บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 7 คุยเก่ง

ตอนที่ 7 คุยเก่ง

เช้าวันรุ่งขึ้น

ณภัทรรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ เขารู้สึกเหมือนว่ามีอะไรบางอย่างวางอยู่บนหน้าอกของเขา แต่เมื่อลืมตาขึ้นมาดู ก็เห็นว่ามีแขนและขาของใครบางคนวางพาดลงมาบนตัวของเขา เมื่อเขาเห็นดังนั้นจึงหยิบแขนและขาของเธอที่กอดและกายอยู่บนตัวเขาออก

'นอนเหมือนเด็กเลย' ประโยคนี้ณภัทรคิดในใจ

จากนั้นเขาจึงลุกขึ้นจากเตียงเดินเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าแปรงฟัน แล้วเข้าห้องฟิตเนสเพื่อออกกำลังกาย เขามักจะออกกำลังกายเป็นประจำทุกเช้าแบบนี้เสมอ

หลังจากนั้นก็มาอาบน้ำชำระล้างร่างกาย และรับประทานอาหารเช้า ถ้าเป็นวันปกติเขาก็ต้องออกไปทำงาน แต่วันนี้เป็นวันเสาร์ ซึ่งเป็นวันหยุดของเขา กิจวัตรประจําวันของเขาก็ไม่ได้มีอะไรมาก เขาทำแบบเดิมซ้ำๆวนไปวนมา ชีวิตของเขามีแค่งานกับงานแล้วก็งาน ในบางครั้งก็รู้สึกเบื่อหน่าย แต่ในเมื่อยังมีชีวิตอยู่ ก็ต้องใช้ชีวิตต่อไปให้ดี

หลังจากที่ณภัทรออกกำลังกายเสร็จแล้ว เขาก็กลับเข้ามาในห้องส่วนตัวดังเดิม เพื่ออาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่

น้ำชาเห็นเขาเดินเข้ามาในห้องด้วยเนื้อตัวที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เธอจริงทักทายเขาด้วยประโยคคำถาม เจตนาของเธอก็เพื่อต้องการชวนคุยเท่านั้น

"คุณไปออกกำลังกายมาเหรอคะ" เขาพยักหน้าให้เธอเป็นคำตอบ

"คุณออกกำลังกายทุกวันเลยเหรอคะ" คำถามของเธอทำให้เขาต้องพยักหน้าให้เธออีกครั้ง นั่นจึงทำให้น้ำชารู้ว่าเขาเป็นคนดูแลตัวเองเป็นอย่างดี

"วันนี้คุณต้องออกไปทำงานไหมคะ" วันนี้เป็นวันเสาร์ น่าจะเป็นวันหยุด น้ำชาไม่แน่ใจจึงลองถามดู

'........' ประโยคคำถามของเธอเมื่อสักครู่ เขาส่ายหน้าให้เป็นคำตอบ วันนี้เขาอยู่บ้านทั้งวัน เขามีวันหยุดสองวัน นั่นก็คือวันเสาร์และวันอาทิตย์ แต่ถ้ามีพบลูกค้าก็ต้องไป

"คุณเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำเถอะ หนูไม่ถามแล้ว" ณภัทรจึงเดินเข้าห้องน้ำไป สักพักใหญ่ๆเขาก็กลับออกมาด้วยเสื้อคลุมอาบน้ำสีขาวสะอาด

"ให้หนูช่วยแต่งตัวให้เอาไหมคะ" น้ำเสียงของเธอบ่งบอกชัดเจนว่าพูดเล่น ณภัทรสตั้นไปชั่วครู่ เขาไม่ได้ตอบคำถามหรือสนใจอะไรเกี่ยวกับคำถามนี้ของเธอ เขาเดินเข้าห้องแต่งตัวไป ไม่นานก็จัดการตัวเองจนเสร็จเรียบร้อย จากนั้นเขาก็เดินออกมาจากห้องแต่งตัว พบว่าน้ำชายังคงนั่งอยู่ที่เดิมไม่ได้ไปไหน

"แลกไลน์กันไว้หน่อยดีไหมคะ เผื่อมีธุระ" ณภัทรทำท่าคิดอยู่สักครู่ ก่อนที่จะเดินไปหยิบมือถือมาให้เธอสแกนบาร์โค้ด

"เรียบร้อยค่ะ" น้ำชาส่งสติ๊กเกอร์อมยิ้มให้เขา เธอทำท่าจะเก็บมือถือ แต่อยู่ๆก็มีข้อความเด้งเข้ามาในมือถือของเธอ เธอมองหน้าเขา ส่วนณภัทรส่งสายตาบอกให้เธออ่านข้อความที่เขาพิมพ์ไป น้ำชาจึงเปิดไลน์เพื่ออ่านข้อความที่เขาส่งมา

ณภัทร : ฉันให้

ณภัทร : นี่คือบัตรเครดิตไม่จำกัดวงเงิน

น้ำชาเงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์มือถือก็พบกับบัตรเครดิตสีดำเงาวับยื่นส่งมาให้เธอ

"ให้หนูเหรอคะ" เขาพยักหน้าให้เธอเป็นคำตอบ

"ขอบคุณค่ะ" เธอรับเอามาถือไว้ด้วยความยินดี

สำหรับณภัทรแล้วนี่คือสิ่งที่เขาสมควรทำ มันเป็นหน้าที่ที่เขาต้องให้เงินภรรยาใช้ อีกอย่างน้ำชายังไม่ได้ทำงาน ถ้าเขาไม่ให้แล้วเธอจะเอาเงินที่ไหนใช้ ทุกคนต้องมีค่าใช้จ่ายส่วนตัวด้วยกันทั้งนั้น

'ได้เวลากินข้าวแล้ว เดี๋ยวคุณปู่จะรอนาน' ประโยคนี้เขาพิมพ์ข้อความใส่มือถือยื่นให้เธออ่าน ไม่ได้ส่งเข้ามาในไลน์

"ค่ะ" ณภัทรเดินนำออกจากห้องไปโดยมีน้ำชาเดินตามหลังเขาไปติดๆ เมื่อเดินมาถึงห้องรับประทานอาหารก็พบว่าคุณปู่นั่งรออยู่ที่โต๊ะรับประทานอาหารก่อนแล้ว

"คุณปู่ สวัสดีตอนเช้าค่ะ" เสียงใสๆเอ่ยทักทายคุณปู่ด้วยรอยยิ้ม

"สวัสดีลูก เป็นยังไงบ้างเมื่อคืนนอนหลับสบายดีไหม" คุณปู่ถามกลับไปด้วยรอยยิ้มเช่นกัน

"สบายดีมากค่ะ" ทั้งสองนั่งลงคนละฝั่งโดยมีคุณปู่นั่งอยู่หัวโต๊ะ

"คุณปู่รอนานไหมคะ หนูต้องขอโทษด้วยนะคะ หนูชวนคุณภัทรคุยเพลินไปหน่อย"

"ไม่เป็นไรๆ มาๆกินข้าวกัน" ทั้งสามคนเริ่มลงมือรับประทานอาหารเช้าด้วยกัน โดยมีบทสนทนาของคุณปู่กับหลานสะใภ้พูดคุยกันไม่ได้หยุด เช้าวันนี้จึงเป็นวันแรกในรอบหลายสิบปี ที่มีเสียงพูดคุยเสียงหัวเราะ บนโต๊ะรับประทานอาหารในแบบที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน

"อาทิตย์หน้าปู่ไม่อยู่บ้านหลายวันหน่อยนะ"

"คุณปู่จะไปไหนเหรอคะ"

"ปู่จะไปปฏิบัติธรรมที่วัดสักหน่อย"

"อ๋อค่ะ"

คุณสุริยันมักจะออกจากบ้านไปปฏิบัติธรรมแบบนี้ทุกเดือน ท่านแก่แล้วอยู่บ้านก็เบื่อหน่าย ไปปฏิบัติธรรมได้บุญแถมยังมีเพื่อนคุยแก้เหงาอีกด้วย

ในขณะที่กำลังนั่งรับประทานอาหารเช้าด้วยกันอยู่นั้น ณภัทรกลับรู้สึกได้ว่าบ้านหลังนี้คงไม่เงียบสงบอีกต่อไป ตั้งแต่ที่น้ำชาเข้ามาเหยียบบ้านหลังนี้ยังไม่ได้ยี่สิบสี่ชั่วโมงด้วยซ้ำ เสียงของเธอทำให้เขาไม่มีสมาธิในแบบที่ควรจะเป็น เธอพูดเก่ง ชวนคุยก็เก่ง มีบางครั้งเขาแอบรู้สึกหงุดหงิดอยู่พอสมควร แต่เมื่อได้เห็นรอยยิ้มของคุณปู่ที่ดูจะมีความสุขมากกว่าแต่ก่อน เขาจึงไม่ได้ว่าอะไรทำได้แค่เพียงนั่งฟังเฉยๆ

"คุณปู่คะ ปลาทอดไหมคะ ตักถึงหรือเปล่าเดี๋ยวหนูตักให้" นอกจากเธอจะพูดเก่งคุยเก่งแล้ว เธอยังเอาอกเอาใจเก่งด้วย

"ขอบใจมากลูก" ดูเหมือนว่าหลานสะใภ้คนนี้จะถูกใจคุณปู่เป็นอย่างมาก

"คุณภัทร ปลาทอดไหมคะ หนูตักให้" เขายังไม่ทันได้ตอบรับหรือปฏิเสธ เธอก็จัดการตักเนื้อปลาทอดใส่จานให้เขา แต่สิ่งที่เธอทำให้มันทำให้เขารู้สึก นั่นก็คือเธอแกะก้างออกให้ด้วย

"ตาภัทร...วันนี้เป็นวันหยุด พาหนูน้ำชาออกไปเปิดหูเปิดตาสิ" ณภัทรไม่ได้ปฏิเสธ เขาเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าของเธอนิ่งๆ

"ถ้าคุณภัทรไม่สะดวก ไม่เป็นไรก็ได้นะคะ" น้ำชารู้สึกเกรงใจ เธอไม่อยากเป็นภาระใคร ถ้าเธออยากไปไหนเธอไปเองคนเดียวก็ได้

"ไม่ต้องเกรงใจ เป็นสามีภรรยากัน ถ้ามันไม่ไปกับหนู จะให้คนอื่นไปแทนหรือยังไง" ประโยคนี้คุณปู่ช่วยพูดให้ นั่นจึงทำให้ณภัทรไม่กล้าปฏิเสธ

หลังจากมื้ออาหารเช้าจบลง ณภัทรได้พาน้ำชาไปเดินซื้อของใช้ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งโดยมีคนขับรถที่บ้านขับไปให้

"คุณภัทร...หนูอยากกินไอศครีม" เขาพยักหน้าให้จากนั้นทั้งสองจึงพากันไปสั่งไอศครีมมากินคนละถ้วย

"อร่อยไหมคะ" เขาพยักหน้าให้เธอเป็นคำตอบอีกครั้ง นั่นจึงทำให้ใบหน้าสวยหวานของน้ำชามีรอยยิ้ม

ในขณะที่กำลังเดินผ่านร้านตุ๊กตาร้านใหญ่ บังเอิญสายตาของน้ำชาได้เหลือบไปเห็นคิตตี้ตัวใหญ่สีชมพูที่เธอชอบ เธอรีบเดินเข้าไปดู แต่ราคาที่ป้าย ทำให้เธอไม่อยากได้แล้ว

