บท
ตั้งค่า

บทที่6 คุยกับคุณต้องหน่อย 2

สิรดนัยเดินตามเงียบๆโดยไม่ปริปากบ่นราวกับว่าเขาโอเคมาก ๆ กับความเงียบอย่างนี้เสมอ

กลับกัน...คนที่เดินนำหน้าไปเงียบๆเริ่มที่จะเบื่อ ตฤณรดาไม่ชอบความเงียบ ไม่ชอบอะไรที่มันนิ่งเงียบในที่สุดเด็กสาวจึงหันกลับมาและเดินกลับมายืนข้างๆชายหนุ่ม ราวกับว่าจะเดินไปพร้อมอีกฝ่าย

“พี่สิงห์ คุณต้องไม่ชอบความเงียบ มันวังเวง คุยกับคุณต้องหน่อย” เสียงนั้นบ่งบอกถึงความจริงจังไม่ได้โกหก เธอไม่ถูกกับความเงียบเลยสักนิด

“แล้วจะคุยอะไรล่ะ เราไม่เคยมีเวลาคุยกันจริงจังเลย” หลังจากคิดอยู่นานคนถูกขอให้คุยจึงเอ่ยไปตามความจริง ไม่รู้สักนิดว่าจะคุยอะไรกับเด็กสาวดีเพราะเท่าที่รู้จักกันมาเขาแทบจะไม่พูดกับเด็กสาวเลย

เด็กสาวนิ่งไปครู่ก่อนที่จะเอ่ยบอก “อืม งั้นพี่สิงห์เล่าให้ฟังหน่อยสิ ว่าพี่สิงห์เป็นคนแบบไหนกันแน่ หนูคิดมาตลอดว่าชีวิตพี่สิงห์เงียบๆน่าเบื่อ ไม่มีสีสันเพราะพี่สิงห์เงียบเกินไป แต่วันนี้หนูคิดว่าพี่สิงห์เป็นมนุษย์น้ำแข็งที่กวนประสาทเอามาก ๆเลย”

“ขนาดนั้นเลย”คนถูกหาว่าเป็นมนุษย์น้ำแข็งที่กวนประสาทเอามาก ๆเอ่ยก่อนที่จะยิ้มขัน

เด็กสาวที่สังเกตสีหน้าท่าทีของสิรดนัยและได้เห็นใบหน้าเปื้อยยิ้มขบขันราวกับสิ่งที่ได้ยินนั้นเป็นเรื่องตลกเบิกตากว้าง เธอรู้สึกว่าตอนนี้สิรดนัยทำตัวเป็นธรรมชาติไม่ได้ปล่อยรังสีความสุขุม เงียบนิ่ง และเย็นชาออกมามากเหมือนทุก ๆวันที่เคยเป็น

“เป็นอะไร ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ”ชายหนุ่มเอ่ยถามก่อนที่จะตอบเองเสร็จสรรพ “แปลกใจ ไม่เคยเห็นพี่เป็นแบบนี้ล่ะสิ”

“ไม่ต้องแปลกใจหรอกที่ไม่เคยเห็น เพราะเอาเข้าจริงแล้วเราสองคนแทบไม่รู้จักกันเลย พี่ไม่รู้ว่าเรานิสัยยังไง และเราก็ไม่รู้ว่าพี่เป็นยังไงเหมือนกัน พูดกันจริง ๆแล้วเราสองคนรู้จักกันแค่ผิวเผินเท่านั้น” คนอายุมากกว่าเอ่ยบอก ว่ากันตามความจริงแล้วเขาก็ไม่เคยมีโอกาสได้พูดคุยกันจริงจังกับตฤณรดาเลยสักครั้งตั้งแต่เขากลับจากเรียนต่อต่างประเทศ

“นั่นสินะ ที่จริงคุณต้องก็รู้จักพี่สิงห์ผ่านคำบอกเล่าของโซ่ มาเจอครั้งแรกก็ตอนอายุ14-15นี่ล่ะ” คนอายุน้อยกว่าบอก เมื่อมานึกตามแล้วคำพูดเขามันไม่ผิด เธอรู้จักเขาแค่ผิวเผิน เขาก็รู้จักเธอแค่ผิวเผินเช่นกัน

