ตอนที่8 เชื่อใจ
เมลินญาไม่ใช่หญิงที่แต่งงานแล้วจะอยู่ติดบ้าน เธอเองก็มีงานที่ต้องทำไม่ต่างจากผืนป่า และงานของเธอก็คือตำแหน่งกรรมการผู้บริหารทั้งที่ในมือมีหุ้นมากที่สุดในบริษัทจากมรดกที่ผู้เป็นพ่อตกทอดไว้ให้ พ่อที่เคยดำรงตำแหน่งประธานบริษัทแห่งนี้
ด้วยประวัติของเธอที่เรียนจบตอนอายุยี่สิบสองและเข้ามาทำงานที่นี่หนึ่งปีครึ่งเพื่อประสบการณ์ ก่อนจะเรียนต่ออีกปีครึ่งเพื่อเข้ามาทำงานที่นี่และรอรับช่วงต่อจากผู้เป็นพ่อตอนเกษียณ
แต่โลกกลับเล่นตลกเมื่อพ่อแม่ของเธอจากไปกะทันหันก่อนเธอเรียนจบไม่กี่เดือน และแผนการหลังเรียนจบที่ผู้เป็นพ่อเคยวางไว้ให้บ้างคร่าวๆ แต่ตอนแรกในแผนการนั้นยังมีพ่อของเธออยู่ในฐานะประธาน และไม่ได้มีแผนสำรองด้วยไม่คิดว่าจะเกิดเหตุร้าย
พอผู้กุมบังเหียนอย่างพ่อไม่อยู่ทุกอย่างต้องเริ่มตั้งแต่ขั้นแรก ซึ่งมันยากมากสำหรับหญิงสาวอายุน้อยตัวคนเดียวอย่างเธอ อาศัยก็แค่หุ้นที่มากที่สุดในมือ แต่ก็ไม่ได้รับการยอมรับจากผู้บริหารเกินกว่าครึ่ง
และเสียงส่วนใหญ่เสนอให้อาของเธอที่มือหุ้นอันดับสองขึ้นดำรงตำแหน่งประธาน แต่เธอจะไม่กังวลเลยหากไม่เคยรู้ความลับของผู้เป็นอาว่าต้องการตำแหน่งประธานมาเนิ่นนาน นั่นเลยทำให้เธอพยายามอย่างหนักศึกษางานให้เก่งกาจและเป็นที่ยอมรับเพื่อรักษาบริษัทของพ่อไว้
แต่มันไม่ได้ง่ายเลยสักนิด หญิงสาวที่ไม่ได้อยู่ในวงการธุรกิจอย่างเธอก็ไม่ต่างจากกวางน้อยท่ามกลางฝูงไฮยีน่าที่พร้อมจะตะครุบให้เธอตายทุกเมื่อ เธอรู้ว่าอาพยายามรวบรวมคนในบริษัทที่เคยภักดีต่อพ่อและเป็นผลพ่วงมาที่เธอบ้างบางส่วน และหากอาเธอทำสำเร็จนั่นก็แปลว่าเธอจะไม่เหลือใครที่ไว้ใจได้ในบริษัทนี้ และอาจจะต้องสูญเสียมันไปไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
“เฮ้อ!” เมลินญาระบายลมหายใจออกมาพร้อมนวดขมับอย่างเหนื่อยล้ากับปัญหาร้อยแปดที่ทุกคนจงใจโยนมาให้
ถ้าเพื่อให้เธอพิสูจน์ความสามารถก็ว่าไปอย่าง แต่เจตนาที่พวกเขาทำแบบนี้ก็เพื่อบีบเธอต่างหาก แม้ว่าเธอจะแก้ไขปัญหาได้ก็ใช่ว่าทุกอย่างจะจบและได้รับการยอมรับ ทั้งจะมีปัญหาอื่นรอให้เธอรับมือต่อไม่หยุด
เมลินญาปิดแฟ้มเก็บทุกอย่างลงกระเป๋าแล้วออกจากห้องทำงานเพื่อกลับบ้านเมื่อถึงเวลา เธอยังเหลือหน้าที่ภรรยาอีกอย่างที่ไม่เคยละเลย
เธอเข้าครัวเองเพราะบ้านผืนป่าไม่มีแม่บ้าน เขาจะใช้การจ้างจากบริษัททำความสะอาดอาทิตย์ละหนึ่งวัน ซึ่งงานอื่นๆ ก็จะเป็นผู้ที่อยู่อาศัยต้องเป็นคนทำ
เมลินญาขลุกอยู่ในครัวประมาณครึ่งชั่วโมง ผืนป่าก็กลับมาถึงบ้านพอดี
“เหนื่อยไหมคะ” เธอออกไปต้อนรับสามีพร้อมกับน้ำเย็น เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มหวานหยดขณะยื่นแก้วน้ำไปแลกกับสูทของเขา
“เป็นอะไรหน้าซีดๆ” ผืนป่าไม่ได้ตอบย้อนถามกลับเมื่อเห็นสีหน้าของเธอเหมือนไม่สบาย
“เพลียนิดหน่อยค่ะ...”
