ตอนที่ 4
ขวัญตาลากระรินมาจนถึงรถที่จอดอยู่ ระรินทำหน้าเซ็ง เธอมองหน้าแม่ที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับ
"เอาไงดีคะคุณแม่"
"คงไม่มีทางได้อะไรจากบ้านนี้แล้วล่ะ เว้นเสียแต่..."
"เว้นแต่อะไรคะคุณแม่"
"อีขิมตาย.."
ขวัญตาทำหน้าเหี้ยมพูดกับลูก
"ห๊า!...ต้องขนาดนั้นเลยเหรอคะคุณแม่ แล้ว...ถ้าโดนจับได้ล่ะ"
ระรินกุมคอทำหน้าหวาดหวั่น เธอไม่คิดว่าแม่จะโกรธ...จนคิดจะเอาชีวิตลักษิกา
"คุณแม่ขา...โรสว่าเราหาทางอื่นดีกว่าค่ะ"
"แกอย่าปอดไปหน่อยเลยน่า เราทำเองเมื่อไหร่ล่ะ เราก็จ้างคนอื่นทำสิ"
"แล้วถ้าโดนจับได้ล่ะคะคุณแม่ มีหวังได้ติดคุกหัวโตกันเลยนะคะ"
"แกอยู่เฉย ๆ แม่จัดการเอง"
ระรินถอนใจ ถึงจะไม่ชอบลักษิกา แต่ก็ไม่ได้เห็นด้วยกับแม่นัก
"คุณแม่คะ...โรสว่า..."
"พอเลย...ไม่ต้องพูดละ แกก็เป็นซะอย่างนี้ล่ะ ใจอ่อนไม่เข้าเรื่อง"
ขวัญตาส่ายหัวรำคาญ เปิดประตูเดินขึ้นไปนั่งบนรถ ระรินไม่รู้จะทำยังไง ก็ได้แต่คล้อยตามแม่ เธอขับรถพาแม่ออกไปจากบ้านของพรเทพ
ลักษิกาเริ่มเข้ามาเรียนรู้งานในบริษัท เธอฉลาด...เรียนรู้งานได้ไว ทำให้พรเทพและอุษาเบาแรงไปมาก
"เป็นไงลูก...มีอะไรไม่เข้าใจไหม"
"ไม่เลยค่ะคุณพ่อ ขิมมีคุณพ่อคุณแม่คอยซับพอร์ตแบบนี้ สบายมากค่ะ"
"ลูกแม่เก่งจริง ๆ จ้ะ"
อุษาลูบหัวลูกสาวอย่างชื่นชม
"เออ...ขิม ยังจำพี่ฟลุคได้ไหมลูก เขากลับมาจากเมืองนอกแล้วนะ หล่อโก้มาเลยล่ะ"
ลักษิกาถอนใจ เงยหน้าจากกองเอกสารบนโต๊ะมองพ่อของเธอ
"คุณพ่อคะ...อย่าบอกนะคะ ว่าจะให้ขิมแต่งงานกับเขาน่ะ"
"ผู้ใหญ่ตกลงกันแล้วนี่จ๊ะ ขิมอย่าให้เราต้องเสียผู้ใหญ่เลยนะลูก"
"คุณแม่คะ...เขาหน้าตาเป็นยังไง ขิมก็ไม่เคยเห็น นิสัยใจคอจะเข้ากันได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ อีกอย่างนะคะ...หน้าขิมมีแผลเป็นใหญ่ขนาดนี้ เขาจะยังต้องการแต่งงานกับขิมอีกเหรอคะ"
พรเทพกับอุษามองหน้ากัน พวกเขารักลูก แต่ก็เกรงใจพ่อแม่ฝ่ายชายที่รู้จักคบหากันมานาน
"ขอโทษนะ...พ่อผิดเอง ไม่น่าไปรับปากเขาเลย เอาเถอะ...พ่อจะบอกเลิกกับทางโน้นให้เองนะ"
"คุณคะ...ทางโน้นจะยอมเหรอ"
"นั่นสิ...ตอนนั้นก็พูดไปเพราะเมา จะแกล้งลืมก็ไม่ได้ ไอ้วสันต์ก็ดันมาตายไปเสียก่อน ลูกเมียเขาก็รับรู้แล้ว...เลยไม่รู้จะพูดยังไง เมื่อวานคุณพรพรรณก็โทรมาถาม เธอรู้ว่าขิมกลับมาแล้วด้วยนะ"
สองผัวเมียมองหน้ากันแล้วถอนใจเฮือกใหญ่
"เอาอย่างนี้แล้วกันนะจ๊ะ มะรืนนี้เขาจะนัดเราไปกินข้าว ลูกก็ไปดู ๆ ก่อน แล้วค่อยมาว่ากัน ถ้าลูกไม่ชอบจริง ๆ แม่จะหาทางให้จ้ะ"
"ค่ะคุณแม่"
ลักษิกาหนักใจ การหมั้นหมายครั้งนี้เป็นเพราะตอนนั้นพ่อเธอเมา เลยพูดไปโดยไม่คิด ฝ่ายนั้นก็ถือเป็นจริงจัง ถึงขนาดมาทวงสัญญา เธอคิดจะเจอฝ่ายนั้นก่อน...แล้วค่อยตัดสินใจทีหลัง
พรพรรณนั่งกุมขมับกับรายงานงบดุลบริษัท ที่ขาดทุนมาเป็นปีที่ 3 แล้ว เธอเป็นแม่หม้าย สามีเสียชีวิตไปเมื่อ 2 ปีก่อน ทิ้งบริษัทนำเข้าเล็ก ๆ ไว้ให้เธอดูแล แต่มันทำท่าจะไปไม่รอดเสียแล้ว
ชายหนุ่มหน้าตาดีเปิดประตูเข้ามาในห้อง เขาเห็นแม่นั่งกุมขมับ ก็ส่ายหัวเดินมาโอบไหล่แม่
"คุณแม่ครับ...อย่าเครียดสิครับ หมอห้ามคุณแม่เครียดนะ"
พรพรรณยิ้มเซียว ๆ ตบมือเขาที่จับไหล่เธอ
"จะไม่ให้แม่เครียดได้ไง บริษัทเราขาดทุนมา 3 ปีแล้วนะลูก สิ้นเดือนนี้...ยังไม่รู้ว่าจะไปหาเงินที่ไหนมาจ่ายพนักงานเลย แม่กลุ้มใจจริง ๆ"
ฟลุคหรือภัทรพลถอนใจ เขาเองก็เพิ่งกลับมาจากเมืองนอก ยังไม่ได้ทำงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันให้เกิดรายได้เลย อยากช่วยแม่...ก็ไม่รู้จะช่วยยังไง จึงได้แต่นิ่งเงียบ
"เออฟลุค...หนูขิมกลับมาจากเมืองนอกแล้วนะลูก แม่นัดครอบครัวคุณอาพรเทพมาทานข้าวด้วยกันวันมะรืนนี้ ฟลุคต้องไปด้วยนะจ๊ะ...จะได้รู้จักกับน้องเขา"
"คุณแม่ครับ...มันหมดยุคคลุมถุงชนแล้วนะครับ ยังไม่เคยเจอหน้ากันเลย จะให้แต่งงานกันได้ยังไง คุณแม่บอกปฏิเสธไปเถอะครับ"
"เราเป็นฝ่ายชายนะ จะไปเอาข้ออ้างอะไรบอกเลิกเขาก่อนล่ะลูก สงสารฝ่ายหญิงนะ...เธอไม่ได้ผิดอะไรนี่"
"ยังไงผมก็ไม่แต่งหรอก ผมไม่ชอบถูกคลุมถุงชนครับ"
"แม่บอกตรง ๆ เลยนะ ตอนนี้บริษัทเรากำลังมีปัญหา ถ้าฟลุคไม่แต่งงานกับหนูขิม ฟลุคก็ต้องหาเงิน 10 ล้านมาให้แม่"
"อะไรนะครับ 10 ล้านเลยเหรอ"
ภัทรพลอุทานอย่างตกใจ
"ใช่...คุณพรเทพเขารวยมาก เงินแค่นี้สำหรับเขาเป็นเรื่องเล็ก ถ้าฟลุคไม่อยากแต่งงานกับหนูขิม ก็ต้องหาเงินจำนวนนี้มาทดแทน"
ภัทรพลลุกขึ้นเดินปึงปังออกไปจากห้อง พรพรรณส่ายหัวให้กับความดื้อของลูกชาย แต่ไม่ว่ายังไง เธอต้องพาเขาไปพบกับลักษิกาให้ได้ เธอต้องการเงินทุนจากพรเทพมาพยุงบริษัท