“...” ผู้บริหารหนุ่มเงียบไม่พูดไม่ตอบว่าอย่างไร ในขณะที่คิ้วขมวดเป็นปม

“ทำไมทำหน้าแบบนั้นอ่ะ” เด็กสาวถามอย่างสงสัยไม่เข้าใจว่าสิรดนัยจะขมวดคิ้วทำไม

“พี่ไม่เถียงนะ เรื่องที่เราอาจรู้จักพี่ผ่านคำบอกเล่าของน้องโซ่ แต่พี่ขอค้านเรื่องเจอครั้งแรกตอนอายุ14-15 เรารู้จักกันมาก่อนหน้านั้นแน่นอน”คนเกิดก่อนร่วมสิบปีเอ่ยบอกเมื่อถูกถามและก็ได้รับสีหน้าสนเท่กลับมา

“หนูเคยเจอพี่ก่อนหน้านั้นด้วยเหรอ หนูจำได้ว่าเจอพี่ครั้งแรกตอนพี่กลับจากเรียนต่อโทน่ะ” ว่าพลางเดินไปขวางหน้าเพื่อมองให้แน่ใจว่าอีกฝ่ายโกหกหรือไม่

“ไม่ใช่หรอก เราสองคนเคยเจอกันมาก่อนหน้านั้นนานมากแล้ว”สิรดนัยบอกก่อนที่จะยิ้มอย่างนึกสนุก “แต่พี่ไม่บอกหรอกว่าเจอกันเมื่อไหร่ ถ้าอยากรู้ต้องหาทางเอาเอง”

“จิ๊ บอกนิดบอกหน่อยก็ไม่ได้ ใจดำ” คนไม่ได้รับคำตอบเอ่ยอย่างแสนงอนก่อนที่จะสะบัดหน้าหันหลังให้

“ทำงอนอย่างกับคนเป็นแฟนกันไปได้” คนโดนสะบัดหน้าหนีเอ่ยยิ้มๆ

“คุณต้องงอนได้ เพราะตอนนี้คุณต้องเป็นคุณนายแห่งซันชายแอร์ไลน์555” เด็กสาวพูดทีเล่นทีจริงก่อนที่จะหัวเราะ “จะว่าไป พี่สิงห์เวลาพูดเนี่ยก็สนุกน่าคุยดีนะ ทำตัวแบบนี้เวลานี้อยู่กับคุณต้องตลอดไปได้ไหม นะนะนะ”

“อะไรคือทำตัวแบบนี้ แล้วตอนนี้พี่...ทำตัวแบบไหนเหรอ?” มันเป็นคำถามที่ตอบกลับมาแล้วคนถูกถามอยากจะหัวเราะดังๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ

“ก็...ตอนนี้พี่สิงห์ดูเป็นธรรมชาติมากเลย ปกติพี่สิงห์ชอบทำตัวนิ่งๆ ขรึมๆ บางทีอยู่ใกล้แล้วรู้สึกเกร็งๆไม่กล้าทำอะไรเพราะกลัวจะโดนโกรธเลย คุณต้องว่าคนที่อยู่รอบ ๆข้างพี่ก็ต้องคิดแบบนั้นเหมือนกันล่ะ แบบว่าเป็นคนที่มองได้ไกลๆแต่คุยด้วยไม่ได้เลย เงียบกริบจนเหมือนหุ่นขี้ผึ้ง อุ๊ย...” เด็กสาวเอ่ยบอกก่อนจะอุทานเมื่อนึกได้ว่าเธออาจจะพูดมากและตรงเกินไปจนทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจได้ “แหะๆ ไม่โกรธกันเนาะ คุณต้องพูดความจริง”

“พี่ดูเป็นคนใจแคบเหรอ ถึงได้กลัวพี่จะรับความจริงไม่ได้?” สิรดนัยไม่ได้แสดงอาการโกรธหรือไม่พอใจออกมา “ที่เราพูดมามันก็จริงนะ พี่เป็นแบบนั้นจริง ๆ เพราะถ้าพี่เป็นพี่ ด้วยอายุที่ยังไม่มากเหมือนผู้บริหารคนอื่น พี่ว่าพวกเขาคงมองว่าพี่ไม่เอาไหนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ไม่มีใครไว้วางใจที่จะร่วมงานหรอก พี่เข้ามาบริหารงานตั้งแต่อายุไม่ถึง25 ถ้าทำตัวสนุกสนานคงพาซันชายไปไม่รอด”

“อึดอัดเปล่า?” คนฟังเหตุผลถามก่อนที่จะขบคิด ก็จริงอย่างที่สิรดนัยพูด ชายหนุ่มก้าวเข้ามาเป็นผู้บริหารตั้งแต่อายุยังน้อย พลอยวารินทร์เคยบอกว่าในตอนแรกมีกรรมการบริหารและหุ้นส่วนหลายคนไม่ค่อยไว้วางใจแต่ด้วยท่าทีสุขุมและศักยภาพที่สิรดนัยแสดงให้เห็นทำให้ทุกคนยอมรับ ถ้าเขาไม่วางมาดสุขุมบางทีอาจจะเป็นที่ไม่พอใจของใคร ๆในที่ทำงานก็ได้