“พี่ป่าไปอาบน้ำกันก่อนดีไหม กินข้าวเสร็จเมมีเรื่องอยากปรึกษา” เมลินญาตอบปัดๆ กับอาการของเธอ ชักชวนสามีตัวเองขึ้นด้วยแววตาที่แฝงความจริงจัง
“พูดก่อนก็ได้” เขาอยากฟังเรื่องของเธอที่จะปรึกษา เพราะเมื่อไหร่ที่เธอพูดแบบนี้ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องงานที่หาทางออกไม่ได้ และที่ผ่านมาเขาพร้อมแสดงออกการช่วยเหลือเต็มที่
ผืนป่าจูงมือเธอไปยังโซฟาหรูกลางบ้านนั่งลงเคียงข้างกัน เธอขยับเอียงตัวหันหาสบตากับเขาอย่างรู้สึกเกรงใจกับสิ่งที่จะพูดอย่างที่ไตร่ตรองมาดีแล้ว
“เมอยากให้พี่ป่าเข้าไปบริหารงานที่บริษัทเมได้ไหมคะ” เรื่องที่เธอไม่เคยรบกวนขนาดนี้มาก่อน ด้วยเพราะรู้ว่าเขาก็มีงานที่ต้องดูแลรับผิดชอบอยู่แล้ว แม้จะไม่ใช่บริษัทเขาก็ตาม แต่เธอรู้ว่าเขาทุ่มเทกับที่นั่นมาก
“ทำไม?” ใจเต้นเร็วขึ้น แต่เขาไม่ได้แสดงออกสิ่งใดนอกจากถามอย่างแปลกใจในคำขอของเธอ เพราะที่ผ่านมาเธอทำเพียงขอคำปรึกษาและขออคำแนะนำเท่านั้น
“ถ้าให้พูดตรงๆ เพราะเมไม่มีความสามารถค่ะ” ไม่ได้ดูถูกตัวเอง ถ้ามีเวลาเธอพร้อมจะเรียนรู้ทุกอย่างเพื่อพัฒนาความสามารถต่อไป มั่นใจว่าหากได้สะสมประสบการณ์ก็คงมีความสามารถมากพอ
แต่ตอนนี้มันไม่มีเวลาให้เธอแล้ว คนมากมายจ้องจะเล่นงานเธอทั้งทางตรงและทางอ้อมจนไม่สามารถป้องกันได้ทุกทิศทาง เธอรู้ว่าดึงดันต่อไม่ไหว กลัวว่าสักวันจะพลาดท่าเสียทีให้อาวุโสเจ้าเล่ห์เหล่านั้น
“เธอเรียนรู้ได้เร็วนะ” เรื่องนี้เขาอดชมเธอไม่ได้จริงๆ เพราะเขาคอยเฝ้าดูการทำงานของเธออยู่บ่อยครั้งตั้งแต่เริ่มคบกัน
เธอหัวไวและเรียนรู้ได้เร็ว
“มันเร็วไม่พอกับสิ่งที่ไล่ต้อนเมอยู่ค่ะ” เธอขยายความให้เขาได้เข้าใจ ยิ่งช่วงนี้เธอรู้สึกว่าตัวเองเหมือนไม่ค่อยเต็มที่กับงาน เหมือนปวดหัวง่ายกว่าเมื่อก่อนเวลาเจอปัญหา เธอเลยต้องพึ่งพาเขา
“เธอมั่นใจในตัวพี่เหรอ” ผืนป่าถามพร้อมกับมองหน้าเมลินญานิ่ง
“ไม่เชื่อในตัวสามีแล้วจะให้เชื่อใครคะ” เธอไม่ได้โกหกหรือไม่เสียเวลาคิดเลยกับคำถามของเขา เธอเชื่อมั่นและเชื่อใจเขาทุกอย่าง ไม่อย่างนั้นจะตัดสินใจแต่งงานกับเขาทั้งที่คบกันไม่ถึงปีเหรอ
“.....” ใจแกร่งกระตุกวูบอย่างห้ามไม่อยู่กับคำตอบที่หนักแน่นและแววตาที่เต็มไปด้วยความรักจากเธอ
มันเป็นความรู้สึกหลากหลายที่เขาพูดอะไรไม่ออก
“พี่ป่าช่วยเมนะคะ” อ้อนเขาขึ้นอย่างไร้ที่พึ่งแล้วจริงๆ
“พี่ช่วยได้ แต่แน่ใจเหรอว่าพวกนั้นจะยอมและไม่มีปัญหา” ผืนป่าปรับความรู้สึกอย่างรวดเร็ว ไม่ได้ปฏิเสธคำร้องขอ แต่ก็พูดเรื่องที่รู้ดีว่าฝ่ายตรงข้ามเธอไม่มีทางยอมง่ายๆ แม้เขาไม่ได้เกรงกลัวก็ตาม
“เมเชื่อว่าความเก่งกาจของพี่ป่าจะทำให้พวกเขามีปัญหาไม่ได้” เขาอยู่ในวงการธุรกิจมานาน และชื่อเสียงของเขาก็ใช่เล่น
“ได้ แต่ถ้าจะให้พี่เอาตำแหน่งประธานมาไว้ในมือโดยที่พวกนั้นทำอะไรไม่ได้...”
“พี่คงต้องถือหุ้นในเมื่อด้วย” ความสามารถบวกกับหุ้นในมือ นั่นเป็นสิ่งที่ไม่มีใครปฏิเสธหรือมีข้อแม้ได้
“เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหาค่ะ” ยังไงเธอกับเขาก็เป็นสามีภรรยาที่รักกันอย่างดี เธอไม่กลัวกับการจะโอนหุ้นให้สามีตัวเอง เพราะหากกลัวจริงเธอจะมาขอให้เขาไปบริหารบริษัทได้อย่างไร
การฉ้อโกงไม่จำเป็นต้องมีหุ้นอยู่ในมือก็ทำได้
“เธอไม่กลัวพี่จะโกงเอาหุ้นเธอเหรอ” เมื่อเห็นเธอตอบรับอย่างง่ายดายกับหุ้นมูลค่ามหาศาลราวกับไม่เสียดายก็อดถามไม่ได้
“พี่ป่าเป็นสามีของเมนะ ถ้าเมไม่ไว้ใจพี่แล้วเมจะไว้ใจใคร...”
“แต่ถ้าจะโกงอย่าลืมเลี้ยงเมด้วยนะ” ยังพูดติดตลกจากความเชื่อใจและมั่นใจในตัวเขา
แต่ใครจะรู้ว่าอีกมุมชีวิตของเธอหลังจากสูญเสียพ่อแม่ไปก็แค่คนโดดเดี่ยว พอผืนป่าเข้ามาในเวลานั้น เขาก็เหมือนกับโลกใบใหม่ของเธอ และด้วยความสัมพันธ์ที่ดีของเรา มันทำให้เธอทั้งรักและเชื่อใจเขาอย่างไม่มีข้อกังขาใดๆ
และตอนนี้ เขาคือครอบครัวเพียงคนเดียวที่เธอมีอยู่
“อืม เอาที่เธอเห็นสมควรเลย...”
“แล้วก็ไม่ต้องห่วง พี่ไม่ให้ใครแย่งบริษัทไปได้” ผืนป่าหลุบตาลงเล็กน้อยก่อนจะสบตากับเมลินญาอีกครั้ง บอกเธอพร้อมยกมือลูบหัวทุยอย่างอ่อนโยนให้เธอสบายใจ
“ขอบคุณนะคะ” เมลินญาเอนตัวไปกอดสามีที่เคียงข้างเธอมาเสมอ เหมือนปัญหาหลายอย่างที่โยนมาให้เธอและหาทางออกไม่ได้ก็ปรึกษาเขามาตลอด และเป็นเขานี่แหละที่แนะนำวิธีการมากมายให้เธอผ่านปัญหาพวกนั้นไปได้
“พี่เป็นสามีเธอนี่” ลูบหัวเธอแผ่วเบา น้ำเสียงลุ่มลึก พร้อมกับแววตาไหววูบขณะมองคนในอ้อมกอด
“เมรักพี่ป่าจัง” ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มกว้างเหยียดตัวขึ้นไปหอมแก้มสากด้วยความรักที่มากล้น
“งั้นไปอาบน้ำกันเถอะ” คำชักชวนพร้อมกับสายตาที่สื่อความหมายส่งออกมาให้เมลินญารับรู้ความหมายแฝงของเขา
และมันก็เป็นแบบนี้ทุกครั้ง เมื่อไหร่ที่เธอบอกรักเขาสิ่งที่เธอได้รับกลับมาก็ไม่พ้นการโอบรัดร่างกาย ตอกตรึงเธอไว้อย่างแนบแน่นราวกับกักขังเธอไว้ไม่ให้ไปไหน
แล้วเธอปฏิเสธเขาที่ไหนกันล่ะ ยกยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะขยับไปปลดกระดุมเสื้อให้กับเขาอย่างอ้อยอิ่ง ลูบไล้ร่างแกร่งด้วยสัมผัสวาบหวิว ก้มลงไปจูบซับหัวนมของเขาจนแข็งสู้ ช้อนสายตาขึ้นไปมองราวกับเสือป่าร้ายกาจ
ลดมือลงไปลูบไล้ยังกลางกายที่แกนเนื้อกำลังตั้งลำเป็นรูปเป็นร่าง มองสันกรามของเขาที่ขบกันแน่นจนเส้นเลือดปูดโปนขึ้น
“เมขึ้นไปเตรียมน้ำก่อนดีกว่า” ผละออกก่อนจะลุกขึ้นส่งสายตาเชิญชวนแล้วนำหน้าไปชั้นสองของบ้าน
ซึ่งคนที่ถูกเชื้อเพลิงแผดเผาอย่างเขามีหรือที่จะรอช้า ก้าวยาวๆ ตามไปช้อนร่างของภรรยาสาวขึ้นอุ้มตรงขึ้นชั้นสองทันที
