บทที่5 ผู้ชายเฮงซวย
"อื้อ" พระพายตื่นมาในยามรุ่งอรุณของเช้าวันใหม่ด้วยความรู้สึกสดชื่น เมื่อคืนได้นอนหลับเต็มอิ่มแบบไม่ต้องกังวลอะไรเพราะไม่มีผู้ชายใจร้ายอยู่ร่วมชายคาตั้งแต่ออกไปเมื่อวานตอนเช้าเขาก็ไม่กลับมาอีกเลย ซึ่งมันดีสำหรับเธอมาก ๆ
แต่ถึงแม้ไม่มีผู้ชายใจร้ายอยู่เธอก็ตื่นแต่รุ่งสางเพื่อออกไปจ่ายตลาดซื้อวัตถุดิบมาทำอาหารเช้าเผื่อเขากลับมาแผลงฤทธิ์ใส่เธอเหมือนวันก่อนอีก กันไว้ดีกว่าแก้ทำหน้าของตัวเองให้ดีที่สุดเขาจะได้ไม่ต้องมีเรื่องชวนเธอทะเลาะ
"เฮ้อ" เธอถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกเหนื่อยหน่ายพลางหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะหัวเตียงมาเปิดหน้าจอดูเวลาเมื่อเห็นว่าอีกสิบนาทีก็หกโมงเช้าจึงหยัดกายลุกลงจากเตียงเดินเข้าไปล้างหน้าแปรงฟัน และเปลี่ยนจากชุดนอนเป็นเสื้อยืดกางเกงขายาวสบาย ๆ จากนั้นก็เดินออกไปขึ้นรถขับตรงสู่ตลาด
เธอใช้เวลาขับรถไปกลับ และจ่ายตลาดหนึ่งชั่วโมงพอดี ทว่าเมื่อมาถึงบ้านเธอก็ต้องถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่เพราะรถของคนที่ไม่อยากเจออยู่นั่นหมายถึงเขากลับมาแล้วทำไมไม่หายหัวไปให้หลาย ๆ วันนะ
เธอได้แต่คิดก่อนถอนหายใจออกมาอีกครั้งด้วยความรู้สึกหนักใจพร้อมกับเปิดประตูลงจากรถเดินไปเอาของหลังรถแล้วเดินเข้าในบ้าน
เท้าเล็กชะงักเล็กน้อยเมื่อสายตาสะดุดเข้ากับร่างสูงที่นั่งอยู่บนโซฟาในห้องโถงหากจะเข้าครัวก็ต้องเดินผ่านเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้
เธอกลอกตามองบนถอนหายใจออกมาซ้ำ ๆ สองสามครั้งแล้วเริ่มก้าวเท้าเดินต่อทำเหมือนไม่เห็นคนที่นั่งอยู่ ตั้งใจไว้แล้วว่าถึงเขาจะพูดจากระแทกแดกดันก็จะทำหูทวนลมไม่อยากให้ค่ากับคนพันนั้น ทำแค่หน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุดก็พอเขาจะได้ไม่ต้องมาว่าได้
คิ้วสวยขมวดเป็นปมด้วยความแปลกใจในตอนที่เดินผ่านร่างสูงมาได้สักพักเขาไม่ได้พูดจากระแทกแดกดัน หรือหาเรื่องเหมือนที่คิดไว้เพียงตวัดสายตามองเธอเท่านั้นแล้วก้มหน้าเล่นมือถือต่อ
แปลกจริง ๆ แปลกมากผิดวิสัยคนสารเลวแบบเขาสงสัยผีเข้าหรือไม่ก็ล้มหัวพาดพื้น แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ดีมากสำหรับเธอถ้าสงบนิ่งแบบนี้ไปตลอดก็ยิ่งดี
"ช่างเถอะ" เธอสะบัดศีรษะไล่ความคิดเกี่ยวกับคนใจร้ายออกเมื่อเดินมาถึงในครัว จากนั้นก็เริ่มลงมือทำอาหารเช้า ถือว่าเป็นความโชคดีของเธอที่ชอบเข้าครัวช่วยแม่บ้านทำอาหารบ่อย ๆ ตอนอยู่บ้านใหญ่เลยพลอยให้ทำอาหารเป็นไปด้วยไม่อย่างนั้นคงลำบากเหมือนกัน
วันนี้เธอเลือกทำข้าวต้มกุ้งเหมือนเดิมเพราะเคยเห็นเขาสั่งให้แม่บ้านที่บ้านใหญ่ทำบ่อย ๆ ในใจได้แต่ภาวนาให้เขาถูกปากกับข้าวต้มที่เธอทำด้วยเถอะอย่าเหมือนเมื่อวานอีกเลย
แต่เหมือนคำขอของเธอจะไม่สัมฤทธิ์ผลทันทีที่เธอนำข้าวต้มไปเสิร์ฟชายหนุ่มก็พูดขึ้น "ฉันอยากทานอเมริกัน เบรกฟัสท์"
"ไม่มีวัตถุดิบค่ะ ฉันซื้อมาแค่ผักสด ปลา กุ้ง ไก่และเนื้อค่ะ" เธอลอบถอนหายใจเบา ๆ เปล่งเสียงตอบไปตามความจริง ขนมปัง เบคอน ไส้กรอก นมเนยอะไรแบบนั้นเธอไม่ซื้อมาหรอกเพราะไม่คิดว่าคนหน้าชั่ว ๆ อย่างเขาจะทาน ปกติก็ไม่เคยเห็นเขาสั่งให้แม่บ้านทำด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าอยากทานจริง ๆ หรือจงใจแกล้งเธอกันแน่
"ก็ออกไปซื้อมาใหม่สิเรื่องแค่นี้ต้องให้บอก" อลันที่นั่งมองข้าวต้มในถ้วยนิ่ง ๆ ตวัดแววตาดุดันขึ้นมองร่างบางอย่างไม่สบอารมณ์ พูดกระแทกเสียงด้วยความไม่พอใจ "ซื้อบื้อ!"
คำว่าซื่อบื้อที่ชายหนุ่มจงใจพูดกระแทกใส่หน้าทำเอาพระพายรู้สึกโกรธไม่น้อยจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาเขม็ง กำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดข่มไม่ให้ตัวเองสวนกลับไป หากตอบโต้คงได้ทะเลาะกันเหมือนเมื่อวานเป็นแน่ทำได้แค่เม้มปากแน่นก่นด่าทางสายตา
ผู้ชายอะไรทั้งเหี้ยทั้งเฮงซวย พ่อแม่พี่น้องคนอื่น ๆ ก็ออกจะดีแต่ทำไมเขาถึงสารเลวได้ไม่มีที่ติ ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาเปรียบเปรยคนอย่างเขาดี
"ทำไมกำลังด่าฉันในใจเหรอ" เสียงทุ้มเอ่ยอย่างรู้ทันเพียงเห็นสายตาที่มองมาก็รู้แล้วว่าหญิงสาวกำลังก่นด่าเขาอยู่ในใจ
พระพายเองก็อยากจะทำแบบนั้นจนใจจะขาดอยากก่นด่าให้หายคับแค้นใจแต่ขืนทำแบบนั้นเกิดเขาบีบคอเธอขึ้นมาเหมือนเมื่อวานอีกจะทำยังไงจึงเลือกไม่โต้ตอบอะไรเดินออกไปจากห้องอาหารเงียบ ๆ แต่ก็มิวายถูกอีกคนพูดแหนบแหนมตามหลังมา "เร็ว ๆ อย่าชักช้าเป็นเต่า"
"ไอ้เฮงซวย" เธอก่นด่าเบา ๆ ด้วยความคับแค้นใจรีบสาวเท้าเดินออกไปให้พ้น ๆ ผู้ชายใจร้าย แล้วขึ้นรถขับออกจากบ้านด้วยความเร็วใช้เวลาเพียงไม่นานก็มาถึงตลาด
เธอเดินซื้อทุกอย่างโดยไม่เร่งรีบเพราะนึกหมั่นไส้คำพูดของชายหนุ่มปล่อยให้นั่งรอเสียบ้าง อีกอย่างเขาคงอยากทรมานเธอเล่นมากกว่าเลยบอกว่าอยากทานเบรกฟัสท์ทำให้เธอต้องวิ่งแจ้นไปมาตลาดหลายรอบ ยิ่งคิดก็ยิ่งคับแค้นใจเธอต้องทนไปถึงเมื่อไรกัน
