บทที่1
ขณะที่นาวินเองก็รู้สึกไม่ต่างจากเจ้าสาวป้ายแดงของเขาสักเท่าไหร่นัก ที่จริงแล้วคืนนี้เขาไม่ได้มีเวรดึกอย่างที่บอกเธอ แต่เป็นเพราะอยากหนีความรู้สึกกดดันที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ขณะนี้เสียมากกว่า
เขาต้องการเวลาสำหรับทบทวนหลายๆ สิ่งในชีวิต ไม่ว่าจะเรื่องงานแต่งงานสายฟ้าแลบที่เขาเองก็ไม่อยากให้มันเกิดขึ้นสักเท่าไหร่ บอกตามตรงว่าเขายังไม่พร้อมที่จะรับผิดชอบชีวิตของใครในตอนนี้ แต่ที่ต้องยอมตกลงแต่งงานกับเธอก็เพราะไม่อยากทำให้ผู้เป็นพ่อต้องผิดหวัง นั่นต่างหากคือสาเหตุที่เขาจำต้องยอมสละโสด!!
“อ้าวไอ้หมอ! ทำไมโผล่มานี่ได้วะ นี่มันคืนเข้าหอของแกไม่ใช่รึไง” อานนท์ นายแพทย์ศัลยกรรมมือหนึ่งเอ่ยถามเพื่อนรักทันทีที่พบหน้า ใบหน้าคมคายออกจะแปลกใจไม่น้อยที่ได้เจอกันในคืนนี้ ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วสถานที่ที่เพื่อนของเขาควรจะอยู่น่าจะเป็นห้องหอกับเมียแสนสวยของมัน
“แกก็รู้ว่าฉันต้องแต่งงานเพราะอะไร ช่วงนี้ฉันคงต้องหลับนอนมันที่โรงพยาบาลไปก่อน บอกตามตรงวะ ฉันไม่ชินที่ต้องอยู่ร่วมห้องกับใคร” นาวินตอบกลับไปตามความจริงอย่างไม่คิดปกปิด
“แล้วนี่เจ้าสาวของแกเขาไม่ว่าเอาเหรอวะที่แกหนีออกจากบ้านตั้งแต่คืนเข้าหอคืนแรกเอาอย่างนี้…” ชายหนุ่มเลือกที่จะปล่อยให้ความเงียบเป็นคำตอบ เขาเองก็ยากที่จะเดาว่าแพรชมพูนั้นจะรู้สึกเช่นไรกับสิ่งที่เขาทำลงไปในค่ำคืนนี้ ไม่อาจรู้ได้เลยสักนิดเดียว
แต่ครั้นจะให้เขาทำเหมือนสามีภรรยาคู่อื่นมันคงไม่ใช่เรื่องง่าย ทุกสิ่งมันคงต้องใช้เวลา เขาเองก็ตอบไม่ได้เช่นกันว่าสำหรับเขานั้นจะต้องใช้เวลานานสักแค่ไหน ถึงจะทำใจให้ชินกับสถานะนี้ได้ลง
สถานะที่เขาจำต้องดูแลอีกหนึ่งชีวิตที่เพิ่งได้รู้จัก!!
สามวันมาแล้วที่แพรชมพูไม่ได้พบหน้าเจ้าบ่าวป้ายแดงของเธออีกเลยนับตั้งแต่คืนนั้น คืนเข้าหอที่เขาบอกว่าจะไปเข้าเวรที่โรงพยาบาลจากทอดทิ้งกันไปดื้อๆ หญิงสาวจำต้องใช้ชีวิตตามลำพังอยู่ในเรือนหอที่นอกจากเธอ ก็ยังมีป้าสากับสาวใช้สองคนอยู่
แม้ว่าจะมีทั้งสามอยู่เป็นเพื่อน คอยช่วยเหลือทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม แต่สุดท้ายเธอก็ยังรู้สึกได้ถึงความเงียบเหงาที่มันค่อยๆ กัดเซาะหัวใจอยู่ดี ความเงียบที่เธอไม่ชอบเลย
จนสุดท้ายเมื่อทนไม่ไหวจึงล้มเลิกที่จะอดทนรอเขาอีกต่อไป หญิงสาวขับรถของตัวเองออกมาจากบ้านหลังจากโทรนัดแนะเพื่อนสนิทอย่างกิ่งฉัตร ให้ออกมาพบกันกับเธอที่ร้านเจ้าประจำเสร็จสรรพ
“แกว่าเขาจะเป็นเกย์ไหมยัยกิ่ง! หรือว่าฉันยังสวยไม่พอ!!” แพรชมพูร้องถามเพื่อนรักพร้อมยกมือขึ้นลูบแก้มทั้งสองข้างของตัวเอง เธอไม่คิดว่าเหตุผลที่ว่างานยุ่งจะเป็นสาเหตุทำให้นาวินไม่ยอมกลับบ้าน เธอไม่ได้โง่จนเดาไม่ออกว่าเขาจงใจจะหลบหน้ากันเสียมากกว่า เธอไม่ใช่แค่รู้สึกได้เท่านั้น แต่ค่อนข้างมั่นใจมากทีเดียว
“แกน่ะสวยเริศแล้วล่ะยะยัยแพร ส่วนเรื่องที่สามีแกเป็นเกย์นี่มันก็ไม่แน่เหมือนกันนะ เขาไม่เคยมีข่าวกับผู้หญิงคนไหนเลย แต่เดี๋ยวฉันจะลองไปถามพี่ภพให้ พี่เขยฉันเอง เขาเป็นหมออยู่โรงพยาบาลเดียวกับสามีแก รับรองไม่เกินสามวันได้เรื่องแน่! ถ้าได้เรื่องยังไงเดี๋ยวฉันจะรีบโทรบอกแกทันทีเลย” กิ่งฉัตรเอ่ยบอกเพื่อนรักก่อนทั้งสองจะพูดคุยกันด้วยเรื่องทั่วไปอยู่นานถึงสองชั่วโมงเต็มถึงได้แยกย้ายกันไปโดยที่แพรชมพูตัดสินใจขับรถกลับมาที่บ้านของตัวเองแทนที่จะกลับไปเหงาอยู่ตามลำพังในบ้านที่เงียบเชียบนั่น!!
“ลมอะไรหอบเรากลับมาบ้านได้ หืม” คุณหญิงสายใจเอ่ยถามบุตรสาวทันทีที่พบหน้าขณะที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่เครื่องเพชรชุดใหม่ในมืออยู่ แม้ว่าใจจริงอยากจะโผเข้าหาลูกสาวคนเล็กตั้งแต่เห็นอีกฝ่ายเดินเข้ามาภายในห้องโถงนั้นแล้วแต่ก็ต้องข่มความต้องการของตนเองเอาไว้ด้วยเหตุผลที่ว่านางอยากเห็นแพรชมพูโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ และอีกฝ่ายนั้นคงโตขึ้นไม่ได้แน่หากนางยังไม่ยอมวางความเป็นห่วงที่มีต่อบุตรสาวคนเล็กลงไปบ้าง ในเมื่อเลือกแล้วที่จะให้ทุกอย่างเป็นเช่นนี้ก็ต้องอด และทนให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้
“จะเป็นลมอะไรไปได้นอกจากลมคิดถึงสิคะคุณแม่” แพรชมพูตอบกับมารดาก่อนจะล้มตัวลงนั่งข้างๆ โผเข้ากอดท่านเหมือนทุกที ตั้งแต่จำความได้เธอไม่เคยจากแม่และพี่ชายไปไหนไกลเลยสักครั้ง นี่เป็นครั้งแรก และมันไม่แปลกที่ความคิดถึงที่เธอมีต่อทุกคนไม่เว้นแม้แต่คนใช้คนสวนภายในบ้าน มันจะมากขึ้นจนปกปิดไว้ไม่มิด
