บทที่ 4 แผนหนี
“ข้าไม่ต้องการขยะเช่นนั้น ข้ายอมตายดีกว่าพลีกายให้คนผู้นั้น ร่างกายของข้ามีไว้ให้คนที่ข้าต้องการเท่านั้น ไม่ใช่ของไร้ค่าที่จะให้ใครใช้เป็นของเล่นได้ เอ่อ..ข้าไม่ได้มีความหมายเช่นที่ท่านเข้าใจ แต่..ข้า ข้า”
หวังเยี่ยนรู้สึกผิดทันที เพราะคำพูดของนางคล้ายทำให้พี่ข่งเชวี่ยเจ็บปวด แม้นางไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ดูถูกสตรีที่ขายตัวเป็นนางโลม แต่นางก็พลั้งปากไปเสียแล้ว
“ข้าไม่ได้ดูถูกสิ่งที่ท่านเลือก แต่ข้าหมายถึง ข้าไม่พึงใจเขา ข้า..ยังไม่อยากตาย ข้าอยากมีชีวิตอยู่โดยไม่ต้องถูกกักขัง หากข้าเลือกปีนขึ้นเตียงของมัน ต่อให้วันหน้าต้องตกนรก ข้าก็จะไม่เสียใจ แต่เรื่องนี้ข้าไม่ได้เลือก”
“...เฮ้อ เจ้านี่มันน่าตีนัก” เขาแสร้งถอนหายใจ ทำราวกับเข้าใจที่นางเผลอดูถูกนางโลมโดยไม่ตั้งใจ ทั้งที่ในอกกำลังเต้นรัว หัวใจบีบรัดจนเจ็บกับคำพูดกล้าหาญของหญิงสาวแก้มหมั่นโถว
“ท่านไม่ต้องห่วง ข้าวางแผนไว้แล้ว จะไม่ทำให้ท่านเดือดร้อนแน่” นางรีบเปลี่ยนเรื่อง
“ยังจะมีแผนอะไร แค่ออกจากประตูห้องนี้ยังไม่ได้ ไม่ต้องพูดว่าจะออกนอกกำแพงเมืองหลวงอย่างไรเลย ข้าว่าเจ้ายอมมอบตัวและยอมรับผิดเสียเถิด” เขายกชาขึ้นดื่ม คล้ายไม่ใส่ใจชีวิตของสตรีตรงหน้าอีกแล้ว
“ท่านช่วยอดทนรออีกสักสองวันได้หรือไม่เจ้าคะ” หวังเยี่ยนคอตก ขอร้องในสิ่งที่รู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายไม่พอใจ
“ตอนเจ้าแอบเข้าห้องข้า เจ้าก็พูดว่าสองวัน วันนี้เจ้าก็พูดว่าสองวันอีกแล้วหรือ” เขาเชิดหน้าแสร้งโมโห
“ข้ามีแผนจริงๆ เจ้าค่ะ”
“บอกแผนเจ้ามา ข้าจะพิจารณาดูว่าสมควรส่งตัวเจ้าออกไปหรือไม่ ข้าเองก็อยากมีชีวิต ยังไม่อยากตายเร็วๆ นี้” เขาส่งสายตาพิฆาตเพื่อคาดคั้นหญิงสาว
หวังเยี่ยนอึกอักคล้ายตัดสินใจไม่ได้ว่าควรเปิดเผยไม้ตายของตัวเองกับนางโลมที่เฉลียวฉลาดผู้นี้หรือไม่ แต่เมื่อนางพยายามกล้ามองสบตาของอีกฝ่าย สุดท้ายหวังเยี่ยนก็ตัดสินใจว่าสตรีตรงหน้าอาจเพียงทดสอบนางเท่านั้น
หญิงสาวแก้มกลมล้วงมือเข้าไปในอกเสื้อก่อนจะหยิบกระดาษออกมาม้วนหนึ่ง ข่งเชวี่ยมองแม่นางน้อยค่อยๆ คลี่ม้วนกระดาษอย่างทะนุถนอม คล้ายว่าเป็นสิ่งของล้ำค้าของนางอย่างยิ่ง ทั้งที่กระดาษม้วนนั้นทั้งเก่าและดูก็รู้ว่าเป็นกระดาษหยาบๆ ที่ชาวบ้านทำไว้ใช้เอง
“นี่เป็นแผนที่ที่ข้าแอบทำไว้นานแล้ว” หวังเยี่ยนกางม้วนกระดาษลงบนโต๊ะ จากนั้นรีบย้ายชุดน้ำชาออกไปไว้ที่อื่น
ข่งเชวี่ยจ้องมองอย่างตกตะลึง ไม่ใช่แผนที่ทั่วไป แต่เป็นแผนที่อย่างละเอียด ถูกต้องตามหลักการ ทั้งยังมีการลงตัวอักษรกำกับไว้ชัดเจนว่าตรงไหนมีช่องลับ ผู้วาดจะต้องมีความรู้ด้านภูมิศาสตร์อย่างดีและต้องเคยสำรวจทุกซอกทุกมุมของถนนคับแคบในเมืองหลวง สตรีผู้นี้ไม่ใช่คนไร้ความสามารถ
เขาเคยเห็นแผนที่เมืองหลวงของกองทัพ แม้ผู้วาดจะมีความรอบรู้ด้านภูมิศาสตร์อย่างดี แต่คล้ายว่าไม่เคยสำรวจพื้นที่อย่างถ่องแท้ จึงไม่รู้รายละเอียดเล็กน้อยและพวกช่องทางลับที่ซ่อนอยู่
“นี่เป็นแม่น้ำหวงผู่ แม่น้ำที่ปฐมจักรพรรดิขุดขึ้นให้ไหลผ่านใจกลางเมืองหลวง เพื่อให้ชาวบ้านได้ใช้ประโยชน์ เชื่อมต่อไปยังแม่น้ำหวงฉุ่ยที่จะไหลออกไปนอกแคว้น ในเมืองหลวงจึงมีสะพานเป่ยตะวันออกและสะพานสุ่ยตะวันตกที่เรือสามารถแล่นเข้าออกไปนอกเมืองหลวงได้ ข้าจะหนีไปพร้อมกับเรือพวกนั้น” หญิงสาวอธิบาย เดินเข้าไปยืนจนชิดอีกฝ่าย
หวังเยี่ยนยืนข้างไหล่ของเขา แม้นางจะเดินเข้ามาจนใกล้ประชิดตัว แต่หลายวันมานี้ แม่นางแก้มหมั่นโถวไม่เคยทำให้ข่งเชวี่ยรู้สึกอึดอัด เวลานางเข้าใกล้โดยไม่ตั้งใจเช่นนี้ ชายหนุ่มจึงไม่ได้รู้สึกรังเกียจอะไร เขาไม่ได้ด่าหรือส่งสายตาพิฆาตให้นาง เพราะสาวน้อยไม่มีแม้แต่สายตาโลมเลียหรือสายตาที่บ่งบอกว่าสนใจในเรือนร่างของเขา
“แต่เรือก็ต้องถูกตรวจสอบ คนบนเรือก็ต้องมีบัตรผ่านเข้าออกเมือง” ชายหนุ่มพูดข้อเท็จจริงที่จะต้องเกิดขึ้นให้สาวน้อยฟัง
“ใช่เจ้าค่ะ คนบนเรือต้องถูกตรวจสอบ”
“แล้วเจ้าจะออกไปอย่างไร” เขาถาม
“แต่ไม่มีใครตรวจใต้ท้องเรือ”
“เรือสินค้าจะถูกค้นใต้ท้องเรืออย่างละเอียด”
“ข้าเริ่มแปลกใจแล้วนะเจ้าคะ ที่สตรีในห้องหอเช่นท่านกลับรู้เรื่องการตรวจเรือสินค้าอย่างละเอียด” หวังเยี่ยนตั้งข้อสังเกต
ข่งเชวี่ยเงยหน้าขึ้นมาส่งสายตาพิฆาตให้หญิงสาว
“ฮ่า ๆ ข้าหมายถึงใต้ท้องเรือเล็กเจ้าค่ะ” สาวน้อยรีบแก้ตัว นางไม่อยากถูกคนฉลาดจับผิดอะไรเพิ่มเติม
“เจ้าจะหลบหนีอยู่ใต้น้ำหรือ” เขาตาโต
“ใช่เจ้าค่ะ” หญิงสาวยิ้มตอบท่าทางตกใจน่ามองของพี่ข่งเชวี่ย
“ไม่มีทางที่เจ้าจะกลั้นลมหายใจจนกว่าเรือจะออกไปพ้นเขตนอกเมืองหลวงได้” เขาตั้งข้อสังเกต
“เรือเล็กที่รับจ้างขนส่งผู้คนมักจะมีไม้ไผ่สำรองไว้สำหรับคัดลำเรือ ข้าจะเจาะไม้ไผ่สำรองสักลำใช้ในการหายใจ ไม่มีใครผิดสังเกตแน่นอนเจ้าค่ะ”
“อากาศจะหนาวเย็นมาก เจ้าอาจแข็งตายก่อนจะหนีพ้นนอกแคว้น”
“ไม่เจ้าค่ะ ข้าจะแอบหนีกลางทาง ออกมาก่อนที่จะมีใครรู้ด้วยซ้ำว่าข้าอยู่ใต้ท้องเรือเล็กนั่น ไม่ได้อยู่ใต้น้ำนานจนหนาวตายเจ้าค่ะ”
“แม้แต่เจ้าของเรือก็ไม่รู้ว่าเจ้าอยู่ที่นั่น เจ้าไม่คิดติดสินบนใคร ไม่คิดร่วมมือกับใครทั้งสิ้น” เขาคาดการณ์ถึงสิ่งที่เด็กสาววางแผนด้วยความตื่นเต้น
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ”
“...อีกสองวัน ก่อนเทศกาลตวนอู่ มีเรือมากมาย ไม่มีใครสังเกต ผู้คนต่างเดินทางกลับบ้านนอกหลังจากนั้น ระหว่างทางจึงมีนักเดินทางเต็มถนน” เขายิ่งคาดการณ์หัวใจก็ยิ่งเต้นรัว เขารู้ว่ามีความเป็นไปได้ที่หวังเยี่ยนจะหนีพ้นอย่างมาก
“เจ้าค่ะ”
“...”
ข่งเชวี่ยคิดดูแล้ว ยามนี้แม่ทัพเหวินถูกบีบให้ต้องอยู่ดูแลชายแดนห้าปี ผู้ที่อยู่ในจวนแม่ทัพเหวินจึงมีเพียงเหล่าคุณชายและภรรยาของแม่ทัพเหวิน ทหารที่คอยดูแลจวนไม่ได้มีจำนวนมาก
เมื่อตามหาสาวใช้นางหนึ่งไม่พบ นานวันเข้าคนในจวนแม่ทัพเหวินแม้จะเจ็บใจที่ไม่อาจแก้แค้นให้บุตรชายได้ แต่ก็จะไม่เสียเวลากับเรื่องน่าอับอายของคุณชายน้อยที่ไม่ได้เป็นคนสำคัญอะไร
ต่อให้ที่หอนางโลมนี้จะมีเขาอยู่ แม่ทัพเหวินก็ไม่อาจเรียกใช้ตัวเขา เพราะไม่ใช่เรื่องใหญ่ แม่ทัพต้องไม่อยากเสี่ยงใช้งานอาวุธลับอย่างเขาแน่นอน อีกทั้งยังต้องทำทุกทางเพื่อปกปิดเรื่องน่าอายนี้ด้วย ไม่มีทางป่าวประกาศให้ทางการช่วยตามหาสาวใช้หลบหนี
ส่วนจวนราชครูไป๋ก็มีสาวใช้มากมาย เขาเคยได้ยินว่าราชครูไป๋เป็นคนมีเมตตา คงไม่ออกตามล่าคนที่ไม่เต็มใจทำงานให้แน่ ชายหนุ่มม้วนแผ่นกระดาษส่งให้หวังเยี่ยน เขาไม่กล้าแม้แต่จะสบตานาง
“ท่านไม่ส่งข้าออกไปแล้วใช่หรือไม่”
