วิวาห์แค้น จองจำรัก

149.0K · จบแล้ว
Farista
63
บท
62.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

อลันยอมเข้าประตูวิวาห์กับน้องสาวบุญธรรมที่ไม่ชอบขี้หน้าตามคำสั่งผู้เป็นพ่อ จุดประสงค์ก็เพื่อต้องการแก้แค้นทำให้หญิงสาวเจ็บปวดเหมือนที่เขาเป็นอยู่

ประธานแก้แค้นดราม่าแต่งงานก่อนรักพาลูกกหนีนิยายรักเลือดร้อน18+

บทนำ

@บ้านวิโรจน์อัครโชติ

"วันนี้แด๊ดดี๊มีเรื่องจะคุยกับลูกทุกคน" ภาคินชายหนุ่มวัยกลางคนซึ่งเป็นประมุขของบ้านเอ่ยเสียงเข้มเมื่อลูกทั้งสี่คนมานั่งบนโต๊ะอาหารพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว ดวงตาคมกริบไล่มองหน้าอลัน อลินดา และอคินระเรื่อยมาหยุดตรงหน้าพระพายบุตรบุญธรรมซึ่งอายุรุ่นราวคราวเดียวกับอคิน "อีกปีเดียวลูกก็จะเรียนจบแล้วใช่ไหมพาย"

"ใช่ค่ะแด๊ดดี๊" พระพาย สาวน้อยหน้าตาน่ารักวัย 21 ปีที่กำลังนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยดึงสติกลับมาตอบบิดาเสียงนุ่ม

"มันคงถึงเวลาแล้วสินะ" ภาคินปรายตามองหน้าเอวาผู้เป็นภรรยาเล็กน้อย เมื่อเธอพยักหน้าให้เขาจึงเลื่อนสายตากลับมามองหน้าบุตรบุญธรรมต่อ "พายอยากรู้ไหมว่าทำไมแด๊ดดี๊ถึงรับหนูมาเลี้ยง แต่ไม่ยอมเซ็นรับเป็นบุตรธรรม"

"อยากรู้ค่ะ"

"เพราะหนูต้องมาเป็นสะใภ้บ้านวิโรจน์อัครโชติยังไงละ" สิ้นเสียงบิดาพระพายก็หันมองหน้าท่านด้วยความตกใจ ใบหน้าฉายแววงุนงงอย่างชัดเจน "หมายความว่ายังไงคะแด๊ดดี๊"

"มันเป็นคำมั่นสัญญาระหว่างพ่อหนูกับแด๊ดดี๊ในตอนที่หนูยังเป็นเด็ก เราสัญญากันไว้ว่าจะให้หนูแต่งงานกับลูกของแด๊ดดี๊คนใดคนหนึ่งเมื่อเรียนจบ"

"แด๊ดดี๊อย่าบอกนะว่าผมกับพี่อลันมีคนใดคนหนึ่งต้องแต่งงานกับพาย" อคินพูดแทรกเสียงดังลั่นเพราะรู้สึกตกใจไม่ต่างจากพระพาย ส่วนอลันยังคงนั่งนิ่งเหมือนเดิมไม่ได้ทุกข์ร้อนกับเรื่องที่ได้รับรู้สักนิด

"อคินแกจะโวยวายทำไม" อลินดาเอ็ดน้องชายเสียงดุเพราะตกใจกับเสียงโวยวาย

"ก็ดูแด๊ดดี๊ดิพี่อลินจู่ ๆ จะคุมถุงชน..นี่มันสมัยไหนแล้วแด๊ดดี๊" อคินตอบพี่สาวในประโยคแรกแล้วหันไปพูดกับบิดาในประโยคต่อมา

"แล้วยังไงคำประกาศิตอยู่ที่ฉัน แกก็เพลา ๆ เสียบ้างเถอะอคินเรื่องผู้หญิง ระวังเอดส์จะแดกหัวเอา" ภาคินต่อว่าบุตรชายคนเล็กอย่างเหลืออด ทว่าคำต่อว่าหยาบคายของเขากลับไม่เข้าหูคนเป็นภรรยาอย่างเอวาเอาเสียเลยจนเธอต้องพูดเอ็ดเบา ๆ "พูดจาหยาบคายพี่คิน"

"ก็มันจริงนิที่รัก" ภาคินหน้าสลดลงเล็กน้อย แต่มิวายตวัดสายตาดุบุตรชายคนเล็กแทนคำพูด

"ธรรมดาของผู้ชายแด๊ดดี๊ส่วนเรื่องแต่งงานผมไม่แต่งนะ ผมรักพายเหมือนน้องสาวแท้ ๆ จะแต่งงานกันได้อย่างไรครับ"

"ใช่ค่ะแด๊ดดี๊ พายก็เห็นอคินกับพี่อลันเป็นเหมือนพี่ชายแท้ ๆ อีกอย่างนั่นมันก็สัญญาเมื่อนานมาแล้วไม่จำเป็นต้องทำตามก็ได้นิคะ" พระพายพูดเสริมอีกแรงเธอเองก็เห็นอลันกับอคินเป็นคนในครอบครัวมาตลอดให้เปลี่ยนเป็นสถานะอื่นคงทำใจลำบาก

"ไม่ได้หรอกพายก่อนพ่อแม่ของหนูจะสิ้นใจก็ได้ย้ำเรื่องนี้กับแด๊ดดี๊ไว้ แด๊ดดี๊ต้องทำตามสัญญา และแด๊ดดี๊ก็คิดว่ามันดีสำหรับตัวหนู" ประมุขของบ้านยืนยันเสียงหนักแน่นไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องให้บุตรสาวบุญธรรมแต่งงานกับบุตรชายคนคนใดคนหนึ่งให้ได้ เขาไม่อยากผิดคำพูดกับเพื่อนรักที่จากไปแล้ว

"แต่แด๊ดดี๊คะ.."

"ทำเพื่อแด๊ดดี๊กับมามี๊ได้ไหมพระพาย"

"นะ..หนู" คำขอร้องและสายตาเว้าวอนของผู้มีพระคุณทำเอาพระพายถึงกับกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เธอเป็นแค่เด็กกำพร้าพ่อแม่ประสบอุบัติเหตุตอนเธออายุได้แค่สามขวบที่เธอรอดมาได้เพราะไม่ได้เดินทางไปกับพวกท่าน

และก่อนตายพ่อแม่ของเธอก็ได้ฝากฝั่งให้เพื่อนสนิทช่วยดูแลเธอซึ่งก็คือภาคินนั่นเองหากพวกท่านไม่รับเธอมาเลี้ยงป่านนี้เธอคงเป็นเด็กจรจัดอยู่ริมถนนไม่ได้มีชีวิตสุขสบายอย่างทุกวันนี้ แล้วแบบนี้จะให้เธอปฏิเสธคำขอร้องผู้มีพระคุณได้อย่างไรกัน

บนโต๊ะอาหารถูกปกคลุมด้วยความเงียบจนน่าอึดอัด ก่อนอคินจะเอ่ยทำลายบรรยากาศตึงเครียดพยายามยกเหตุผลร้อยแปดมาอ้างเพราะเขายังไม่อยากมีพันธะใด ๆ ยังอยากใช้ชีวิตอิสระอยู่ยังมีสาว ๆ อีกมากมายที่รอให้เขาได้เชยชม "ผมไม่แต่งนะครับแด๊ดดี๊ ผมไม่ได้รังเกียจพายแต่เราเติบโตมาด้วยกัน เล่นด้วยกันตลอดผมมองพายในสถานะอื่นไม่ได้จริง ๆ"

ภาคินถึงกับถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่แค่บุตรชายคนเล็กอ้าปากคนเป็นพ่ออย่างเขาก็เห็นไปถึงไส้ถึงพุงรู้ทันความคิดแล้ว แต่แล้วยังไงถึงบุตรชายจะดื้อดึงสุดท้ายก็ต้องฟังคำสั่งเขาอยู่ดี "แกต้องตะ..."

"ผมแต่งเองครับแด๊ดดี๊" ไม่ทันที่ภาคินจะได้เอ่ยจบเสียงทุ้มของ อลัน ชายหนุ่มหน้าตาคมคายซึ่งเป็นพี่ชายคนโตของบ้านที่นั่งเงียบมานานก็ดังแทรกขึ้นทำทุกคนบนโต๊ะอาหารต่างอึ้งไปตาม ๆ กันยกเว้นคนเป็นพ่ออย่างภาคินเหมือนเขาจะรู้อยู่แล้วว่าทุกอย่างจะออกมาเป็นแบบนี้

ส่วนพระพายนั้นดูจะอึ้งมากกว่าใคร ดวงตากลมโตปรายมองเจ้าของใบหน้าคมคายที่นั่งหน้านิ่งไร้ความรู้สึกอย่างไม่เข้าใจ ภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่งนั้นเธอไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

อลันเสนอตัวแต่งงานกับเธอด้วยเหตุผลอะไรกันทั้งที่ตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมาดูเหมือนเขาจะไม่ชอบขี้หน้าเธอด้วยซ้ำไปเพราะตั้งแต่บิดารับเธอเข้ามาอยู่ในบ้านเขาเย็นชาใส่ตลอดพูดกับเธอแทบนับคำได้ทำเหมือนเธอเป็นอากาศไม่มีตัวตนภายในบ้าน

แต่ช่วงสองปีให้หลังมานี้เขากลับพูดจาหาเรื่องเธอตลอด แยกเขี้ยวใส่ทุกทีที่เจอหน้าไม่เข้าใจว่าทำเขาถึงเปลี่ยนไป บางทีก็แอบสงสัยว่าตัวเองเผลอไปทำอะไรให้เขาโกรธหรือเปล่า

แต่พยายามคิดทบทวนแล้วก็ไม่มี หากเลือกได้เธออยากให้เขากลับไปทำตัวเย็นชาใส่เหมือนเดิมมากกว่า

ต่างจากอคินคนน้องมากรายนั้นโคตรแสนดี รักและดูแลเธอดีเหมือนเธอเป็นพี่น้องแท้ๆ หากคนที่เธอแต่งงานด้วยเป็นอคินก็คงไม่รู้สึกตกใจ และอึดอัดมากเท่าไร

"เอาจริงดิพี่อลัน" อลินดาเอียงหน้ากระซิบถามพี่ชายฝาแฝดอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ทุกคนในบ้านต่างก็รู้ว่าเขาไม่ยินดียินร้ายกับการมีพระพายอยู่ในครอบครัวสักเท่าไร แต่ทำไมกลับเสนอตัวแต่งงานกับเธอเรื่องนี้ต้องมีอะไรในก่อไผ่แน่นอน

"อือ" อลันตอบเพียงสั้น ๆ ใบหน้ายังคงนิ่งเฉยเหมือนเดิม ทว่าสายตากลับมองคนตัวเล็กที่นั่งหน้าดำคล้ำเครียดอยู่

"พี่อลันเสนอตัวเป็นเจ้าบ่าวแล้ว งั้นเรื่องนี้ถือเป็นอันเรียบร้อยผมไม่เกี่ยวแล้วนะครับ" อคินยกยิ้มออกมาด้วยความโล่งอกเมื่อได้ฟังคำยืนยันจากปากพี่ชายทำให้เขารอดพ้นจากการโดนจับแต่งงานอย่างหวุดหวิด ถึงแม้จะไม่เคยเข้าใจในการกระทำของพี่ชายสักเท่าไรก็ตาม

เขาปรายตามองร่างบางที่นั่งข้าง ๆ ก็เห็นว่าเธอนั้นนั่งหน้าซีดหลุบสายตาลงต่ำเพราะพี่ชายของเขาเล่นจ้องเธอราวกับจะกินเลือดกินเนื้อเป็นใครก็ต้องเสียวสันหลังบ้างแหละ

ไม่ใช่ว่าเขาไม่สงสารเธอนะ แต่ให้เขาเสียสละตัวเองแต่งงานแทนพี่ชายก็คงไม่ไหว

มือหนายื่นไปวางลงบนไหล่มนแล้วตบเบา ๆ เชิงให้กำลังพร้อมกับโน้มหน้ากระซิบชิดกกหูเล็ก "เอาน่าพี่อลันไม่ฆ่าพายหรอก"

"แกก็พูดได้สิอคิน รอดตัวแล้วนิแทนที่จะช่วยกัน" พระพายมองค้อนอคินอย่างคาดโทษกระซิบตอบเบา ๆ พอได้ยินกันแค่สองคน

"พายก็อย่าคิดมากดิ" อคินเลื่อนมือขึ้นไปตบศีรษะพระพายแทน เขากับเธอสนิทกันมากเลยเล่นหัวหยอกล้อกันเป็นเรื่องปกติ

"ไม่ต้องมาตบหัวแล้วลูบหลังเลยนะ" เธอเอียงศีรษะหลบมือหนาพร้อมกับส่งสายตาดุอย่างงอน ๆ

ทว่าเธอก็ต้องรีบหลุบสายตาลงต่ำรู้สึกตัวลีบเหลือสองนิ้ว เริ่มหายใจติด ๆ ขัด ๆ เมื่อเผลอสบสายตาของอลันที่จับจ้องเธออยู่ราวกับจะเฉือดเฉือนเนื้อเธอออกเป็นชิ้น ๆ เหมือนโกรธเกลียดกันมาแต่ชาติปางไหน

ปกติก็รู้สึกอึดอัดอยู่แล้วยามที่ต้องเผชิญหน้ากับเขาพอมีเรื่องแต่งงานเข้ามาเกี่ยวด้วยก็คงไม่ต้องบอกว่ามันอึดอัดมากกว่าเดิมแค่ไหน