ตอนที่ 12
"มีรถจอดจริง ๆ ด้วยล่ะ"
"ทำไงดีคะคุณ แบบนี้ลูกก็กลับบ้านไม่ได้น่ะสิ"
พรเทพเดินมาเอาหูฟังเสียบหู
'ขิม...อย่าเพิ่งกลับบ้านเลยลูก พวกมันต้องคิดจับตัวหนูเพื่ออะไรบางอย่าง ตอนนี้...หนูหาที่ปลอดภัยหลบซ่อนก่อน พ่อจะหาทางช่วยลูกเอง"
"คุณพ่อคะ..."
ลักษิกาพูดไม่ออก
"เชื่อพ่อนะลูก แค่ชั่วคราวเท่านั้น พ่อสงสัยว่าเป็นฝีมือของป้าขวัญตาแน่ ๆ อดทนสักพักนะลูก พ่อจะรีบจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย"
"ค่ะ...คุณพ่อ"
อุษาน้ำตาไหล พรเทพโอบไหล่เธอ เขาส่ายหัวไม่ให้เธอร้องไห้ อุษาเช็ดน้ำตา บอกกับลักษิกาว่า
"ดูแลตัวเองด้วยนะลูก ได้ที่อยู่แล้ว...โทรมาบอกแม่ด้วยจ้ะ"
"ค่ะ...คุณพ่อคุณแม่ก็ดูแลตัวเองดี ๆ ด้วยนะคะ"
ลักษิกาสะอื้นหนักจนพูดไม่ได้ เธอชิงตัดสาย...แล้วร้องไห้อย่างน่าสงสาร ชายหนุ่มมองแล้วถอนใจ รู้สึกสงสารหญิงสาวมาก แต่ไม่รู้จะช่วยเธอยังไง ลักษิกาเช็ดน้ำตาหันมาทางชายหนุ่ม เธอมองหน้าเขาอย่างชั่งใจ ก่อนจะถามเขาว่า...
"แถวนี้...พอจะมีบ้านสักหลังให้เช่าไหมคะ ฉันคงต้องเช่าบ้านอยู่สักพักค่ะ"
"ทำไมล่ะ...กลับบ้านไม่ได้เหรอ"
ลักษิกาพยักหน้า
"พ่อให้ฉันหลบไปก่อน ท่านจะจัดการทุกอย่างเอง"
ชายหนุ่มมองหน้าเธอ
"ไอ้มีมันก็มีหรอกนะ แต่ผมว่าคุณคงอยู่ไม่ได้หรอกมั๊ง"
"ทำไมล่ะ"
"มันเป็นบ้านเช่าที่ให้พวกสาวโรงงานแถวนี้เช่าน่ะ ก็แค่ที่ซุกหัวนอน...ไม่ได้ดีเด่อะไรนักหรอก"
ลักษิกาถอนใจ
"งั้นฉันคงต้องไปนอนโรงแรมแล้วล่ะ"
"คนเดียวเนี่ยนะ"
"แล้วจะให้ทำยังไงล่ะ จะกลับก็ไม่ได้ คืนนี้ยังไม่รู้จะนอนที่ไหนเลย"
"เอางี้...ไปอยู่บ้านผมก่อนไหม"
"พูดจริงพูดเล่นเนี่ย"
"จริง...บ้านผมอาจไม่ใหญ่เท่าบ้านคุณ แต่รับรองปลอดภัยกว่าโรงแรมแน่นอน"
"จะดีเร้อ!"
"ไม่เอาก็ตามใจนะ จะตัดสินใจยังไงก็แล้วแต่คุณละกัน"
เขาก้าวขึ้นไปนั่งบนมอเตอร์ไซค์ และสตาร์ทรถเตรียมจะไป
"เฮ้ย!...เดี๋ยวสิ จะทิ้งฉันไว้ในวัดคนเดียวเนี่ยนะ"
"เอ๊า...ก็คุณไม่ยอมตัดสินใจเสียทีอ่ะ ตกลงจะเอายังไง"
"ไป...ไปบ้านคุณก็ได้"
"ก็แค่นั้นแหละ โยกโย้อยู่ได้"
ลักษิกาไม่มีทางเลือก จำใจต้องยอมตามไปอยู่ที่บ้านของชายหนุ่มแปลกหน้า ที่เธอยังไม่รู้จักแม้แต่ชื่อของเขา
ชายหนุ่มขี่รถเลี้ยวเข้าซอยไปจนสุดซอย เขาจอดรถที่หน้าบ้านหลังใหญ่...ตั้งอยู่ริมน้ำเจ้าพระยา เป็นบ้านไม้ทรงโบราณ ลักษิกามองบ้านอย่างทึ่ง ๆ
"เอ้า...ถึงแล้ว"
"เนี่ยนะ...ที่ว่าไม่ใหญ่ คุณก็รวยเหมือนกันนะเนี่ย"
"ไม่ได้รวยร๊อก เป็นบ้านมรดกตกทอดของเจ้าคุณตาน่ะ"
"มีตาเป็นเจ้าคุณเลยเหรอ"
"อืม...แม่เล่าให้ฟัง ท่านเป็นเจ้าคุณสมัยรัชกาลที่ 7 น่ะ"
ชายหนุ่มล้วงกระเป๋าหยิบกุญแจออกมา ไขเปิดประตูบ้าน เขาจูงมอเตอร์ไซค์เข้าบ้าน มีลักษิกาเดินตามหลังมาด้วย
ภายในบ้านมีบริเวณกว้างขวางมาก มีดอกไม้ปลูกไว้หลายกระถาง ส่งกลิ่นหอมสดชื่น พอเดินเข้าสู่ตัวบ้าน เธอเห็นมีเฟอร์นิเจอร์ไม่กี่ชิ้น แต่ทุกอย่างถูกจัดวางอย่างมีระเบียบ บ้านช่องสะอาดน่าอยู่มาก พื้นไม่เช็ดถูจนเงาน่านั่งน่านอน
"ตามสบายนะ"
เขาถอดหมวกกันน็อคที่ใส่มาตลอดออก ลักษิกาจึงได้เห็นหน้าเขาชัดเจน เขาเป็นชายหนุ่มที่หน้าตาดีมาก ภัทรพลที่ว่าหล่อแล้ว คนนี้กลับหล่อยิ่งกว่า ชายหนุ่มเห็นลักษิกาจ้องเขาเขม็ง ก็จับหน้าตัวเอง
"หน้าผมมีอะไรติดเหรอ คุณถึงจ้องขนาดนั้นน่ะ"
ลักษิกาหัวเราะเขิน ๆ
"เปล่าค่ะ...ก็แค่..."
ลักษิกาชะงักคำพูด เพราะมองออกไปทางหน้าต่างด้านหลังแล้วเห็นแม่น้ำเจ้าพระยา
"โอ้โห...สวยจังเลย"
ลักษิกาเดินไปเกาะขอบหน้าต่าง มองแม่น้ำเจ้าพระยาที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน มีเรือหลายลำแล่นผ่านไปมา เขาเดินมายืนข้าง ๆ
"ชอบเหรอ"
"ค่ะ...บ้านคุณนี่โรแมนติกจัง"
"มีประตูหลังบ้านเปิดออกไปได้ด้วยนะ เป็นชานโล่ง ๆ เอาไว้นั่งดูวิวริมแม่น้ำน่ะ"
ลักษิกามองประตูที่เขาบอก แต่มันล็อคกุญแจอยู่
"จริงสิ...ฉันยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย ฉันชื่อลักษิกานะคะ หรือจะเรียกว่าขิมก็ได้ค่ะ"
"ผมชื่อปรวีร์ หรือจะเรียกปอนด์ก็ได้ครับ"
"ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ"
"เช่นกันครับ"
"ถามจริง ๆ เถอะ...ทำไมคุณถึงยอมช่วยฉัน ทั้งที่เราไม่ได้รู้จักกันเลยล่ะ"
"แม่ผมสอนไว้น่ะคุณ ท่านบอกว่า...ถ้าเจอคนที่ลำบาก ช่วยได้ก็ต้องช่วย...อย่านิ่งดูดาย"
"ขอบคุณมากนะคะ"
ทั้งคู่ยิ้มให้กันอย่างเป็นมิตร ยืนดูสายน้ำที่กำลังจะมืดลงด้วยกัน
"กลับมาแล้วเหรอคะคุณปอนด์"
ลักษิกาหันไปมองตามเสียง ก็เห็นหญิงวัยกลางคน เดินเข้ามาหา และชะงักมองหญิงสาวอย่างแปลกใจ
