บท
ตั้งค่า

บทที่1 หม่อมหลวงตฤณรดา 1

3ปีก่อน

“ที่โรงเรียนส่งจดหมายมาว่าเราไปทำร้ายรุ่นพี่ จนฝ่ายนู่นเข้าโรงพยาบาล มีอะไรจะแก้ตัวไหม? แม่ตฤณรดา” น้ำเสียงขุ่นเคืองของหญิงชราวัย70เอ่ยถามส่งผลให้เด็กสาวที่นั่งพับเพียบอยู่ที่พื้นด้วยท่าทีเรียบร้อยอย่างหม่อมหลวงตฤณรดา ในวัย17ปีมองไม้หวายแช่น้ำเกลือในมือของหม่อมยายของตนอย่างหวาดหวั่น

หม่อมตรีประดับ สิราราช ณ อยุธยาเป็นมารดาของหม่อมราชวงค์หญิงเตชิณี สิราราชผู้เป็นมารดาซึ่งเสียชีวิตไปแล้วด้วยอุบัติเหตุรถชนตั้งแต่เธออายุ6ขวบ สามเดือนหลังจากสูญเสียมารดาหม่อมราชวงค์ปนัยภพ ติวกุลผู้เป็นพ่อก็แต่งงานใหม่ซ้ำยังเปิดตัวลูกสาวนอกสมรสอายุน้อยกว่าเธอเพียง2ปีที่ซุกซ้อนไว้ให้ผู้คนได้รู้จัก หม่อมตรีประดับโกรธมากจึงรับเธอกับหม่อมหลวงเตชินทร์หรือคุณต้อม พี่ชายมาอยู่ที่วังสิราราชด้วยและตัดขาดกับทางฝั่งบิดาของเธอถึงขนาดให้เธอและพี่ชายมาใช้ราชสกุลสิราราชแทนการใช้ราชสกุลติวกุลของผู้เป็นพ่อ เพราะฉะนั้นทุกเรื่องของเธอหม่อมตรีประดับจะเป็นผู้ดูแลทั้งหมดรวมถึงเรื่องที่โรงเรียนด้วย

ทุกวันศุกร์จะต้องมีรายงานจากทางโรงเรียนส่งทางไปรษณีย์เพื่อรายงานความประพฤติของตฤณรดามาถึงมือหม่อมของวังสิราราชและหลายครั้งที่เนื้อความในจดหมายระบุว่าตฤณรดามีเรื่องกลั่นแกล้งหรือทะเลาะวิวาทกับเพื่อนหรือรุ่นพี่คนอื่นครั้งนี้ก็เช่นกันในจดหมายบอกว่าเด็กสาวทะเลาะวิวาทกับรุ่นพี่จนเผลอใช้ศิลปะป้องกันตัวอย่างคาราเต้ใส่จนรุ่นพี่คนนั้นต้องเข้าโรงพยาบาล ทั้งที่เวลาอยู่ต่อหน้าหม่อมผู้สูงศักดิ์เด็กสาวจะนอบน้อมและพับเพียบเรียบร้อย

“ลิงหลอกเจ้าจริง ๆ นะเรา คราวนี้เรื่องอะไรอีกล่ะ หึแม่ลิงซน” หม่อมยายเอ่ยถามหลานสาวอย่างรู้ทาง เพราะทราบดีว่าถ้าไม่มีสาเหตุเด็กสาวไม่มีทางจะทำร้ายหรือหาเรื่องกับใครก่อน

“ก็พี่เขามาหาเรื่องรังแกโซ่ก่อนนิคะ ต้องตาทนไม่ได้เลยจัดการให้” ตฤณรดาเอ่ยบอกเสียงอ่อน ถ้าไม่ใช่เพราะรุ่นพี่คนนี้มาหาเรื่องกลั่นแกล้งรังควานคู่หูคู่แสบของเธอก่อนล่ะก็อย่าคิดว่าเธอจะยุ่งด้วย

“หาเรื่องรังแกรึ เพื่อนเรานะแสบขนาดนั้นยังมีใครกล้าหาเรื่องอีกเหรอ” หม่อมผู้สูงศักดิ์เอ่ยถาม ด้วยทราบมาว่าเพื่อนคนนี้ของหลานสาวนั้นมีดีกรีความแสบความซนไม่แพ้แม่ลิงซนของเธอเลยสักนิด ยิ่งอยู่ด้วยกันยิ่งแสบจนใคร ๆ ต้องเดินหนี

