ตอนที่ 17
ลักษิการู้ว่าแม่เป็นห่วงเธอมาก ถึงกับยอมให้อยู่ห่างตัว แต่เธอทำตามความต้องการของแม่ไม่ได้ จึงต้องอธิบายให้แม่เข้าใจ
"คุณแม่คะ...ถ้าพวกมันจะคิดร้ายกับเราจริง อยู่ที่ไหนก็เหมือนกันค่ะ อยู่ใกล้ ๆ กันดีกว่า มีอะไรจะได้ช่วยกัน และพวกมันคงนึกไม่ถึงด้วย"
อุษาคิดแล้วก็เห็นด้วย
"ตกลงจ้ะ แต่ขิมต้องรับปากแม่นะ...ว่าจะไม่ทำอะไรเสี่ยง ๆ แล้วก็อย่าโทรมาบ่อย มีอะไรแม่จะติดต่อไปเอง ไม่ต้องห่วงพ่อกับแม่นะจ๊ะ"
ลักษิกานิ่งเงียบไปอย่างใช้ความคิด แล้วเธอก็ถามแม่ว่า
"คุณแม่คะ...คุณโอ๋ที่เป็นเลขาของคุณพ่อ...เธอไว้ใจได้ไหมคะ"
"โอ๋น่ะเเหรอ...ไว้ใจได้จ้ะ เธอเป็นคนของเรา"
"ถ้างั้น...ต่อไปนี้เราจะติดต่อกันผ่านคุณโอ๋ ขิมขอเบอร์เธอหน่อยได้ไหมคะ คุณแม่แชร์มา แล้วลบหน้านั้นออกเลยนะคะ เผื่อใครเอาโทรศัพท์คุณแม่ไปดู...จะได้ไม่รู้"
"ขิมรอบคอบมากลูก แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เราสื่อสารกันผ่านคนกลางแบบนี้...พวกมันคงคิดไม่ถึง"
"งั้น...พรุ่งนี้ขิมจะโทรหาคุณโอ๋นะคะ ขิมจะคุยกับเธอเองค่ะ"
ลักษิกากับแม่คุยกันอีกสองสามคำก็วางสาย ปรวีร์ได้ยินการสนทนา เขาทอดถอนใจเมื่อคิดถึงเรื่องตัวเอง
"เราจะกลับกันหรือยังคะ"
"คุณอยากกลับแล้วเหรอ"
ลักษิกาเหลียวมองรอบ ๆ เห็นมีรถเก๋งจอดอยู่ห่างออกไป 2-3 คัน ลมพัดมาเย็นสบาย เธอผ่อนคลายขึ้นเมื่อได้คุยกับแม่ แต่ดูท่าปรวีร์จะมีความในใจ ตั้งแต่กลับมา...เขาดูเงียบผิดปกติ เหมือนมีเรื่องไม่สบายใจ
ลักษิกายิ้ม...เขาช่วยเธอมามากแล้ว เธอก็เลยอยากช่วยเขาบ้าง
"เรานั่งตากลมเย็น ๆ ตรงนี้สักพักก็ได้ค่ะ อากาศดี๊ดี"
ลักษิกาเดินแกว่งแขนไปที่ริมน้ำ เธอมองสายน้ำที่ต้องแสงไฟระยิบระยับ หญิงสาวนั่งลงกับพื้นอย่างไม่กลัวเลอะ
"เอ๊า...นั่งสิคุณ อากาศดี ๆ แบบนี้หายากนะ"
ปรวีร์เดินมานั่งห่างออกมาหน่อย ลักษิกาหันไปมองหน้าเขา
" วันนี้คุณเป็นอะไร ดูหงุดหงิดจัง มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ ฉันช่วยคุณได้ไหม"
เขาหันมามองเธอแวบนึง
"ใครก็ช่วยผมไม่ได้หรอก"
"ฉันอาจช่วยอะไรคุณไม่ได้มาก แต่ฉันรับฟังคุณพูดระบายได้นะคะ แม่ฉันบอกว่า...คนเราเวลาคิดอะไรไม่ออก ก็ต้องหาคนช่วยคิด หรือเล่าให้ใครสักคนฟัง อย่าเก็บไว้คนเดียว เดี๋ยวอกแตกตายค่ะ"
ปรวีร์เม้มปาก ลักษิกาเห็นเขาไม่พูด...ก็ไม่เซ้าซี้ เธอนั่งมองสายน้ำตรงหน้าเงียบ ๆ แล้วอยู่ ๆ ชายหนุ่มก็พูดออกมาเอง
"แม่ผมเสียตอนที่ผมไปเรียนเมืองนอก ผมไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าแม่เป็นครั้งสุดท้าย นั่นเป็นเรื่องที่ผมเสียใจที่สุดในชีวิต"
ลักษิกานั่งฟังเขาเงียบ ๆ
"พอเรียนจบโทกลับมา ผมถึงรู้ว่าพ่อมีครอบครัวใหม่ แม่เลี้ยงแก่กว่าผม 5 ปี และมีลูกสาวตัวน้อยมาคนนึง เธอบอกว่าเป็นลูกของพ่อผม คุณว่าน่าเชื่อไหมล่ะ"
"พ่อคุณถ้ายังไม่แก่มาก ก็อาจจะยังพอมีลูกได้ค่ะ"
ชายหนุ่มถอนใจ หยิบก้อนหินเล็ก ๆ ปาลงไปในน้ำ
"แม่เลี้ยงผมวุ่นวายกับผมมาก ผมเข้าไม่ได้กับครอบครัวใหม่ของพ่อ เลยต้องระเห็จออกจากบ้านมาหาป้าแข โดยไม่มีสมบัติติดตัวมาเลยสักชิ้น ผมมามือเปล่าจริง ๆ"