“อึดอัดสิ ไม่ได้เป็นตัวของตัวเองก็ต้องอึดอัดอยู่แล้วล่ะ แต่ผลที่ได้รับกับมาก็น่าพอใจนะ สำหรับพี่ พี่แค่อยากเป็นคน ๆ หนุ่มที่ไม่ทำให้ใคร ๆต้องผิดหวังในตัวพี่เท่านั้นแหละ คนรอบข้างมีความสุขพี่ก็สุขใจแล้ว” คนเป็นผู้บริหารบอกก่อนที่จะยิ้มจางๆ ความสุขของเขาคือการที่คนรอบข้างมีความสุข ไร้กังวล และไม่ผิดหวังในตัวเขาเท่านั้นจริง ๆ

“ความสุขของพี่คือการที่คนรอบข้างของพี่มีความสุขงั้นเหรอ แล้ว...” คำพูดนั้นถูกเว้นไว้ราวกับลังเลที่จะพูดก่อนที่จะกลั้นใจพูดออกไป "คุณต้องเป็นคนรอบข้างของพี่เปล่า?"

“เป็นสิ” เขาตอบโดยไม่ต้องคิด “ถึงแม้จะเพราะความจะเป็นแต่เราเป็นสามีภรรยากันนะ คุณต้องคือคนรอบข้างที่ใกล้ที่สุดของพี่ตอนนี้และอาจจะเป็นไปอีกนาน”

“งัั้น....ถ้าหนูเป็นคนรอบข้างของพี่ พี่ก็ต้องทำให้หนูมีความสุขด้วยดิ ใช่ไหม” แม้จะตกใจที่เขานับเธอเป็นคนรอบข้างด้วยแต่ตฤณรดาก็ไม่ตกใจจนหลงประเด็กสาเหตุที่เธอถามเขาไปแบบนั้น

“ครับ แล้วความสุขของเราคืออะไรล่ะคุณต้อง” สำหรับตฤณรดาตอนนี้เขาเป็นอะไรเขาไม่รู้ แต่เขารู้ว่าตอนนี้เธอคือภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย คือคนที่ต่อจากนี้เขาต้องดูแล คือคนที่ต่อจากนี้เขาต้องทำให้มีความสุขและไม่ทำให้ผิดหวังในตัวเขา แม้มันจะไม่เกี่ยวกับหัวใจก็ตาม...แต่ตอนนี้เธอคือคนสำคัญ

“ความสุขของหนูคือรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ การพูดคุยสนุกสนาน หนูชอบให้ทุกคนที่หนูรู้จักยิ้ม หัวเราะ พูดคุยเฮฮาเป็นตัวเอง สิ่งที่ทำให้หนูหมดสนุกไม่มีความสุขก็คือความเงียบ หนูบอกแค่นี้ล่ะ ที่เหลือโตแล้วคิดเอง” คนที่กลายเป็นคนสำคัญโดยไม่รู้ตัวเอ่ยบอกก่อนที่จะหยุดเดินและยิ้มกว้างเมื่อมาถึงหน้าวังสิราราชที่เธอไม่ได้กลับมามากกว่า24ชั่วโมง

“คิดถึงจังสิราราช” สาวน้อยหน้าแว่นเอ่ยก่อนที่จะวิ่งเข้าไปกอดเสาร์รั้ววังอย่างคิดถึง ใจจริงอยากจะประทับจูบไว้ซะที่เสานี้ให้หายคิดถึงแต่กลัวคนเป็นยายจะมาเห็นแล้วหวดก้นเอาได้

"ถ้าไม่กลัวหม่อมยายมาหวดก้นนะพี่เสา ต้องตาจะมอบจูบแรกให้พี่เสาให้หายคิดถึงเลย" คนคิดถึงบ้านเอ่ยกับเสาราวกับของมีชีวิตในขณะที่คนเดินมาด้วยนั้นมองอย่างฉงนในใจนึกโล่งใจกับคำพูดคล้ายจะบ้าๆบอๆของเด็กสาว จูบแรก... เธอยังไม่ได้มอบมันให้ใคร โดยเฉพาะเด็กหนุ่มคนนั้น

ความสดชื่นปรากฎขึ้นในใจผู้บริหารหนุ่มอย่างไม่ทราบสาเหตุแต่ก่อนที่จะหลงลืมเรื่องที่พูดกันก่อนนี้คนรู้สึกดีก็เอ่ยขึ้น