“ก็ต้องตาไปซ้อมเทควันโด พวกพี่เขาเลยมารังควานโซ่ ต้องตาทนไม่ได้นิคะนั่นเพื่อนต้องตานะคะ หม่อมยายลองคิดดูซิถ้าหม่อมยายกิ่งถูกคนอื่นกลั่นแกล้งหม่อมยายจะอยู่เฉย ๆ เหรอคะ?” ตฤณรดาเอ่ยบอก พร้อมอ้างถึงเพื่อนสนิทของผู้เป็นยาย หม่อมตรีประดับส่ายหน้ากับข้ออ้างของหลานสาวที่ช่างไหลลื่นซะจริง

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เราก็ผิดแม่ต้องตา ทีหลังต้องหัดใช้สมองมากกว่ากำลังถึงเรากับแม่โซ่จะเก่งแค่ไหนก็ผู้หญิง คนอื่นเขาจะมองว่าเราน่ะทโมน เข้าใจไหม” ผู้เป็นยายเอ่ยบอก ด้วยน้ำเสียงอ่อนลงตฤณรดายิ้มรับอย่างดีใจถ้าผู้เป็นยายใช้เสียงเช่นนี้แสดงว่าเธอจะไม่ต้องถูกลงโทษด้วยหวายแช่น้ำเกลือที่ท่านถืออยู่

“อ้อ! อย่าดีใจไป ยายไม่ตีแต่ต้องคัดคำว่าผิดไปแล้ว100บรรทัดด้วย” หม่อมตรีประดับเอ่ยบอกเมื่อมองเห็นใบหน้ายิ้มดีใจจนออกนอกหน้าของหลานสาว ก่อนจะต้องแอบขำเมื่อตฤณรดาทำหน้าซีดลง

“10บรรทัดไม่ได้เหรอคะ หม่อมยายขา” ตฤณรดาเอ่ยอ้อนแต่เหมือนจะไปได้ผลเมื่อผู้เป็นยายแสร้งหันไปสนใจอย่างอื่นแทน ตฤณรดาได้แต่ถอนหายใจก่อนจะบ่นในใจ ‘ใจร้ายอ่ะ ช่างไม่เข้าใจต้องตาเอาซะเลย’

หม่อมตรีประดับแอบเหลือบมองหลานสาวอย่างขำขัน ‘นั่นแหละแสบนัก’

หลายวันต่อมา

สนามบินดอนเมือง

ตฤณรดายืนมองผู้คนที่เดินขวักไขว่อยู่บริเวณประตูทางออกส่วนขาเข้า บ้างก็เข็นรถเข็นคันใหญ่บรรทุกสัมภาระมาจนเต็ม บ้างก็ลากกระเป๋าเดินทาง บ้างก็หิ้วกระเป๋าเดินออกมาจากอาคารบนทางเดินที่ไม่คับแคบแต่ก็ไม่กว้างขวางนักนั้นด้วยความรู้สึกเบื่อหน่าย เพราะวันนี้ที่วังสิราราชหม่อมตรีประดับเปิดวังต้อนรับเพื่อนสนิทมิตรสหายมาสังสรรค์กันเธอที่ไม่ชอบงานสังสรรค์จิบน้ำชาของหม่อมยายจึงได้หลบเลี่ยงด้วยการขอมาเล่นที่บ้านของพลอยวารินทร์ สัตยบดินทร์หรือโซ่ เพื่อนสนิทตั้งแต่เด็ก ๆ แต่แล้วก็ต้องมายืนทำหน้าเบื่อโลกเมื่อยัยเพื่อนสาวและครอบครัวต้องมารอรับพี่ชายคนโตของบ้านที่หายหน้าหายตาไปดูงานที่บริษัทในเครือที่อิตาลี่ถึงครึ่งปี ยัยเพื่อนตัวดีจึงลากเธอมาสนามบินด้วยทั้งที่รู้แก่ใจดีว่าเธอไม่ชอบผู้คนและไม่ค่อยกินเส้นกับพี่ชายคนนี้นัก

หลังจากสอดส่ายสายตาอย่างเบื่อหน่ายสักครู่แล้วก็หันมามองเพื่อนรักที่กอดคอน้องสาวคนเล็กอย่างเพลินไพลิน หรือ น้องซี สอดส่องสายตามองหาผู้ที่พวกเธอมารอรับอย่างตื่นเต้นโดยมีนายแพทย์เสษฏฐวุฒิ หรือ คุณหมอเพชร และร้อยตำรวจตรีสรวิชญ์ หรือ ผู้หมวดเพลิง ผู้เป็นพี่ชายคนรองและคนกลางยืนอยู่ใกล้ๆ ส่วนคุณพงศ์พยัคฆ์และคุณแพรวารินทร์พ่อแม่ของพลอยวารินทร์นั้นยืนอยู่กับสพลดนัยหรือพลาย และสัณหณัฐหรือ เพื่อน พี่ชายฝาแฝดคนเล็กทั้งสองคนของเพื่อนสาวใกล้ ๆ กับเธอ ทุกคนดูมีความสุขและตื่นเต้นที่จะได้เจอคนที่ถูกมารอรับอย่างพี่ชายคนโตสุดที่รักของพลอยวารินทร์และพี่น้อง ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนสุดที่รักของคุณพงศ์พยัคฆ์และคุณแพรวารินทร์

ตฤณรดาละสายตาจากพลอยวารินทร์และครอบครัวหันไปมองผู้คนที่เดินขวักไขว่ ก่อนที่จะไปสะดุดตาอยู่ที่ร่างของผู้ชายคนหนึ่งที่เข็นรถเข็นบรรทุกสัมภาระมาจนเต็ม เขาคนนั้นก้าวเดินอย่างองอาจ รูปร่างสูงราว189เซนติเมตรพลันก้าวย่างด้วยหลังที่ตั้งตรงสง่าผ่าเผย ดวงตาถูกปกปิดด้วยแว่นกันแดดยิ่งดูมีเสน่ห์น่าค้นหา ใบหน้าดูหล่อเหลาดั่งเทพบุตรในเทพนิยายกรีกโบราณ ดูเรียบนิ่ง ไร้ซึ่งรอยยิ้มแต่ดูขรึมน่าค้นหา เค้าโครงหน้าตาช่างคล้ายๆกับคุณพงศ์พยัคฆ์อย่างกับพิมพ์เดียวต่างกันที่ใบหน้าของคุณพงศ์พยัคฆ์มีร่องรอยความเหี่ยวย่นตามอายุ

ร่างสูงสมาร์ทนั้นอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตเนื้อดีไม่ผูกเนคไทมีเสื้อสูทสีดำพาดไว้ที่แขนขวา ทุกอย่างที่ประกอบขึ้นมาเป็นเขาเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ พระเจ้าช่างสร้างสรรค์มาลำเอียงกับชายคนอื่นเสียจริง

“พี่สิงโตมาแล้ว” พลอยวารินทร์และเพลินไพลินร้องขึ้นพร้อมกันก่อนที่จะวิ่งไปกอดชายคนนั้นทันทีด้วยความคิดถึง สิรดนัยในวัย27ปีคลี่ยิ้มน้อย ๆให้น้องสาวทั้งสองก่อนที่จะกอดตอบกลับน้องสาวและเดินมาสวมกอดผู้เป็นพ่อและแม่

“งกยิ้มตามเคย เหอะ”ราชนิกูลที่ดูเป็นเด็กตัวเล็กไปทันทีเมื่อคนตัวสูงเดินมาหาพ่อแม่บ่นพึมพำเบา ๆ ความจริงเธอก็อยากจะพูดดัง ๆ นะแต่ตอนนี้เธอยังไม่อยากเปิดศึก

“นี่มากันทั้ง8คนเลยเหรอครับ เสียงานเสียการแย่เลยแบบนี้” สิรดนัยพูดด้วยน้ำเสียงน่าฟังกับคนเป็นพ่อและแม่แต่คำพูดนั้นทำให้ทุกคนนิ่งไปอึดใจหนึ่ง

“เอิ่ม...พี่สิงโตครับ เรามากัน9คนครับ คุณต้องตาด้วย” สรวิชญ์เอ่ยขึ้นด้วยคิดว่าพี่ชายคงนับผิดไปแต่แล้วก็ต้องถอนหายใจเมื่อรู้ว่าตัวเองพลาดซะแล้ว...พี่ชายของเขาเปิดศึกอีกแล้ว

“อ้าว คุณต้องตามาด้วยเหรอ ไหนล่ะ พี่มองไม่เห็นเลย”สิรดนัยถามพร้อมทำทั้งหันซ้ายแลขวาคล้ายว่าหาคนที่9ของคณะไม่เจอ คนอื่นหลุดขำแล้วถอนหายใจพรืดเพราะรู้เจตนาของพี่ชายคนโตแล้ว

“น้องก็ยืนอยู่ตรงนี้นิครับ” สัณหณัฐเอ่ยบอกเขาไม่ได้รับมุขนะแต่ไม่รู้ความหมายของพี่ชายจริง ๆ สิรดนัยแกล้งหันมองตามที่น้องชายชี้ก่อนที่จะร้องอ้าว

“อ้าว! โทษทีตัวเล็กเกินไปหน่อยพี่มองไม่เห็น กลับวังไปกินนมเยอะๆนะชิสุน้อย” สิรดนัยเอ่ยบอกด้วยใบหน้าเรียบแต่ดูสะใจน้อย ๆ คนถูกเรียกชิสุน้อยถึงกับกรีดร้องในใจถึงแม้เธอจะตัวเล็ก สูงไม่ถึงเพียงอกเขา ก็ไม่ใช่จะเอาเธอไปเปรียบกับสุนัขพันธ์เล็กแบบชิสุนะ

“เสาไฟฟ้าหน้านิ่งเอ๊ย” ตฤณรดาเอ่ยขึ้นอย่างโมโหเมื่อหมดหนทางจะต่อกรกับเสาไฟฟ้าผู้ร้ายเงียบ แต่ร้ายแรง คุณพงศ์พยัคฆ์มองเพื่อนลูกสาวและลูกชายอย่างขำขัน สองคนนี้ไม่จิกกัดกันเห็นทีจะมีแต่ตอนไม่สบายเท่านั้นล่ะมั้ง เจอกันปุ๊บหาเรื่องกันปั๊บเชียว

“เสาไฟฟ้าก็มีดีกว่าหลักกิโลแหละ” เพื่อนรักของตฤณรดาเอ่ยอย่างแปรพักตร์เข้าข้างพี่ชาย ต่อให้รักเพื่อนแค่ไหนแต่พี่ชายต้องมาก่อน คนโดนเพื่อนแปรพักตร์ไปเข้าข้างพี่ชายได้แต่มองอย่างขัดใจ “ฝากไว้ก่อนเถอะทั้งพี่ทั้งน้องเลย”

“เกิดมาไม่สูงเองอะ ก็ช่วยไม่ได้อะนะ” พลอยวารินทร์บอกก่อนที่จะแลบลิ้นใส่คนเกิดมาไม่สูงต่างจากเธอและพี่น้องที่ได้ความสูงมาจากคุณแพรวารินทร์และคุณพงศ์พยัคฆ์มาพอสมควรจนไม่เข้าใกล้คำว่าเตี้ย

“แหม่ เกิดมาไม่สูงเหรอ พูดว่าเกิดมาเตี้ยเลยก็ได้ โป้งตัวแล้ว” ราชนิกูลสาวตัวน้อยพูดอย่างแสนงอนก่อนจะเดินตึงตังออกไปจากสนามบินโดยมีคนอื่น ๆ เดินตามไปด้วยรอยยิ้ม ความจริงแล้วสำหรับพวกเขาตฤณรดาไม่ได้เตี้ย แค่ตัวเล็กน่ารักกำลังพอดีก็เท่านั้น

“เฮ้อ คนอื่นเขาไม่ได้ว่าเตี้ยสักคน มโนเก่งจริงๆ” สิรดนัยเอ่ยด้วยใบหน้านิ่ง ๆ แต่แฝงไปด้วยความเอ็นดูเพื่อนน้องสาว แม้ภายนอกจะดูเหมือนไม่กินเส้นกันเท่าไหร่แต่ความจริงแล้วภายในไม่มีอะไรบาดหมางกันสักนิด เขาแค่มีบุคลิกที่ตฤณรดาไม่ชอบใจทำให้เธอชอบหาเรื่องทะเลาะให้เขาหลุดมาดนิ่ง ๆ ก็เท่านั้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel