บทที่ 2
ก๊อก! ก๊อก!! ก๊อก!!!
“พ่อ แม่คะ นอนกันหรือยังคะ?” เสียงเคาะประตูและน้ำเสียงของลูกสาวที่ดังขึ้น ทำให้ศรชัยและผกามาศยุติการสนทนาจับคู่เอาไว้ก่อน ปิติญาดาเห็นไฟในห้องนอนพ่อและแม่ยังเปิดอยู่จึงอยากจะคุยด้วย จะได้เล่าเรื่องงานแต่งงานของภคมณให้ฟัง
“เข้ามาสิน้ำมนต์” เสียงอบอุ่นของผู้เป็นแม่ดังขึ้น ไม่นานประตูห้องบานใหญ่ก็ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างของปิติญาดาแทรกเข้ามา วันนี้หญิงสาวแต่งตัวสวยสมเป็นเพื่อนเจ้าสาวด้วยชุดโทนสีหวานที่เจ้าสาวของงานสั่งมาให้โดยเฉพาะ รูปแบบของชุดก็สวยสมวัย
“ไปงานแต่งหนูเต้ยมาเป็นยังไงบ้าง ชื่นมื่นไหม” คนเป็นพ่อเอ่ยถามขึ้นก่อน ส่วนผกามาศก็แอบสังเกตท่าทางของลูกสาวที่ยิ้มแก้มแทบปริ ทำยังกับเป็นเจ้าสาวเสียเองอย่างนั้นแหละ
“บ่าวสาวเขาหว้านหวานใส่กัน ตั้งแต่งานยังไม่ได้เริ่ม กระทั่งอัพเตอร์ปาร์ตี้ค่ะ” เสียงใสๆ เอ่ยบอก อันที่จริงภคมณนั้นส่งการ์ดเชิญมาให้เธอทั้งบ้าน แต่พ่อติดประชุมกับลูกค้าสำคัญจึงไม่ได้ไปด้วย ส่วนแม่ถ้าพ่อไม่ไปมีหรือจะยอมไป มีแต่ใส่ซองฝากเธอไปปึกใหญ่เท่านั้นเอง เพราะทั้งคู่ก็เอ็นดูเพื่อนของเธอคนนี้ไม่น้อย
“นี่ค่ะของชำร่วย”
“น่ารักเชียว” ผกามาศรับของชำร่วยมาจากลูกสาว ก่อนจะเอ่ยชมกับขวดโหลสีขาวที่ภายในมีช็อกโกเลตรูปหัวใจสีสันสดใสน้อยใหญ่บรรจุอยู่เต็มไปหมด คู่รักคู่นี้คงหวังให้ความรักของพวกเขานั้นหอมหวานดั่งช็อกโกแลตนี้ก็เป็นได้
“ไปงานแต่งเพื่อนสนิท แล้วลูกอยากแต่งกับเขาบ้างหรือเปล่า หื้อ...น้ำมนต์” ศรชัยหยั่งเชิงถามลูกสาว เลือกจังหวะนี้แหละ เพราะกำลังคุยเรื่องงานแต่งงาน ขืนไปพูดเอาเวลาอื่นเดี๋ยวปิติญาดาจับได้จะเสียแผน
“ค่ะ”
“จริงเหรอน้ำมนต์” คำตอบของลูกสาว ทำเอาผกามาศถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น จนถูกสามีจับศอกไว้เบาๆ เพื่อปรามกรายๆ ไม่ให้ดีใจเกินเหตุ ซึ่งดูเหมือนคนเป็นภรรยาจะเข้าใจ และลูกสาวดูจะยังไม่สังเกตเห็น
“ก็ถ้าน้ำมนต์มีแฟนที่รักน้ำมนต์ม้ากมากให้ได้ครึ่งหนึ่งที่พ่อรักแม่ละก็ น้ำมนต์ก็คงแต่งงานไปตั้งนานแล้วละค่ะ แต่นี่ลูกสาวคนสวยของพ่อกับแม่ยังโสด และโสด เนื้อคู่ เนื้องอกที่ว่านั่นก็ไม่รู้ไปมุดตู้อยู่ที่ไหน ไม่โผล่มาให้เห็นตัวสักที” ปิติญาดาดูจะย้ำคำว่าโสดให้ชัดๆ ก่อนจะทำหน้าห่อเหี่ยวอย่างคนไร้คู่ แต่คำพูดของลูกสาวกลับทำให้พ่อและแม่ยิ้มขำ
“เราน่ะเลือกมากเอง”
“ใครบอกละคะ ไม่มีคนให้มาเลือกต่างหาก” พูดจบหญิงสาวก็ย่นจมูกโด่งๆ นั้นนิดหนึ่ง แต่สิ่งที่ปิติญาดาพูดนั้นดูจะเป็นเรื่องจริงที่พ่อและแม่รับรู้ได้ เพราะพวกเขาเลี้ยงลูกสาวคนนี้เหมือนเพื่อน จึงสนิท มีอะไรก็มักจะปรึกษากันเสมอๆ ไม่เว้นแม้แต่เรื่องความรักซึ่งลูกหลายๆ บ้านเขินอายที่จะพูด แต่สำหรับพวกเขาทั้งสามคน ไม่ได้เป็นแบบนั้นแต่อย่างใด ก่อนที่ผกามาศจะถามขึ้น
“ในงานวันนี้ ไม่มีเพื่อนเจ้าบ่าวที่ถูกใจบ้างหรือไง?”
“อืม…มีคนหนึ่งค่ะ”
“ใครลูก” คราวนี้คนที่ทำน้ำเสียงตื่นเต้นเป็นศรชัยเสียเอง เพราะกลัวเสียตำแหน่งลูกเขยให้ผู้ชายอื่นที่ไม่ใช่คณิน พอรู้ตัวก็ยิ้มกลบเกลื่อนส่งมายังภรรยาก่อนคนแรก
“ครั้งแรกที่เห็นก็แอบปลื้ม ผู้ชายอะไรหล้อหล่อ แต่พอสวนกันที่หน้าห้องน้ำกลับเดินมาขอลิปกลอสน้ำมนต์ สุดท้ายก็เลยเป็นเพศเดียวกัน แต่เขาสลับร่างเป็นชายมาเกิดก็แค่นั้น” คำพูดของลูกสาวทำเอาคนเป็นแม่ตาโต ก่อนจะยกมือขึ้นทาบอก
“อกอีแป้นจะแตก ผู้ชายสมัยนี้เป็นตุ๊ดเป็นเกย์กันหมดแล้วหรือนี่” พูดจบก็หันมองหน้าสามีที่นั่งอยู่ไม่ห่าง ศรชัยถึงกับส่ายศีรษะให้แบบไม่รู้เรื่องอะไรด้วยทันที
“นั่นนะสิคะ แล้วจะเหลือใครตกถึงท้องน้ำมนต์”
“พูดจาอะไร น่าเกลียด” ผกามาศเอ็ดลูกสาวที่พูดจาไม่สมกับเป็นผู้หญิงเอาเสียเลย ส่วนคนพูดก็ยิ้มเจื่อนๆ ให้ตามเคย
“แล้วถ้ามี ลูกจะยอมแต่งงานกับเขาใช่ไหม?”
“ขอดูโปรไพล์ ดูนิสัยและอื่นๆ อีกร้อยแปดก่อนค่ะ แล้วค่อยตัดสินใจ” ปิติญาดาบ่ายเบี่ยงแบบไม่รู้ เพราะไม่คิดว่าพ่อกับแม่จะมีแผนการบางอย่างเตรียมไว้สำหรับเธอนั่นเอง ถึงจะยังไม่มีแฟน อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ อยากแต่งงานเป็นพักๆ ก็จริงอยู่ แต่เธอก็เลือกนะ ไม่ใช่จะเป็นใครก็ได้
หญิงสาวทิ้งตัวลงนอนหนุนตักแม่ อ้อนเหมือนลูกแมวตัวน้อย ถึงอายุจะเข้าเลขสามทุกขณะ แต่ความออดอ้อนของลูกคนนี้ก็ไม่ได้ลดน้อยลงไปแต่อย่างใด
“น้ำมนต์ของแม่มีสเปคผู้ชายแบบไหนนะ พอจะบอกได้ไหม ชักอยากจะรู้แล้วสิ” ขณะเอ่ยถาม ผกามาศลูบศีรษะได้รูปที่หนุนตักเธออยู่เบาๆ มองใบหน้าของลูกสาวที่นวลเนียน เปล่งปลั่ง สวยสมวัย ยิ่งวันนี้แต่งหน้าอ่อนๆ ด้วยแล้วก็ยิ่งสวย ดวงตาของปิติญาดานั้นกลมโตเหมือนลูกกวางก็ว่าได้ ขนตาก็งอนงาม ลูกสาวของเธอคนนี้ตั้งแต่เกิดมาก็ไม่เคยทำให้พ่อและแม่ต้องเสียใจเลยสักเรื่อง เป็นเด็กดีมาโดยตลอด
“นั่นสิ พ่อก็อยากรู้” ศรชัยเอ่ยขึ้นอีกคน
“อืม…สเปคผู้ชายเหรอคะ” คนถูกถามทำท่าคิด เพราะเธอไม่ได้วางสเปคผู้ชายไว้เลยจริงๆ เมื่อก่อนเคยวางไว้เพียบ สูงสักร้อยแปดสิบขึ้นไป คิ้วหนาได้รูป จมูกต้องโด่ง ปากหยักนิดๆ ผิวแทนๆ หน่อยก็จะดี เพราะเธอไม่ชอบผู้ชายผิวขาว ดูสะอาดเกินไป แต่ตอนนี้สเปคลดน้อยตามอายุที่มากขึ้น คำตอบที่ให้แม่จึงสั้นไปด้วย
“ขอแค่ไม่ชอบเพศเดียวกันก็พอแล้วค่ะ”
“นั่นน่ะสินะ ผู้ชายสมัยนี้หาง่ายจะตายไป แต่เป็นผู้ชายทั้งแท่งหรือเปล่านี่สิ” พูดไปแล้วผกามาศก็ชักจะกลัวว่าคณินจะเป็นชายเต็มชายหรือเปล่า แต่เธอก็เคยเห็นว่าที่ลูกเขยมาแล้วนี่นา แมนเต็มร้อยแน่ๆ มั่นใจได้ บทสนทนาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ปิติญาดาจะเอ่ยขึ้น
“แม่…”
“หืม…ว่าไงจ๊ะ” เสียงอบอุ่นของแม่ขานรับคำเรียกนั้น
“ถ้าหนูต้องขึ้นคาน แม่จะอายเขาหรือเปล่า?”
“อายทำไม ลูกคนเดียว แม่เลี้ยงได้” ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ปิติญาดาไม่มีวันขึ้นคานอย่างที่พูดออกมาอย่างแน่นอน ใครจะยอมให้ลูกสาวเธอครองตัวเป็นโสดได้ สวยๆ แบบนี้ต้องมีคู่แท้สิ
“ได้ยินแบบนี้แล้วค่อยรู้สึกดีกับการจะขึ้นคานหน่อย” คนเป็นลูกส่งยิ้มให้ สงสัยวันนี้เธอจะจิตตกเข้าขั้นโคม่าเป็นแน่แท้ พอเห็นภคมณแต่งงานไปก็เก็บมากดดันตัวเองซะอย่างนั้น ใช่เรื่องไหมเนี่ย
“เด็กโง่ นี่อย่าบอกนะว่ากลัวพ่อกับแม่โกรธที่ลูกยังไม่มีแฟนหรือจะแต่งงานในเร็ววันนี้น่ะ” ศรชัยเอ่ยอย่างรู้ทันความคิดของลูกสาว จะว่าไปเขานั้นไม่เคยเห็นปิติญาดาพูดเรื่องแบบนี้มาก่อน
“ก็มันกดดันนี่ค่ะพ่อ บางอารมณ์น้ำมนต์เองก็อยากมีคนรัก อยากมีครอบครัวเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ บ้างอะไรบ้าง เพื่อนๆ ในกลุ่ม นอกกลุ่มก็แต่งงานมีลูกกันเกือบหมดแล้วด้วย พอมองตัวเองก็ เฮ้อ…ปลง!”
“เนื้อคู่คนเราบางครั้งก็อาจมาเร็วมาช้า เจอกันวันนี้พรุ่งนี้แต่งงานก็มีให้เห็น” คนเป็นลูกพยักหน้าให้กับคำพูดของแม่ ก่อนจะเอ่ยเสริมเป็นตุเป็นตะ