"ตุ๊กตาอะไรตัวเป็นหมื่น" เธอบ่นพึมพำเสียงเบาคนเดียว แต่ณภัทรกลับได้ยินชัด

"ไปซื้อของใช้กันดีกว่าค่ะ เสร็จแล้วก็กลับบ้านกันเถอะ" น้ำชายังมีของใช้สำหรับผู้หญิงที่เธอจะต้องซื้อกลับไป เธอเป็นคนประหยัดรู้จักใช้เงินเธอมักจะเลือกซื้อแต่ของใช้ที่จำเป็นเท่านั้น

ในขณะที่ทั้งสองกำลังนั่งอยู่บนรถ เสียงของน้ำชาก็ยังคงชวนเขาคุยไม่ได้หยุด ตอนนี้ณภัทรรู้สึกปวดขมับเหลือเกิน ในใจอยากจะบอกให้เธอหยุดพูดบ้าง แต่อีกใจก็ไม่อยากทำร้ายน้ำใจกันขนาดนั้น

"ทำไมทำหน้าแบบนี้คะ คุณรำคาญหนูหรือเปล่า" เธอถามว่ารำคาญไหม อันที่จริงมันก็ไม่ได้ถึงขั้นรำคาญหรอก เพียงแต่เขาอยากอยู่เงียบๆบ้าง

'แล้วเธอคิดว่ายังไงล่ะ' เขาหยิบมือถือขึ้นมาพิมพ์ข้อความส่งให้เธออ่าน

"ก็ต้องไม่รำคาญอยู่แล้ว หนูเป็นภรรยาของคุณนะ...จริงไหม" เธอพูดออกมาด้วยความมั่นอกมั่นใจ นั่นจึงทำให้เขาไม่กล้าพูดอะไรอีก ถ้าเธอคิดแบบนี้แล้วสบายใจก็ปล่อยให้เธอคิดไป

'แล้วเธอล่ะ รำคาญฉันไหมที่ฉันพูดไม่ได้' ระหว่างการพูดคุยกันมีแต่เสียงของเธอคนเดียวเท่านั้น คนที่ไม่รู้คงคิดว่าเธอพูดคนเดียว แต่ที่จริงแล้วเป็นเพราะเขาต่างหากที่มีข้อบกพร่อง

"ไม่ค่ะ คุณพูดไม่ได้ก็จริง แต่เราสามารถสื่อสารกันได้ ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร" คำตอบของเธอคำตอบนี้ เขายอมรับว่ารู้สึกดีมากจริงๆ เพราะเขาเคยมีความทรงจำที่ไม่ดีเกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่งที่มองเขาเป็นตัวปัญหา

"คุณคิดว่าหนูสวยไหมคะ" น้ำชาเห็นว่าเขาจ้องมองหน้าเธออยู่บ่อยครั้ง เธอจึงอยากรู้ว่าเขามองอะไร

'อะไรทำให้เธอกล้าถามคำถามนี้' ทันทีที่น้ำชาได้อ่านข้อความของเขา เธอจึงหัวเราะออกมาเบาๆ

"คิกๆ หนูคิดว่าหนูสวยมากนะ" เธอพูดเองเออเอง ด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจมาก ที่จริงแล้วเธอไม่ได้มั่นหน้าขนาดนั้น แต่เธอเป็นคนกล้าพูดกล้าแสดงออก ซึ่งเธอเชื่อว่าคำพูดของเธอไม่ได้มีพิษมีภัยกับใคร ถ้ามันจะทำให้อีกฝ่ายมีรอยยิ้มขึ้นมาบ้างเธอก็ยินดี

สักพักใหญ่ๆรถยนต์ที่ทั้งสองคนนั่งมาก็ได้เลี้ยวเข้ามาจอดที่โรงจอดรถข้างบ้าน ณภัทรขอตัวไปนั่งทำงานต่ออยู่ในห้องทำงานของเขา ส่วนน้ำชาเธอขอตัวเอาของที่ซื้อมาขึ้นไปเก็บบนห้อง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel