บทที่ 8 ตัวตายตัวแทน
“อี๋..มิน่าเล่า ถึงได้เหม็นนัก” หวังเยี่ยนส่งเสียงรังเกียจ ช่องลับที่นางเคยเข้าไปนอนอยู่สองสามครั้งกลับมีศพเก็บไว้ เพียงนึกถึงนางก็ขนลุกทั่วตัว
“เจ้า..จะทำ..อะไร” ชายที่ถูกหักขาทั้งตกใจ ทั้งหวาดกลัว
ข่งเชวี่ยไม่ตอบคำถาม เขาเดินไปอุ้มศพที่เตรียมไว้ด้วยตัวเอง เพราะดูท่าทางแล้วหวังเยี่ยนคงทำไม่ไหว เขาใช้เท้าดันจนเตียงนอนกลับมาอยู่ที่เดิม วางศพลงไปที่เตียงนั้น ก่อนจะหยิบมีดเล่มเล็กออกมาจากช่องเก็บของที่หัวเตียง เดินกลับไปยังชายที่ถูกหักขา
“เจ้า! เจ้าจะทำอะไร..อย่านะ..อย่า..ขอร้อง” เขาอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังแสดงท่าทางข่มขู่ใหญ่โต ใช้สองมือพยายามคลานหนี
แต่ข่งเชวี่ยคนสวยก็คล้ายไม่ได้ยินคำพวกนั้น เขาใช้มีดสั้นแทงตรงตาซ้ายของชายผู้นั้นอย่างแม่นยำ
“อ๊ากกกก ตาข้า..ตา” เขาร้องเสียงดังมาก แต่ข่งเชวี่ยไม่สนใจปิดปาก เขาดึงมีดสั้นออกและแทงไปที่อกอีกหลายครั้ง คล้ายไม่กลัวคนข้างนอกจะได้ยิน หรือเขาอาจรู้ดีว่าถึงแม้จะมีคนได้ยินเสียงก็ไม่มีใครกล้าเข้ามารบกวน
“อึก..” ชายผู้นั้นล้มลง ท่ามกลางกองเลือด
หวังเยี่ยนมองภาพน่าหวาดหวั่นพวกนั้น พยายามสงบใจแม้นางจะเริ่มมือสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ นางรู้ว่าการฆ่าคนเป็นเช่นไร รู้ว่าต้องน่าขยะแขยง แต่ไม่เคยคิดว่าข่งเชวี่ยคนสวยจะสงบเยือกเย็นยามแทงมีดได้เช่นนี้ ดูแล้วชวนขนลุกอย่างประหลาด เม็ดเหงื่อผุดเต็มแผ่นหลังของหญิงสาว
ข่งเชวี่ยคิดว่าหญิงสาวกลัว เขาเข้าใจได้ ถึงแม้ยามปกติสตรีแก้มหมั่นโถวผู้นี้จะกล้าหาญ แต่การฆ่าไม่ใช่เรื่องปกติ เมื่อก่อนเขาก็หวาดกลัวมาก หากนางไม่หวาดกลัวเลยก็คงจะประหลาดเกินไปแล้ว
เขาเป็นห่วงอยู่บ้าง แต่แสร้งไม่ใส่ใจ ยังคงทำสิ่งที่ต้องทำต่อไป เขาดึงมีดออกจากอกของชายขาหักหลังจากแทงไปหลายครั้ง จากนั้นก็นำมีดกลับไปวางไว้ในมือของร่างสีดำบนเตียง
“เจ้า..จะทำอะไร” หวังเยี่ยนถาม พยายามควบคุมให้เสียงปกติ
“ข้าหนีไม่ได้ ต่อให้หลบหนีก็ต้องมีคนไปตามล่า ทางเดียวที่ข้าจะหนีพ้นคือข้าต้องตายเท่านั้น” เขาพูด
“เจ้า..จะใช้ศพนั่นเป็นตัวแทนของเจ้าหรือ” นางเลิกเรียกเขาว่า ท่าน แล้ว เปลี่ยนมาเรียกว่า เจ้า แทน
“อืม..”
“เตรียมไว้นานแล้วหรือ”
“ข้าเคยพยายามหนีหลายครั้ง ทุกครั้งจะถูกยอดฝีมือตามล่าจนเจอเสมอ ข้าจึงคิดแผนนี้ไว้นานแล้ว แต่ยังไม่สบโอกาส คราวนี้..ข้าต้องหนีให้ได้”
“ศพนั่น..คือผู้ใด” เสียงของหญิงสาวสั่นเล็กน้อย
“คนที่สมควรตาย..เมื่อหลายเดือนก่อน เขาบุกเข้ามาในห้องของข้า พยายามจะ...ข้าจึงฆ่าเขา”
“เจ้าควรบอกข้าก่อน” หวังเยี่ยนต่อว่าเล็กน้อย นางนึกถึงวันที่บุกเข้ามาในห้องแล้วบังคับให้เขาช่วยเหลือ ยังดีที่วันนั้นนางไหวตัวทัน จึงปล่อยตัวเขาก่อนที่จะถูกฆ่า ไม่เช่นนั้น นางอาจเป็นเหมือนศพนั่น
“..ขอโทษด้วยที่ทำให้กลัว” เขาพูดระหว่างที่หยิบผ้ามาเช็ดคราบเลือด และจุดไฟตะเกียงข้างเตียง
ข่งเชวี่ยเดินกลับเข้าไปในห้องอาบน้ำ เขาล้างคราบเลือดออกและเปลี่ยนเป็นชุดบัณฑิตเก่าๆ ใช้ผงถ่านผสมกับแป้งทาจนหน้าคล้ำ หยิบชุดนางโลมโปร่งบางติดมือไปให้หวังเยี่ยนเปลี่ยนด้วย
“เปลี่ยนชุดซะ” เขาสั่ง
หญิงสาวแม้จะหวาดหวั่น แต่ก็ยังไม่ลืมเป้าหมายของตัวเอง นางรีบไปเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อผ้าแบบพวกนางโลมในห้องอาบน้ำ หยิบม้วนกระดาษและสิ่งของเล็กน้อยที่นางนำติดตัวมาแต่แรกใส่ถุงหนัง ก่อนยัดไว้ในอกเสื้อ
“ไปกันเถิด” เมื่อหญิงสาวเดินออกมา ข่งเชวี่ยก็ทำให้ไฟเริ่มติดผ้าม่านข้างหัวเตียงแล้ว
“ทางไหน” หญิงสาวถาม
“ทางประตู”
“จะไม่ถูกจับได้ก่อนหรือ” นางกังวล เพราะข้างนอกนั่น คนที่ตามล่านางยังคงเดินไปมา
“ไม่หรอก” ชายหนุ่มเดินมาปัดผมของหญิงสาวจนปิ่นปักผมหลุดร่วง ผมยาวสยายเต็มแผ่นหลัง เขายังขยี้จนผมของนางยุ่งเหยิงไปหมด และเทสุราใส่ผมของนางจนเหม็นไปหมดด้วย
“ทำอะไรน่ะ!” หวังเยี่ยนตกใจ
“ปลอมตัวให้เจ้า เวลาเดินผ่านคนพวกนั้นให้ก้มหน้าไว้ เข้าใจหรือไม่” เขากำชับ
“ได้” หญิงสาวได้แต่พยักหน้าเข้าใจ
จากนั้นพวกเขาก็ออกจากห้อง
“ไฟไหม้ ไฟไหม้แล้ว หนีเร็ว”
“ไฟไหม้ ช่วยด้วย”
เสียงผู้คนต่างวุ่นวายตะโกนร้องบอกเรื่องไฟไหม้มาจากด้านใน ขณะที่หวังเยี่ยนและข่งเชวี่ยปลอมเป็นนางโลมและบัณฑิตเมาสุรากอดกันกลม เดินเท้าใกล้จะถึงทางออกของหอจินอวิ๋น
“กรี๊ดด ไฟไหม้” หวังเยี่ยนแสร้งตะโกนสุดเสียง
ผู้คนที่เดินไปมาตรงหน้าทางเข้าก็วุ่นวายทันที ทั้งสองจับมือกันวิ่งออกไปนอกหอจินอวิ๋นตามฝูงชน ท่ามกลางความวุ่นวายนั้นมีบุรุษในชุดดำที่คอยตามล่าหวังเยี่ยนไล่จับสตรีทีละคนเพื่อมองหน้า ข่งเชวี่ยจึงอุ้มหญิงสาวขึ้นหลังและออกวิ่งสุดแรงไปทางท่าเรือ เพราะชุดที่นางใส่ทำให้นางวิ่งได้ช้า
“อย่าไปทางนั้น” หวังเยี่ยนเกาะหลังของเขาและคอยชี้ทาง เพราะถนนที่ตรงไปยังท่าเรือเต็มไปด้วยผู้คน พวกเขาจึงเลี่ยงไปทางลับ
เมื่อมาถึงท่าเรือ เสื้อตัวนอกของหวังเยี่ยนก็หายไปแล้ว ทั้งตัวเต็มไปด้วยคราบดินโคลน เพราะนางต้องถอดเสื้อทิ้งระหว่างลอดช่องทางลับคับแคบ ข่งเชวี่ยก็ตัวเปรอะเปื้อนคราบดินโคลนไม่ต่างจากนาง
พวกเขาหลบอยู่ในมุมลับสายตาด้านหลังเรือตกแต่งจำนวนมาก รีบใช้ไม้เล่มเล็กบนเรือกระทุ้งให้ลำไผ่เป็นรู
“ช่วยทำให้ข้าด้วย” หวังเยี่ยนขอร้องข่งเชวี่ย เพราะนางแรงน้อย กระทุ้งเท่าไรก็ไม่อาจทำให้ไม้ไผ่ทะลุทั้งลำได้ ในขณะที่ข่งเชวี่ยกระทุ้งไม่กี่ครั้งก็สำเร็จแล้ว
“เจ้าโชคดีที่ข้าหนีมาด้วย ไม่เช่นนั้น ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลากับเรื่องนี้นานเท่าไร” ชายหนุ่มพูดระหว่างที่ช่วยทำกระบอกไม้ไผ่สำหรับหายใจให้หญิงสาว
“ใช่ๆ ขอบคุณเจ้ามาก” นางพูดขอบคุณ แต่ไร้ความจริงใจในน้ำเสียง ฟังดูคล้ายตอบเอาใจเขาเท่านั้น แม้เขาจะส่ายหัว แต่ก็ช่วยทำให้นางจนเสร็จ
จากนั้นพวกเขาก็เลือกเรือที่ดูท่าทางคล้ายมาจากนอกแคว้น มัดลำไผ่ไว้ตรงข้างลำเรือเพียงหลวมๆ และยังไม่ได้จุ่มปลายกระบอกไผ่ลงในน้ำ
“จำไว้นะว่าห้ามไม่ให้น้ำเข้าไปในกระบอกไม้ไผ่ ไม่เช่นนั้นเจ้าจะหายใจไม่ได้อีก” หวังเยี่ยนเตือนชายหนุ่ม
เขาเพียงพยักหน้ารับว่าเข้าใจ
“เจ้าว่ายน้ำเป็นใช่หรือไม่” นางถาม เพราะเพิ่งนึกได้
ชายหนุ่มนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหัว
“อะไรนะ! เจ้า เจ้าโง่หรือ เราวางแผนไว้หลายวันว่าจะหนีทางน้ำ เจ้าว่ายน้ำไม่เป็นแต่กลับไม่พูดสักคำ” หวังเยี่ยนดุเขา
ข่งเชวี่ยได้แต่ก้มหน้า เขาไม่บอกเพราะเขาคิดว่าจะใช้นางให้ช่วยเขายามต้องหลบออกจากใต้ท้องเรือ ส่วนยามที่ต้องหลบใต้น้ำ เขาคิดไว้แล้วว่าเพียงจับเรือและกระบอกไม้ไผ่ให้มั่นก็เพียงพอ
“เฮ้อ..เช่นนั้น พวกเราจะมัดมือกันเอาไว้ระหว่างที่อยู่ใต้ท้องเรือ หากมีอะไรผิดพลาดให้กระตุกเชือก ข้าจะได้ช่วยเจ้าได้ เข้าใจหรือไม่”
เขาพยักหน้าอีกครั้ง หวังเยี่ยนจึงฉีกกระโปรงของนางเพื่อทำเป็นเชือกมัดมือพวกเขาไว้คนละข้าง อย่างไรเขาก็ช่วยนางไว้ นางจะใจดำไม่ช่วยเขาก็ไม่ดี ได้แต่จำใจช่วยเขาหนีจนกว่าจะพ้นเขตเมืองหลวง
จากนั้นพวกเขาก็ลงน้ำพร้อมกับสูดหายใจจากปลายกระบอกไม้ไผ่