หลังจากซื้อของจนครบเธอไม่ได้ขับรถกลับบ้านในทันที นั่งในรถเปิดเพลงฟังเบา ๆ ปล่อยให้เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมงจึงขับกลับป่านนี้คนที่บ้านคงโกรธจนควันออกหูแล้วมั้ง
และมันก็ไม่ผิดจากที่เธอคิดไว้สักเท่าไรทันทีที่เธอย่างกายเข้าไปในบ้านเสียงของผู้ชายใจร้ายก็ดังขึ้นด้วยความเกรี้ยวกราด "เธอท้าทายคำพูดของฉันเหรอพระพาย"
ทำเอาเธอถึงกับสะดุ้งโหยงหัวใจหล่นวูบลงสู่ตาตุ่ม แววตาของเขาที่จ้องมองมายังเธอราวกับปีศาจ ใบหน้าแดงก่ำลามไปถึงใบหูบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าโกรธมากแค่ไหน บอกตามตรงว่าเห็นแล้วรู้สึกหวั่นใจไม่น้อยถึงแม้จะทำใจมาบ้างแล้วก็ตาม
เธอลอบกลืนน้ำลายลงลำคอแห้งผากอึกใหญ่ กำถุงผ้าในมือแน่นข่มความหวาดหวั่นทำใจดีสู้เสือเอ่ยออกไปหน้าซื่อตาใส "พายไม่ได้ท้าทายค่ะ ตลาดไม่ใช่ใกล้ ๆ นะคะแถมรถก็ติดหนักมากจะให้พายทำยังไงคะ"
"เหรอ" อลันหาได้เชื่อคำพูดจากริมฝีปากอวบอิ่มไม่ เห็นหน้าซื่อตาใสแบบนี้ความจริงแสนร้ายกาจเพราะเธอคนเดียวชีวิตเขาถึงพังไม่เป็นท่า "เธอคิดว่าฉันโง่รึไงพระพาย"
"ฉันพูดความจริง" พระพายสวนกลับทันควันแล้วรีบเดินเลี่ยงเข้าไปในครัวไม่อยากเสวนากับคนอันธพาลให้เสียเวลา ทว่ายิ่งทำให้อีกคนไม่พอใจตามไปกระชากแขนเล็กอย่างแรง "อย่าเดินหนีฉันไม่ชอบ"
"โอ๊ย!" แรงกระชากทำให้พระพายรู้สึกเจ็บราวกับข้อต่อแขนจะหลุดออกจากกัน หนำซ้ำยังเซถลาปะทะอกแกร่งอย่างแรงทำเอาจุกไม่น้อย
"อะ..โอ้ย!" ไม่ทันที่ความเจ็บจะจางลงเธอก็ต้องร้องโอดโอยอีกครั้งเมื่อมือหนาออกแรงบีบแขนมากขึ้นจนถุงผ้าในมือร่วงหล่นลงพื้น พยายามบิดแขนออกจากการจับกุมแต่ก็ไม่เป็นผลมือของเขายิ่งกว่าคีบเหล็กเสียอีก "พะ..พายเจ็บปล่อยนะคุณอลัน"
"คราวหลังถ้ายังอวดดีกับฉันอีกเธอได้เจ็บตัวกว่านี้แน่พระพาย" อลันไม่สนใจเสียงร้องโอดโอยสักนิดยิ่งบีบแขนเล็กแรงกว่าเดิมต้องการตอกย้ำให้รู้ว่าเขาไม่ใช่เพื่อนเล่น หรือคนที่จะมาอวดดีได้ด้วย สิ้นเสียงพูดก็สะบัดมือออกจากแขนเล็กอย่างแรง
"ฉันให้เวลาทำอาหาร 15 นาที ถ้าเกินกว่านั้นเธอโดนดีแน่" ชี้หน้าสั่งอย่างเผด็จการแล้วเดินกลับไปนั่งที่โซฟาเหมือนเดิม อีกคนได้แต่เม้มปากแน่นน้ำตาคลอเบ้าด้วยความคับแค้นใจที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย ก่อนก้มลงหยิบถุงผ้าบนพื้นแล้วเดินเข้าไปในครัวลงมือทำอาหารอย่างเร่งรีบ
