บทที่ 5 ประมูลพรหมจรรย์
“ท่านไม่ส่งข้าออกไปแล้วใช่หรือไม่”
“ข้าขอคิดดูก่อน” หัวใจของเขายังคงเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ เดินขึ้นเตียงนอนของตัวเองทันที และปิดม่านลงไม่สนใจอีกฝ่าย เขาต้องทบทวนให้ดี หากเขาจะหนี เวลานี้แม่ทัพเหวินไม่ได้อยู่เมืองหลวง เป็นเวลาที่ดีที่สุด
หวังเยี่ยนยิ้มดีใจ นางเดินกลับไปนั่งยังมุมของตัวเอง ไม่ส่งเสียงรบกวนเจ้าของห้อง แม้ท้องฟ้าจะเริ่มส่องสว่าง แต่นางกลับทำเพียงนั่งลงเงียบๆ หยิบม้วนกระดาษออกมาดูด้วยความสงบ นางมั่นใจว่าพี่ข่งเชวี่ยจะไม่ส่งตัวนางออกไปแล้ว
วันนั้นทั้งวัน ข่งเชวี่ยแทบไม่ได้นอน เขาลืมตามองม่านสีเขียวอ่อนและหัวใจเต้นระรัวเพื่อตัดสินใจเรื่องสำคัญ
“ข้าจะไม่ส่งเจ้าออกไป แต่เจ้าต้องทำตามสัญญา” ชายหนุ่มเอ่ยในเย็นวันนั้น
“สัญญาอะไรเจ้าคะ” หวังเยี่ยนถาม
“สัญญาของเจ้าที่บอกว่าจะตอบแทนข้าทุกอย่างตามที่ข้าขอ”
“ท่าน..ไม่ใช่ว่าท่านขอให้ข้าจัดห้องให้แล้วหรือ”
“นั่นเป็นค่าตอบแทนสำหรับอาหารและที่พักของเจ้าในช่วงหลายวันมานี้เท่านั้น ส่วนเรื่องหนีก็อีกเรื่องหนึ่ง” เขาตอบเสียงเรียบ
“...เช่นนั้นท่านต้องการอะไร” หวังเยี่ยนรู้แล้วว่าถูกอีกฝ่ายเล่นไม่ซื่อ
“ร่วมมือกับข้า ข้าจะหาทางช่วยพาเจ้าหนีออกไปจากที่นี่ แต่เจ้าต้องพาข้าหนีด้วย” เขาพูดขอเสนอ ชายหนุ่มตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะไม่อยู่ที่นี่อีกแล้ว
“พาท่านหนีด้วยหรือ” หวังเยี่ยนขมวดคิ้ว นางไม่ต้องการให้แผนหนีล้มเหลว นางต้องหนีให้รอด แต่หากพาสตรีอ้วนท้วมผู้หนึ่งหนีไปด้วยกัน พวกนางอาจตายระหว่างทางหนีแน่
“ข้าจะสร้างเรื่องให้ใหญ่โต เราสองคนจะมีเวลาทั้งคืนเพื่อหลบหนี เจ้าจะยิ่งปลอดภัยกว่าเดิม แต่หากเจ้าหนีไปคนเดียว เจ้าอาจถูกพบได้ทุกเมื่อ” เขาต่อรอง เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้โง่
“หากข้าไม่รับปาก ท่านจะทำอย่างไร” หวังเยี่ยนถามเพื่อต้องการประเมินความแน่วแน่ของอีกฝ่าย
“ข้าจะเปิดเผยแผนชั่วของเจ้า”
“ท่าน!!” หญิงสาวกัดฟันโมโห
“เจ้าไม่คิดรักษาสัญญากับข้าหรือ” เขาข่มขู่
“...” วันนั้น หวังเยี่ยนเพียงพูดไปส่งๆ เพื่อให้เขาช่วยเหลือ นางคิดเพียงว่าเมื่อหลบหนีได้แล้วก็ไม่ต้องพบเจอนางโลมผู้นี้อีก แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเรียกร้องก่อนนางจะหนีออกไปได้
“ท่านจะทำอย่างไร” หญิงสาวเอ่ยถามเพื่อจะได้คิดแผนหนีอื่น
“ข้าจะจัดงานเปิดประมูลพรหมจรรย์ของข้า”
“ท่าน..ท่านยังไม่ได้...” หญิงสาวตกใจอยู่บ้างที่นางโลมระดับเซียนจี้กลับยังครองพรหมจรรย์ไว้ได้
“ใช่ ข้ายังไม่ได้เปื้อนมลทิน ความบริสุทธิ์ของข้าจะทำให้คนทั่วเมืองหลวงแตกตื่นและมารวมตัวกันที่นี่มากมาย จากนั้นข้าจะเลือกใครสักคนที่ง่ายต่อการจัดการ เมื่อเข้าห้องพวกเราก็ฆ่ามันทิ้งและวางเพลิง
หอนอนของข้าอยู่ใจกลางหอจินอวิ๋น หอนางโลมใหญ่ในเมืองหลวง หากเกิดไฟไหม้จะต้องมีผู้คนหนีวุ่นวาย เกิดความโกลาหล จะไม่มีใครสนใจสังเกตคนที่หนีออกไปด้านนอก
หอนอนนี้เพิ่งลงกระดาษใหม่ ใช้ยางไม้ชนิดพิเศษ มีกลิ่นหอมมาก แต่ติดไฟง่าย พวกเราไม่ต้องหลบหนีด้วยซ้ำ เพียงปลอมตัวเล็กน้อย และเดินปะปนไปกับผู้คนก็ได้แล้ว
ผู้คนที่หวาดกลัวไฟไหม้ก็จะไปรวมตัวกันที่ท่าเรือ เมื่อไปถึงท่าเรือที่มีการแข่งขันตกแต่งเรืองาม เจ้าของเรือจะต้องกลัวว่าเรือที่ตกแต่งมาอย่างยากลำบากจะเกิดไฟไหม้หรือเสียหาย เราเพียงเลือกเรือสักลำที่มาจากนอกแคว้น และรอ เพราะเรือตกแต่งไม่มีคนก็ไม่ต้องถูกตรวจสอบนาน
เมื่อออกนอกแคว้นได้แล้ว เราก็ต่างคนต่างแยกย้าย เช่นนี้ดีหรือไม่”
หวังเยี่ยนฟังแผนรัดกุมของอีกฝ่ายแล้วรู้สึกว่าอาจหนีได้ง่ายกว่าหนีไปคนเดียว แต่นางยังมีคำถาม
“จะรู้ได้อย่างไรว่าเรือไหนมาจากนอกแคว้น” นางกังวลใจเรื่องเรือมากกว่าเรื่องที่พี่ข่งเชวี่ยคนสวยเพิ่งบอกว่าพวกเขาจะต้องฆ่าคน
“ดูจากลักษณะการตกแต่ง พวกนอกแคว้นต้องพยายามพิสูจน์ว่าผลงานและการตกแต่งแบบของพวกเขาดีกว่า คนพวกนั้นจะไม่มีทางแต่งเรือตามความนิยมของคนในแคว้นนี้แน่นอน” เขาตอบเรียบๆ
“ได้ ตกลงตามนี้”
หวังเยี่ยนและข่งเชวี่ยจึงตกลงร่วมมือกันตามแผนนี้
วันถัดมา พระอาทิตย์ยังไม่ทันลับขอบฟ้าก็มีผู้คนมากมายมารอเพื่อชื่นชมงานประมูลพรหมจรรย์ของหลี่เซียนจี้คนดัง เหล่าคุณชายเสเพลต่างรวบรวมทองคำและผ้าไหมจำนวนมหาศาล ขนมาเป็นหลายลำรถม้าสำหรับประมูลพรหมจรรย์ของข่งเชวี่ย
คนใหญ่คนโตหลายคน ทั้งหญิงและชายต่างใช้เงินมหาศาลเพื่อจองห้องในหอจินอวิ๋น บางคนอายุมากจนใกล้เดินไม่ไหวก็ยังเตรียมเงินมามากมายเพื่อช่วงชิงประมูลพรหมจรรย์ของข่งเชวี่ย
คนที่เป็นที่จับตามองที่สุดคือ องค์หญิงเจียอี้ องค์หญิงที่ขึ้นชื่อเรื่องความเสเพลในเมืองหลวง ว่ากันว่าในตำหนักของนางมีชายงามมากมาย และมีชายบำเรอที่ถูกแต่งตั้งอย่างเป็นทางการถึงยี่สิบคนแล้ว แต่นางก็ยังมางานประมูลพรหมจรรย์ของหลี้เซียนจี้เช่นกัน
นอกจากเหล่าคนเสเพลทั้งชายหญิงที่นิยมชื่นชอบคนงามแล้ว แม้แต่บัณฑิตที่ปกติวางตัวเป็นผู้สูงส่ง ยามนี้กลับมีมากกว่าสามสิบคนที่มายืนรอแย่งชิงประมูลร่วมด้วย เพราะข่งเชวี่ยยังประกาศไปอีกว่าเขาจะเลือกคนร่วมหอด้วยตัวเอง ขอเพียงเป็นสิบคนแรกที่ร่วมประมูลด้วยจำนวนทรัพย์ที่มากที่สุด จะได้เข้ารับการเลือกจากเขา
หมายความว่าขอเพียงมีเงินมากพอให้เข้าร่วมสิบอันดับแรก บางทีอาจโชคดีถูกเลือกจากข่งเชวี่ยให้ร่วมหอได้เช่นกัน หลายคนจึงมีความหวังว่าตนจะได้เป็นผู้โชคดีคนนั้น
คืนนั้น หอจินอวิ๋น ได้รับเงินจำนวนมหาศาล บางทีอาจมากกว่าสินสอดในงานแต่งของจวนขุนนางเสียอีก
