หินก้อนที่ 1 : นักฆ่าหญิงผู้ลืมเลือนอดีต
ความทรงจำในวัยเด็กของเธอนั้นว่างเปล่า มีเพียงเศษเสี้ยวแห่งความทรงจำที่ติดตัวมา สิ่งที่เธอจำได้มีเพียงสองอย่าง หนึ่งคือปราสาทที่ใหญ่โตและงดงาม น่าขำทั้งๆที่เธอเป็นแค่นักฆ่าแต่ทำไมในเศษเสี้ยวแห่งความทรงจำถึงได้มีปราสาทอันสวยงามหลังนั้น
ส่วนอีกอย่างคือเด็กชายคนหนึ่งผู้มีเส้นผมสีน้ำเงินเข้มและท่าทางเย็นชาเกินวัย ทว่าเธอได้ลืมเลือนชื่อของเด็กผู้ชายคนนั้นไปแล้ว ลืมเลือนแม้แต่หน้าตาและคำพูดทุกอย่างของเขา สิ่งที่จดจำได้มีเพียงแค่เด็กชายคนนั้นทำพันธะสัญญาบางอย่างกับเธอ...พันธะสัญญาที่เธอเองก็จำไม่ได้แล้วเช่นกันว่ามันมีความสำคัญอย่างไร สิ่งที่เธอจำได้ก็มีแค่นั้นจริงๆ
•.★*... ...*★.•
ดวงจันทร์เต็มดวงลอยเด่นอยู่บนฟากฟ้ายามราตรี เงามืดของร่างหนึ่งกำลังหลบอยู่บนต้นไม้อย่างใจเย็น ดวงตาคู่สีฟ้าสวยมองไปตามถนนที่ว่างเปล่า มันคือดวงตาของมือสังหารที่หลบซ่อนใบหน้าตนเองไว้ภายใต้หน้ากากสีขาวสะอาด ร่างนั้นยังคงนั่งอยู่บนต้นไม้โดยมีเพื่อนคือความมืดมิดและความเงียบรอบด้าน เจ้าตัวล้มตัวลงนอนบนต้นไม้ราวกับมีเวลามากมาย ผมสีเงินยาวสยายปลิวไปกับสายลมยามดึก
ตึก...ตึก...ตึก... เสียงฝีเท้าของคนที่เดินมาตามทางดังขึ้นทำให้ดวงตาสีฟ้าลืมในความมืดทันที ร่างนั้นค่อยๆลุกขึ้นช้าๆโดยไม่มีแม้แต่เสียงกิ่งไม้ไหว ดวงตาที่ไร้อารมณ์ทอดมองออกมาจากหน้ากากจับจ้องร่างทั้งสามที่เดินมาตามทางอย่างสบายใจ แต่คนที่เฝ้ารอมาตลอดกลับจำพวกเขาได้แม่นยำเพราะคนพวกนี้คือเหยื่อที่ต้องเก็บวันนี้ มีดค่อยๆถูกชักออกมาจากที่ซ่อนบนร่างเจ้าของ มีดยาวที่มีลักษณะเบามากราวกับปราศจากน้ำหนักทำให้ง่ายต่อการพกพาติดตัวไปได้ทุกที่
ฟุบ!!
ร่างในเงามืดกระโดดไปยืนขวางหน้าคนทั้งสามเอาไว้ทำให้พวกนั้นชะงักเท้าลงทันทีพลางพิจารณาคนตรงหน้าที่อยู่ภายใต้แสงจันทร์ ไม่มีใครเห็นใบหน้าที่แท้จริงของคนที่มายืนขวางหน้าเพราะมีหน้ากากสีขาวสะอาดปิดบังเอาไว้ สิ่งที่พวกเขาเห็นมีแต่ดวงตาสีฟ้าแสนเย็นชาที่มองลอดออกมาจากหน้ากาก
“ยินดีต้อนรับสู่ประตูแห่งความตาย!!” เสียงที่เรียบเฉยจนออกจะเฉยชาเสียด้วยซ้ำถูกเอ่ยออกมาและนั่นก็ทำให้พวกเขารู้ได้ในทันทีว่าคนตรงหน้าเป็นใคร คนที่มายืนขวางทางพวกเขาในค่ำคืนนี้ก็คือมือสังหารที่ได้ยินแต่เสียงเล่าลือ มือสังหารที่อยู่เหนือมือสังหารทุกคน ผู้ได้รับสมญา เพชฌฆาตแห่งความตาย...
คนทั้งสามหันหลังในทันทีราวกับนัดกันไว้พร้อมกับเตรียมก้าวเท้าจะออกวิ่งหนี แต่น่าเสียดายเพราะในชีวิตนี้พวกเขาจะไม่ได้วิ่งอีกแล้ว ผู้เป็นนักฆ่าขยับเท้าเล็กน้อยและเพียงไม่นานร่างนั้นก็หายวับไปกับตา มีดในมือถูกตวัดลงอย่างแม่นยำและรวดเร็ว
ฉึก…ซ่า!! มีดแทงทะลุหัวใจของบุรุษหนึ่งในสามพร้อมเจ้าของมันที่กระชากมีดกลับอย่างไร้ความปรานี
ฉัวะ…ซ่า!! มีดถูกตวัดอีกครั้งด้วยความเร็วโดยปราศจากความลังเลใดๆเพื่อปาดเข้าที่คอของบุรุษอีกคน เลือดสีแดงสดกระเด็นโดนหน้ากากสีขาวสะอาดเป็นหย่อมๆแต่เจ้าตัวดูจะไม่สนใจเพราะมีดได้ตวัดอีกครั้งหนึ่ง
ฉึก...ตุบ!! ร่างของบุรุษคนสุดท้ายล้มลงพร้อมมีดที่ปักไว้คาอก ดวงตาสีฟ้าที่มองผ่านหน้ากากออกมายังคงเรียบเฉย และเมื่อจัดการคนทั้งสามได้แล้วคนเป็นนักฆ่าก็แบมือออกปรากฏแสงสว่างวาบอยู่บนฝ่ามือพร้อมหน้ากากสีขาวอีกอันที่ลอยอยู่แทนที่แสงสว่างนั่น
“ฉันบอกแล้วไง” เสียงเย็นดังขึ้นจากร่างที่ยืนสงบนิ่งราวกับว่าเจ้าตัวไม่มีความรู้สึกใดๆแม้จะเพิ่งสังหารคนทั้งสามไปก็ตาม เจ้าตัวทิ้งหน้ากากสีขาวลงบนร่างของผู้ที่กลายเป็นซากศพอย่างไม่ไยดี
“ว่ายินดีต้อนรับสู่ประตูแห่งความตาย!!!” สิ้นเสียงร่างที่ยืนสงบนิ่งก็ค่อยๆลางเลือนลงและหายไปในที่สุด
•.★*... ...*★.•
แอด... ประตูบ้านเล็กๆในเมืองที่แสนเงียบสงบถูกเปิดออก ร่างของมือสังหารที่เพิ่งเสร็จสิ้นภารกิจในค่ำคืนนี้เดินเข้ามาภายในบ้านของตนเอง ใบหน้าของเจ้าตัวยังถูกปิดไว้ด้วยหน้ากากสีขาวที่เปื้อนเลือดสีแดงฉานเสริมให้ท่าทางดูแข็งกระด้าง ผมสีเงินถูกย้อมด้วยเลือดเป็นหย่อมๆโดยที่เจ้าของไม่สนใจจะเช็ดออก ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นยังแข็งกร้าวจนน่ากลัว
“กลับมาแล้วหรือน้องรัก” เสียงของบุรุษคนหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับร่างของพี่ชายทั้งสองที่เดินเข้ามาหา ดวงตาสีฟ้าแข็งกร้าวคู่นั้นหันไปสบตากับพี่ชายก่อนมือจะค่อยๆถอดหน้ากากออกเผยใบหน้าสะสวยของหญิงสาวคนหนึ่ง ดวงตาสีฟ้าสวยที่เคยแข็งกร้าวกลับดูมีชีวิตชีวาอย่างคนรักสนุกผิดกับตอนที่ใส่หน้ากากอยู่ลิบลับ ผมสีเงินยังคงเปื้อนเลือดเป็นหย่อมๆอย่างที่คนเป็นพี่เห็นแล้วนึกขัดตา แต่ที่น่าแปลกใจคือที่แก้มของหญิงสาวตรงหน้ามีปานรูปหัวใจสีแดงสดราวกับหยดเลือด
ลาเฟีย ดีเลเทีย มือสังหารอันดับหนึ่งผู้ใช้สมญา เพชฌฆาตแห่งความตาย
พี่ชายสองคนตรงหน้าก็เป็นนักฆ่าเหมือนกัน แต่เป็นนักฆ่ามือหนึ่งและอันดับสองในการสืบหาข้อมูล แต่ก็ใช่ว่าพวกเขาจะฆ่าใครไม่เป็น พี่ทั้งสองเป็นฝาแฝดที่เกิดห่างกันไม่กี่นาทีและเพราะฝีมือในการหาข้อมูลทำให้งานเธอง่ายขึ้นเยอะ
คนแรกคือพี่ชายคนโตผู้มีผมและดวงตาสีเงินสวยกับท่าทางที่นิ่งสงบบ่งบอกว่าเจ้าตัวเป็นคนใจเย็นมากแค่ไหน เลเคีย ดีเลเทีย เจ้าของสมญา เงามืดแห่งรัตติกาล ในเมื่อเวลาหาข้อมูลคนๆนี้จะเป็นเหมือนดังเงา ราวกับว่าเขาสามารถไปอยู่ทุกที่ที่เขาต้องการ จึงเป็นไปได้น้อยมากที่ข้อมูลข่าวสารจะหลุดรอดจากพี่ชายคนโตไปได้และเพราะอย่างนี้พี่คนโตจึงเป็นมือหนึ่งของวงการนักฆ่าในเรื่องข่าวสาร
พี่คนรองก็ใช่ย่อย การล้วงความลับจากเป้าหมายเป็นอะไรที่ถนัดมากสำหรับพี่คนที่สอง เพราะเวลาทำงานนิสัยของพี่คนนี้จะเปลี่ยนไปทุกครั้งจนไม่มีใครรู้เลยว่านิสัยของเขาเป็นยังไง แต่ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ย่อมต้องมีข้อยกเว้น จึงมีเพียงครอบครัวของเขาเท่านั้นที่รู้จักนิสัยที่แท้จริงของเขา พี่คนนี้มีผมและดวงตาสีฟ้าสวยเหมือนท้องนภา รอยยิ้มที่ถูกส่งมาให้ก็บอกได้ดีว่าพี่คนชายคนรองเป็นคนอารมณ์ดีซึ่งเป็นนิสัยที่ตรงข้ามกับพี่ชายคนโต เลเชีย ดีเลเทียนักฆ่าอันดับสองเรื่องข่าวสารเจ้าของสมญา หน้ากากพันหน้า
“ดูสิสกปรกชะมัดเลือดติดเต็มตัวเลย ไปอาบน้ำไป” พี่เลเชียเข้ามาสำรวจตัวเธอคนแรกโดยมีพี่เลเคียพยักหน้าเห็นด้วย
“ก็น้องออกไปทำงานมานะ ไม่ได้ไปเล่นเสียหน่อย” ลาเฟียพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจกับคราบเลือดที่ติดอยู่ตามเสื้อผ้า ผมและใบหน้า
“ถึงยังไงก็ควรไปอาบน้ำแล้วเข้านอน” พี่เลเคียดุเหมือนดุเด็กเล็กๆทั้งที่ความจริงน้องสาวของเขาเลยวัยนั้นมานานแล้ว
“โถ น้องอายุสิบเจ็ดแล้วนะไม่ใช่เจ็ดขวบ” หญิงสาวกล่าวเสียงอ่อนอกอ่อนใจขณะดวงตาสีฟ้ามองพี่ทั้งสองของตนที่ยังทำกับเธอเหมือนเป็นเด็กน้อย แต่ในสายตาของพวกเขาน้องสาวคนนี้ก็ยังเป็นเด็กน้อยของพวกเขาเสมอนั่นแหละ ตั้งแต่เด็กจนโตเธอก็ยังเป็นน้องสาวตัวน้อยที่พวกเขารักที่สุด
“ไปอาบน้ำนอนเถอะ พวกพี่ยังมีงานต้องทำ” พี่เลเชียไล่อีกทีทำเอาร่างบางถอนหายใจออกมาแล้วจำใจหันหลังให้พี่ทั้งสองเพื่อเดินไปทางบันไดขึ้นสู่ชั้นสองของบ้าน
“อ๋อ...ใช่” เสียงของท่านพี่เลเคียที่ดังมาหยุดฝีเท้าของลาเฟียที่กำลังจะเดินขึ้นไปบนบ้านเอาไว้
“พรุ่งนี้ช่วงบ่ายเรามีแขก ช่วยอยู่บ้านได้ไหมลาเฟีย” คำพูดของพี่คนโตทำเอาน้องเล็กสุดของบ้านสุดแสนจะแปลกใจ
“แขก?” เสียงหวานทวนคำพูดนั้นอย่างปกปิดความแปลกใจไว้ไม่มิดในเมื่อบ้านนี้ไม่ได้ต้อนรับใครในฐานะ ‘แขก’ มานานแล้ว ส่วนมากที่ได้ต้อนรับจะเป็น ‘ผู้ว่าจ้าง’ มากกว่า
“ก็กึ่งแขก กึ่งผู้ว่าจ้างละมั้ง เพราะทางนั้นเองก็อยากจะให้เราไปทำงานให้เหมือนกันแต่ทางเรายังไม่ได้ตอบรับ กะว่าจะคุยกันพรุ่งนี้” คำพูดของพี่เลเชียทำเอาลาเฟียเริ่มคิดในใจ มันคงเป็นงานที่ยากเสียจนไม่อยากรับแต่ก็ได้เงินเยอะจนปฏิเสธไม่ลง ถึงต้องมีการตกลงกันอีกรอบ รอยยิ้มนึกสนุกปรากฏบนใบหน้าสวย งานยากๆก็สนุกไปอีกแบบ
“ได้...น้องจะอยู่” พูดจบร่างบางก็เดินขึ้นบันไดไปอย่างเงียบเชียบ
•.★*... ...*★.•
ดวงตาสองคู่ของฝาแฝดหันมามองกันเองเมื่อลับร่างของน้องสาวสุดหวงไปแล้ว พวกเขายังมีสิ่งที่กังวลแต่ไม่ได้บอกน้อง
“นายอยากรับงานนี้จริงๆหรือเลเคีย” เลเชียถามออกมาด้วยสีหน้าที่ไม่ดีเสียเท่าไหร่
“ฉันไม่อยากรับแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ เพราะมันจะดูเหมือนว่าเราทรยศต่อสามดินแดน” เลเคียแม้ไม่อยากจะรับงานนนี้ทว่าเขาออกปากปฏิเสธไม่ได้เช่นกัน และเพราะปฏิเสธไม่ได้ถึงต้องนัดคุยกันอีกครั้ง
“ความต้องการของคนๆนั้น ไม่ว่าใครก็ปฏิเสธไม่ได้ นายก็รู้ว่าเบื้องหลังคนๆนั้นคือกษัตริย์และประชาชนของสามดินแดน หากคนๆนั้นต้องการกษัตริย์ของแต่ละประเทศย่อมต้องเห็นด้วย แต่สุดท้ายก็คงต้องดูว่าน้องจะว่ายังไง” เลเคียพูดอย่างใจเย็นทั้งๆที่ข้างในไม่เย็นตามไปด้วยเลยสักนิด สิ่งใดที่เกิดขึ้นกับน้องสาวสุดรักสุดหวงของพวกตนแล้วพี่ทั้งสองไม่เคยปล่อยผ่านไปได้เลยสักที
“แต่ถ้าน้องรับงานนี้ฉันจะไปด้วย เรื่องอะไรจะปล่อยให้ไปกับไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้” เลเชียเอ่ยแม้จะรู้ว่าไอ้บ้าที่กำลังกล่าวถึงเป็นคนประเภทที่ไม่น่าเล่นด้วยเลยสักนิด
“ระวังปากหน่อย นายก็รู้ว่าคนที่พูดถึงเป็นใคร แต่ฉันก็เหมือนกับนายนั่นแหละ ไม่ปล่อยให้น้องไปโดยไม่มีพวกเราหรอก” คนเป็นพี่คนโตก็ระแวงไม่ต่างกัน ไม่ว่าไอ้คนคนนั้นจะเป็นหญิงหรือชายถ้ามาเข้าใกล้น้องสาวของพวกเขาก็คงต้องจัดอยู่ในบุคคลน่าสงสัยหรือผู้ประสงค์ร้ายไว้ก่อนนั่นแหละ
“กันไว้ดีกว่าแก้ยังไงฉันก็จะไปด้วย” เลเชียพูดพร้อมตบไหล่คนเป็นพี่ที่เกิดก่อนไม่กี่นาทีซึ่งความจริงแล้วเขาไม่เคยเห็นคนๆนี้เป็นพี่สักนิด ไอ้ที่เกิดก่อนไม่กี่นาทีน่ะเขาไม่นับ
“นายก็รู้ว่าไม่มีใครไว้ใจได้เท่าตนเอง” ดวงตาคู่สีฟ้าสวยที่ฉายแววจริงจังของคนพูดสบเข้ากับดวงตาคู่สีเงินสวยของคนฟัง ราวกับจะตอกย้ำในคำพูดนี้และอดีตที่ตามหลอกหลอนพวกเขามาตลอด
“นายคงไม่ลืมเหตุการณ์ที่พลิกชะตาชีวิตพวกเราเมื่อสิบสองปีก่อนหรอกนะ” คราวนี้เป็นเลเคียที่ถอนหายใจออกมาก่อนจะเหยียดยิ้มอย่างสมเพชเมื่อฟังคำพูดของน้องชาย
“ฉันไม่เคยลืมมัน” ดวงตาคู่สีเงินของคนพูดฉายแววปวดร้าวออกมาแว่บหนึ่งเหมือนกับดวงตาสีฟ้าของคนเป็นน้องชายฝาแฝด ไม่ใช่ว่าไม่อยากลืม...ไม่ใช่ว่าอยากจดจำ...ไม่ใช่ว่าไม่เคยพยายามจะลืม...แต่ว่าลืมไม่ได้ต่างหาก...ลืมไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว
“ฉันไม่ชอบปานรูปหัวใจของลาเฟีย” เลเคียเปลี่ยนเรื่องไปบ่นปานรูปหัวใจบนใบหน้าของน้องสาวเพื่อหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดทั้งของตนเองและของฝาแฝด เจ้าตัวเกลียดปานนั่นมาตลอดต่อให้มันช่วยปกป้องน้องสาวของพวกเขามาได้หลายครั้ง แต่เขาก็ยังคงเกลียดมัน เกลียดมันสุดๆ
“ทั้งที่ตอนเป็นเด็กก็ไม่มี” คนเป็นพี่ชายคนรองพยักหน้าอย่างเห็นด้วยแล้วก็ยิ่งต้องทำหน้าเครียดกว่าเดิมเมื่อฟังคำพูดต่อมาของเลเคีย
“ฉันสัมผัสได้ ปานรูปหัวใจนั่นมีพลังเวทที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ” พี่ชายคนโตพูดแล้วก็ยิ่งทำหน้าเครียดกว่าเดิม ปานรูปหัวใจสีแดงสดบนใบหน้าของลาเฟียเมื่อก่อนมันยังไม่มีพลังมากมายขนาดนี้ ซึ่งถ้าพวกเขาทุ่มพลังลงไปก็สามารถกำจัดมันออกไปได้ แต่นับวันเมื่อเวลาผ่านไปปานนั่นกลับยิ่งแข็งแกร่งและมีพลังมากมายขึ้นเรื่อยๆ จนถึงตอนนี้ต่อให้อยากจะลบมันออกพวกเขาก็ไม่สามารถทำได้อีกแล้ว
ปานรูปหัวใจสีแดงสดมีพลังมากเกินไป...มากเกินไปจนพวกเขากลัวว่ามันจะนำปัญหาวุ่นวายมาให้ในภายหลัง
“แต่ถึงไม่ชอบแค่ไหนเราก็ต้องยอมรับ มันช่วยปกป้องลาเฟียได้” เลเชียพูดออกมาอย่างไม่คิดอะไรมากเพราะปานนั่นได้ช่วยชีวิตลาเฟียมาหลายครั้งแล้ว ต่อให้ไม่ชอบแค่ไหนก็ต้องยอมรับในเรื่องนี้ ถ้ามันสามารถปกป้องน้องสาวได้เขาก็ยินดีจะมองข้ามความไม่ชอบที่เลเคียกำลังพูดถึง
ทว่าเลเคียกลับไม่เห็นด้วย เขาสังหรณ์ใจว่าในอนาคตไอ้ปานบนแก้มน้องสาวต้องเป็นปัญหาใหญ่ให้เขากับเลเชียแน่ และต้องเป็นปัญหาที่ทำให้พวกเขาปวดใจมากเสียด้วยแต่ไอ้ที่ยังไม่รู้ก็คือไอ้ปัญหาที่ว่ามันจะออกมารูปไหนเนี่ยสิ