“คุณต้อง”สิรดนัยเรียกให้คนเอาแต่กอดเสาหันมามองก่อนที่จะเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ในเมื่อเราเป็นคนรอบข้างของพี่พี่จะไม่ทำให้เราไม่สบายใจ พี่อาจจะทำให้เรามีความสุขไม่ได้ แต่หลังจากนี้พี่จะไม่เงียบกับคุณต้องให้คุณต้องรู้สึกหมดสนุก ต่อไปพี่เป็นตัวเองให้มากที่สุด พี่สัญญา”

“สัญญาจริง ๆนะ” คนอายุน้อยกว่าถามราวกับไม่เชื่อ ‘พระเจ้า! รู้สึกเหมือนฟ้าประทานพรให้หนึ่งขอเลยแฮะ’

“ลูกผู้ชายไม่มีวันผิดสัญญา” ผู้บริหารหนุ่มบอกก่อนที่จะได้รับรอยยิ้มดีใจลับมา เขายิ้มตอบกลับไปชนิดที่คนได้รับรอยยิ้มแทบใจละลาย นี่สินะยิ้มเสน่ห์ที่ทำให้ใครต่อใครต้องมนต์ ตกหลุมเชื่อฟังที่พลอยวารินทร์เล่าให้ฟัง

“เอ่อ...เข้าไปได้ในกันดีกว่า” ก่อนที่จะต้องมนต์ยิ้มเสน่ห์ของสิรดนัยคนอายุน้อยกว่าจึงเอ่ยชวนอีกฝ่ายเข้าไปในวังสิราราชแทนที่การมายืนยิ้มให้กันแบบนี้ เธอยังไม่อยากต้องมนต์เสน่ห์เหลือร้ายของเขา

“ไปสิ” ตอบรับก่อนที่จะเดินตามตฤณรดาไปแล้วก็ต้องขมวดคิ้วเมื่อเด็กสาวไม่ได้เดินเข้าไปที่ประตูรั้วแต่เดินลัดเลาะตามกำแพงมาจนถึงที่ลับตาด้านท้ายของวัง อย่าบอกเขานะว่ายัยตัวอันตรายจะพาเขาปีนกำแพง

เด็กสาวหันมายิ้มหวานก่อนที่จะเอ่ยบอก “ตามมานะ”

เมื่อบอกจบเธอก็ทำในสิ่งที่เขาคาดไม่ถึง “คุณ ตะ คุณต้อง”

“ตามมาๆ” เด็กสาวบอกในขณะที่สิรดนัยตกตะลึงจนพูดไม่ออก เด็กสาวไม่ได้ปีนกำแพงแต่กลับลอดช่องเล็กๆที่ขนาดพอที่คนๆหนึ่งจะคลานลอดข้ามเข้าไปได้ ตอนที่มาตอนแรกเขาไม่เห็นช่องนั้นแต่พอตฤณรดาปัดกิ่งไม้ออกก็ทำให้ได้เห็นมัน

“ตามมาสิพี่สิงห์ ใจรึเปล่า” คนที่ลอดผ่านไปแล้วเอ่ยทำให้สิรดนัยต้องตัดใจลอดข้ามไป นับว่าโชคดีที่ช่องนี้มีขนาดที่คนๆหนึ่งลอดผ่านได้เขาจึงผ่านมาได้อย่างง่ายดาย

“ทางนี้มีไว้ทำไม?”ถามพลางสายตามองทางนั้นอย่างนึกไม่ถึง คนพาเขาทำอะไรที่คิดไม่ถึงยิ้มร่าก่อนที่จะเอ่ยบอกอย่างภูมิใจ “ง่ายมาก ไว้หนีเที่ยวไง หนูกับโซ่ใช้ทางนี้หนีไปเที่ยวในตลาดบ่อย ๆ”

“ทางไว้หนีเที่ยว” สิรดนัยเอ่ยเสียงดัง นี่คนตรงหน้าใช้ทางนี้พาน้องสาวเขาไปหนีไปเที่ยวบ่อย ๆงั้นเหรอ

ตฤณรดาหัวเราะก่อนที่จะตอบ “ช่าย เมื่อก่อนเป็นทางหมาลอดเล็กๆแต่คุณต้องขอให้พี่ต้อมทำให้มันใหญ่ขึ้นให้”

“ร้ายกาจ” บ่นให้ไม่จริงจังก่อนที่จะพูดทีเล่นทีจริง “ต่อไปเรือนแสนรักคงจะมีทางแบบนี้ไว้หนีเที่ยวด้วยล่ะมั้ง หรือไม่ก็ลามถึงเรือนอุ่นรักด้วย”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel