที่ตวัดเข้ามาอย่างดุเดือด
“เก่งกว่าคนที่ฉันเคยเจอมาตั้งเยอะ” พูดจบคนเป็นเจ้าชายก็พุ่งเข้าหาพร้อมดวงตาสีฟ้าที่วาววับก่อนเจ้าตัวจะตวัดดาบสุดแรง
“แต่ยังไงฉันก็ต้องชนะ!!”
วาบ...ดาบแห่งความหวังเปล่งประกายสีขาวสว่างจ้าแสบตาก่อนแสงนั้นจะพุ่งออกจากดาบเป็นทางยาวตรงเข้าหาคู่ต่อสู้ของเขา ลาเฟียเบิกตากว้างเมื่อรับรู้อนุภาพของมัน หญิงสาวตอบสนองเพียงเสี้ยววินาทีโดยการตวัดเคียวต้านสุดแรง
ฉับ!!
สายพลังที่พุ่งออกจากดาบถูผ่าออกเป็นสองซีกเท่าๆกันด้วยคมเคียวพรากวิญญาณ ดวงตาสีฟ้าเหลือบไปมองเขตอาคมข้างหลังที่พี่ทั้งสองช่วยกันสร้างขึ้นมาปกป้องตัวอาคารไว้ ซึ่งตอนนี้มันกลับไหววูบทันทีที่โดนแสงจากดาบแห่งความหวังกระแทกเข้าใส่ พลังทำลายของมันช่างมหาศาลนัก
เลเคียกับเลเชียกัดฟันแน่นเมื่อเห็นพลังทำลายของสายพลังนั่นก่อนสะบัดมือวูบเพื่อให้เขตอาคมกลับเป็นแบบเดิม ลาเฟียเตรียมจะหันกลับไปต่อสู้ต่อทว่าก็สายไปจนได้
เคร้ง...ร่างที่เล็กกว่าหงายหลังลงไปนอนกับพื้นเมื่อเลโอโถมตัวเข้าหาแล้วกดร่างของฝ่ายตรงข้ามเอาไว้ใต้ร่างของตน เคียวพรากวิญญาณถูกคมดาบแห่งความหวังปัดออกจากมือกระเด็นไปไกล ลาเฟียถึงกับไม่กล้าขยับตัวเมื่อคมดาบของคนตรงหน้าทาบอยู่ที่คอ ดวงตาสีฟ้าของเลโอยังเรียบเฉยผิดกับดวงตาสีฟ้าของลาเฟียที่วาวโรจน์
นี่มันอะไรกัน ทำไม...ทำไมเธอถึงแพ้ให้คนตรงหน้าได้เล่า เธอเป็นนักฆ่าอันดับหนึ่งนะไม่ใช่นักฆ่ากระจอกๆ ทำไมถึงมาแพ้ให้กับเจ้าชาย อัปยศ...อัปยศที่สุด!!!
“นายแพ้” เลโอพูดเสียงเรียบขณะนอนทับร่างที่เล็กกว่าไม่ให้กระดุกกระดิกได้ พี่ทั้งสองที่มองอยู่ด้านนอกเบิกตากว้างอย่างตกใจและทำท่าจะกระโจนเข้าขวาง หมอนั้นมันกล้าดียังไงถึงบังอาจแตะต้องตัวน้องสาวสุดหวงของพวกเขา
แต่เลเคียกลับเตือนสติตนเองไว้โดยไม่ลืมเอ่ยห้ามเลเชียไม่ให้เข้าไป การต่อสู้ยังไม่จบถ้าน้องไม่ประกาศยอมแพ้พวกเขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้ อีกอย่างตอนนี้น้องก็ไม่ได้อยู่ในฐานะผู้หญิงแต่เป็นผู้ชายเพราะฉะนั้นอย่าหวงมาก
“พูดมาลาฟ” เลโอกดโฮพให้บาดเนื้อของอีกฝ่ายเข้าไปอีก คนเป็นเจ้าชายพยายามเร่งให้คนใต้ร่างประกาศยอมแพ้ทำเอาพี่ทั้งสองที่เห็นคมดาบบาดเนื้อของน้องจนเลือดค่อยๆไหลออกมาได้แต่กำมือแน่น ลาเฟียกัดฟันราวกับไม่ยอมรับความจริงแต่จะทำยังไงได้เพราะเธอแพ้ซะแล้ว!!
ลาเฟียค่อยๆเค้นเสียงพูดออกมาด้วยความโกรธ มันเป็นคำพูดที่เธอไม่นึกเลยว่าในชีวิตนี้จะต้องพูดคำๆนี้ออกมา
“ฉันยอมแพ้!!” สิ้นเสียงเขตอาคมรอบด้านก็หายวับไปทันที พี่ทั้งสองคนรีบวิ่งเข้ามาสุดชีวิตก่อนจะผลักไอ้ว่าที่เจ้านายที่นอนทับน้องสุดที่รักของพวกเขาออกไป
เลเคียร่ายเวทรักษาบาดแผลที่ต้นคอของน้องสาวอย่างรวดเร็วราวกับกลัวว่าน้องจะเป็นอะไรไปเพราะบาดแผลนั่น ลาเฟียเม้มปากแน่นราวกับจะไม่ยอมรับการประลองที่เพิ่งจะจบไปแต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเธอแพ้ไปเสียแล้ว แพ้ให้กับคนที่ไม่อยากแพ้ที่สุด
“นายชนะ เรารักษาสัญญา นายจะเป็นเจ้านายเราจนกว่าภารกิจจะเสร็จ” เลเคียกัดฟันพูดแทนน้องสาว แม้จะไม่เต็มใจติดตามเจ้าชายคนนี้ไปแต่น้องของพวกเขาสัญญาไปแล้วและลาเฟียก็ไม่เคยผิดสัญญา
เลโอพยักหน้าให้แม้จะยังติดใจกับคำว่า ‘เรา’ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรจนลาเฟียนึกหมั่นไส้อย่างไร้เหตุผล
“นายมาทางนี้กับฉันดีกว่า วันนี้นายคงต้องพักที่นี้สักคืนเพื่อให้เรามีเวลาเตรียมตัว” เลเชียพูดแล้วทำท่าจะเดินนำออกจากห้องใต้ดินขึ้นไปดูห้องพัก
“เดี๋ยว!!” แต่ลาเฟียกลับเรียกร่างสูงของเจ้าชายแห่งความหวังไว้เสียก่อน
“มีอะไร” เสียงเรียบเอ่ยถามคนที่ฉุดรั้งเขาเอาไว้ขณะที่หันกายมามองคนที่พ่ายแพ้ให้กับตนเอง
“ฉันแพ้นายแล้วนี่ ทำไมนายถึงยังว่าจ้างพวกฉัน” ลาเฟียเอ่ยถามอย่างแปลกใจปนหงุดหงิด ดวงตาสีฟ้าของคนเป็นเจ้าชายมองใบหน้าที่ถูกซ่อนไว้ภายใต้หน้ากากสีขาวแล้วเหยียดยิ้ม
“เพราะนายเก่งดี” มันเป็นคำชมที่ลาเฟียไม่รู้สึกยินดีไปกับมันเลยสักนิด ความรู้สึกของเธอเหมือนถูกตบหน้ามากกว่า ถูกชมว่าเก่งดีทั้งที่พ่ายแพ้ให้กับคนชมอย่างนั้นหรือ หมอนี่กำลังล้อเธอเล่นใช่ไหม
“แล้วทำไมนายถึงยังต้องการองครักษ์ ทั้งๆที่ฝีมือนายไม่เห็นจำเป็นจะต้องมีองครักษ์” ลาเฟียยังคงเอ่ยถามเพราะองครักษ์ส่วนใหญ่คงจะไปเป็นตัวถ่วงคนตรงหน้าเสียมากกว่าจะไปช่วยปกปัอง
“มันเป็นการลงความเห็นของทุกประเทศในสามดินแดน ว่าการเดินทางครั้งนี้ต้องมีองครักษ์ไปด้วยอย่างน้อยหนึ่งคน” คนเป็นเจ้าชายยังคงตอบให้อย่างว่าง่าย อันที่จริงเขาไม่ต้องการองครักษ์เลยแม้แต่น้อยเพราะคนพวกนั้นก็ไม่ต่างจากตัวถ่วงที่เพิ่มภาระให้กับเขา แต่ก็จนใจเพราะมันเป็นคำตัดสินของสามดินแดน
คนพวกนั้นห่วงความปลอดภัยของเขามากเกินไป เขาจำได้ว่าตอนที่เอ่ยปฏิเสธไปเพราะการพกองครักษ์พวกนั้นไปด้วยมันเป็นเรื่องยุ่งยาก แต่กลับมีคนหนึ่งถึงขั้นแย้งขึ้นมาว่าเอาองครักษ์ไปด้วยอย่างน้อยก็เอาไว้ใช้ตายแทนได้ มันเป็นเหตุผลที่เลโอไม่ชอบใจเอาเสียเลยแต่คำพูดนั้นกลับไม่มีผู้นำประเทศคนใดคัดค้าน
ลาเฟียที่ได้ยินคำตอบคิดไปถึงตอนเจอกับคนตรงหน้าครั้งแรกในตรอกร้าง งั้นองครักษ์ห้าคนนั้นที่สู้กับบุรุษในชุดดำคงเป็นองครักษ์ที่ถูกพวกผู้นำแต่ลประเทศแต่งตั้งและยัดเยียดให้สินะ ก็ไม่ต่างจากตัวถ่วงจริงๆนั่นแหละ
“นายไม่ลองหาองครักษ์ที่เก่งกว่านายหรือไง” ลาเฟียกัดฟันถามออกมาอย่างหงุดหงิดกว่าเดิมแต่คราวนี้เลโอที่เป็นคนถูกถามกลับขยับยิ้มหยัน ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นทอแววเยาะเย้ยในคำพูดของคู่สนทนา
“คนๆนั้น ไม่มีในโลก” เลโอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังเพราะเขาจะยอมให้มีคนแบบนั้นไม่ได้ แม้แต่บุรุษที่กำลังจะกลับมาคนนั้นก็ตาม บุรุษที่เคยกวาดล้างทุกเผ่าพันธุ์และเกือบทำสำเร็จ นั่นแปลว่าคนๆนั้นมีพลังมากมายมหาศาลเหนือผู้ใด เขาที่จะต้องฆ่าคนๆนั้นก็จะต้องเหนือทุกคนเช่นกัน
พูดจบเจ้าตัวก็เดินไปหาเลเชียเหมือนจะบอกว่าให้พาขึ้นไปดูห้อง ลาเฟียที่ฟังคำพูดนั้นเบิกตากว้างก่อนจะเม้มปากอย่างนึกหมั่นไส้ ทำไม...ทำไมเธอต้องแพ้ให้กับหมอนี่ด้วย
“ลาเฟียไปจัดของแล้วพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ต้องออกเดินทางแต่เช้าแล้วพรุ่งนี้เจ้านายคนใหม่ของเราคงบอกว่าต้องเดินทางไปที่ใดบ้าง” เลเคียพูดกับน้องอย่างเป็นห่วงเมื่อไอ้ว่าที่เจ้านายเดินขึ้นไปด้านบนแล้ว น้องคนเล็กถอดหน้ากากของตนเองเผยให้เห็นใบหน้าที่ยังหงุดหงิดอยู่
“อืม...” ลาเฟียพยักหน้าให้อย่างน่ารักแล้วยิ้มกว้างอย่างที่พี่ชายคนโตอดยิ้มตามไม่ได้ แม้จะยังติดใจกับคำว่าเราอยู่ก็ตาม แต่ช่างมันเถอะเดี๋ยวพรุ่งนี้ก็รู้ น้องคนเล็กเดินไปที่บันไดบ้านก่อนจะหันกลับมาบอกกับพี่คนโตเหมือนเตือนสติ
“ท่านพี่คงไม่ลืมนะว่าตั้งแต่พรุ่งนี้ไปน้องคือลาฟไม่ใช่ลาเฟีย” พูดจบร่างบางก็เดินขึ้นไปบนบ้านปล่อยให้พี่ชายมองตามแล้วถอนหายใจออกมา ใช่ตั้งแต่พรุ่งนี้จะไม่มีลาเฟียที่เป็นผู้หญิงแล้วแต่จะเป็นเด็กหนุ่มที่ชื่อลาฟต่างหาก
