บทที่ 3 อยู่ร่วมห้อง
“ชีวิตของข้าแม้จะเล็กน้อยจนเหมือนไร้ค่า แต่ก็ยังมีชีวิต! มีค่าพอให้ปกป้อง ข้าไม่ได้ทำผิด เหตุใดถึงรักชีวิตน้อยๆ นี้ไม่ได้” สาวน้อยที่เคยทำเสียงใสไร้เดียงสา ยามนี้กลับพูดฉะฉานอย่างกล้าหาญว่าชีวิตของนางแม้จะเล็กน้อยแต่ก็มีค่าพอให้รักษา ไม่ได้น้อยใจหรือหวาดกลัวเช่นที่สาวใช้หลบหนีควรเป็น บางอย่างในดวงตากลม ลุกโชนส่องสว่าง
ข่งเชวี่ยกัดฟันจนแน่น หัวใจเต้นแรง เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเขาถึงได้หวั่นไหวกับสตรีตรงหน้ายิ่งนัก ไม่ใช่เพราะนางงดงามจนเขาตกหลุมรัก แต่เพราะสายตาแรงกล้า ความกล้าหาญและความรักชีวิตของนาง
เขารู้สึกว่าได้เห็นตัวเอง ได้รับคำตอบที่ถามตัวเองมาตลอด แม้คนอื่นจะไม่เคยเห็นด้วยกับเขา แต่เขารู้ว่าชีวิตของเขาไม่อาจถูกขังอยู่ที่นี่ เขาไม่ได้เกิดมาเพื่อถูกใช้เป็นเครื่องมือ เขามีชีวิต ไม่ใช่อาวุธ ยิ่งไม่ใช่สัตว์เลี้ยงในกรง
“พี่ข่งเชวี่ย ข้าสัญญา ข้าจะไม่สร้างความเดือดร้อนให้ท่าน จะอยู่ให้เงียบที่สุด เชื่อฟังท่านทุกคำ ไม่ให้สาวใช้ของท่านเห็น ไม่รบกวน ไม่กิน ไม่อึ” หวังเยี่ยนเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไป สายตาเริ่มอ่อนลง จึงรีบพูดเอาใจ
“..ไร้สาระ” เขาได้ฟังคำพูดอ่อนหวานอย่างรู้ความนั้นแล้วรู้สึกว่านางคล้ายมองความรู้สึกของเขาออก นางรู้ว่าเขามีสาวใช้ส่วนตัว แต่ก็ยังยอมจัดห้องให้เขาตามที่เขาสั่ง นางไม่ได้โง่เลย
“ไม่กิน ไม่อึ เจ้าเป็นเซียนไปแล้วหรือ เฮ้อ เอาเถิด..ข้าไม่ชอบอยู่ร่วมกับใคร เอาผ้าแพรพวกนั้นมากั้นส่วนหนึ่งในห้องให้เจ้าซะ ข้าไม่ชอบกินอาหารมากจึงมีส่วนแบ่งให้เจ้าเล็กน้อยเท่านั้น เจ้าใช้กระโถนของข้าได้ จะมีคนมานำไปทิ้งทุกวันก่อนสว่าง ห้ามให้ใครพบเห็น และห้ามแอบดู เพราะข้าจะรู้แน่นอน”
“ได้เจ้าค่ะ ได้ ขอบคุณท่านมากพี่ข่งเชวี่ย ข้าจะเชื่อฟัง” หวังเยี่ยนยิ้มดีใจ รีบร้อนขอบคุณ รีบลุกขึ้นไปแกะผ้าม่านที่เพิ่งติดจนเรียบร้อยพวกนั้นมากั้นตามที่พี่ข่งเชวี่ยบอกอย่างเชื่อฟัง
แม้ในใจจะสงสัยว่าอีกฝ่ายรูปร่างอ้วนท้วมเช่นนี้ แต่กลับบอกว่าตัวเองกินไม่มาก ฟังอย่างไรก็ไม่น่าเชื่อ แต่นางเลือกจะไม่ถาม เพราะกลัวว่าพี่สาวนางโลมระดับหนี่เหรินผู้นี้อาจอารมณ์แปรปรวนไม่ยอมช่วยเหลือนางอีก
หลังจากนั้นอีกสองสามวันต่อมา พวกเขาหนึ่งบุรุษหนึ่งสตรีก็อยู่ในห้องร่วมกัน แต่ต่างฝ่ายต่างใช้ชีวิตของตัวเอง หวังเยี่ยนนอนกลางคืน ตื่นกลางวันและทำตัวราวกับอากาศอยู่ในมุมของนาง
ในขณะที่ข่งเชวียจะใช้เวลานอนกลางวัน และตื่นกลางคืน หวังเยี่ยนสังเกตว่าเขาจะใช้เวลาแต่งตัวยาวนานมาก ไม่ยอมให้สาวใช้ช่วยแต่งตัวเลย ทั้งที่เขาจะเรียกใครให้ช่วยแต่งตัวก็ย่อมได้
หลังแต่งตัวอย่างงดงามปกปิดจนถึงคอ ราวกับกลัวอากาศหนาวมาก เขาจะให้สาวใช้ยกอาหารมาให้ กินไปเพียงเล็กน้อยและแบ่งที่เหลือให้หวังเยี่ยน
หญิงสาวไม่ได้รังเกียจที่ต้องกินอาหารเหลือจากเขา ทั้งยังกินอย่างเอร็ดอร่อยอีกด้วย จากนั้นเขาจะออกไป ทำงาน เพียงเวลาสั้นๆ และกลับมาอยู่ในห้อง ยืนมองแม่น้ำอย่างเหม่อลอย
หวังเยี่ยนคาดเดาว่าเพราะพี่ข่งเชวี่ยเป็นหนี่เหรินระดับสูง ทั้งหน้าตางดงาม จึงไม่ต้องทำงานทั้งคืนเช่นเดียวกับนางโลมทั่วไป นางยังได้ยินบรรดาสาวใช้เรียกพี่ข่งเชวี่ยว่าเป็น ลวี่เซียนจี้ [1] อีกด้วย บางทีพี่ข่งเชวี่ยอาจเป็นถึงนางโลมอันดับหนึ่งของย่านหอโคมแดงในเมืองหลวงนี้
มีครั้งหนึ่งที่เมาสุรา พี่ข่งเชวี่ยนั่งดีดกู่ฉินข้างเตียงนอน ทั้งงดงามและไพเราะจนหวังเยี่ยนที่แอบมองตะลึงงัน แต่เพียงครู่เดียวก็หยุดเล่น เพราะนางรู้ตัวว่ามีคนแอบมอง พร้อมส่งสายตาพิฆาตข่มขู่ไปยังหวังเยี่ยน
“เจ้าคงหนีไม่ได้แล้ว ยิ่งนานวัน ยิ่งมีคนมาเดินค้นหาเจ้ามากขึ้น แม้จะไม่ได้ไล่ค้นหาอย่างอุกอาจ แต่มองไปทางไหนก็มีแต่คนพวกนั้นแฝงตัวอยู่เต็มไปหมด พวกมันรู้แน่ว่าเจ้าหลบอยู่ที่นี่” ข่งเชวี่ยพูดขึ้นระหว่างที่พวกเขานั่งดื่มชาอยู่บนโต๊ะในคืนหนึ่ง หลังจากผ่านไปห้าวันเต็มๆ แต่หวังเยี่ยนก็ยังไม่อาจหาทางหนีออกไปได้
“ตกลงเจ้าไปทำอะไรมากันแน่” เขาถาม
“พี่ขงเชวี่ย ท่านให้ความช่วยเหลือข้าอย่างดี ข้าไม่อยากโกหกท่าน ข้าจะบอกท่านตามตรง ..ที่จริงแล้ว ข้าทำร้ายคุณชายท่านหนึ่งจนเกือบถึงชีวิต”
“!! ..เจ้าฆ่าคุณชายจวนของเจ้าหรือ” เขาตกใจ
“เขาไม่ใช่คุณชายจวนของข้า เป็นเพียงเจ้าชั่วเสเพลคนหนึ่ง”
“ฮึ่ม เจ้ายังกล้าพูดอีก ข้าไม่น่าหลงกลช่วยเจ้าเลย”
“พี่ข่งเชวี่ย ข้าไม่ได้ผิด” หวังเยี่ยนรีบพูด
“ไม่ผิด แล้วเหตุใดต้องหนี ไม่ผิด เหตุใดต้องให้ทหารออกตามหาสาวใช้ตัวเล็กๆ เช่นเจ้าด้วย” เขาอยากบอกว่าเขาไม่ได้โง่
“ท่านน่าจะเข้าใจดี ชีวิตสาวใช้นั้นไร้ความหมายราวมดปลวก พวกนั้นอยากให้ผิดก็ต้องผิด อยากให้ตายก็ต้องตาย พวกคนใหญ่คนโตไม่สนใจสักนิดว่าพวกเราจะรักชีวิตหรือไม่
ข้าทำร้ายบุตรชายคนเล็กของจวนแม่ทัพเหวิน แต่เพราะมันจะข่มเหงข้า และข้าไม่ยินยอมจึงเผลอใช้แจกันดินเคลือบทุบเขาจนหัวแตก ข้าไม่เสียใจ ต่อให้ข้าเป็นเพียงสาวใช้ แต่ไม่ใช่ว่าใครจะทำอะไรตามใจก็ได้ ที่สำคัญ เจ้าสวะนั่นเพียงหัวแตกเลือดออก ยังมีชีวิตอยู่ดี”
“เจ้า..เป็นคนของจวนแม่ทัพเหวินหรือ?” เขาก้มหน้าลง เอ่ยถามโดยไม่กล้าสบตาหญิงสาว
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ ข้า..ข้าเป็นคนของ..จวนราชครูไป๋” หวังเยี่ยนอึดอัดที่ต้องตอบว่าตัวเองเป็นคนของจวนราชครูไป๋
“แล้วเจ้าไปทำร้ายคุณชายน้อยจวนเหวินได้อย่างไร”
“บุตรีคนโตของท่านราชครูแต่งให้บุตรชายคนรองของแม่ทัพเหวิน วันนั้นพวกเขามาเยี่ยมท่านราชครู และคุณชายน้อยเหวินก็ตามมาด้วย เขาดื่มไปมาก จึง..” หวังเยี่ยนพูดได้เท่านั้น และพูดไม่ออกอีก
“เป็นคนของจวนแม่ทัพเหวิน..ไม่ดีหรือ แม้จะเป็นคุณชายน้อยที่ไม่ได้ความ แต่หากเจ้าถูกใจเขาก็ยังดีกว่าเป็นคนของบุรุษทั่วไป” เขาพูดเช่นนั้น แม้จะรู้ดีว่าการเป็นสาวใช้อุ่นเตียงของคุณชายน้อยเหวินนั้น คงมีอนาคตไม่สดใส แต่ก็มีหญิงสาวอีกหลายคนพร้อมจะปีนขึ้นเตียงของคุณชายเสเพลผู้นั้น
“ฮึ หมายความว่าท่านก็รู้ดีว่าชื่อเสียงของคุณชายน้อยเหวินนั้นเป็นเช่นไรสินะ” หวังเยี่ยนกัดฟัน
“แต่ก็ดีกว่าเป็นเมียของชาวบ้านทั่วไป” เขาเอ่ย
[1] นางฟ้าชุดเขียว (คำว่า เซียนจี้ เป็นฉายาสำหรับนางโลมอันดับต้นๆ เท่านั้น)
