แรกพบสบตา - 2
รัญชิดายังคงกังวลกับคราบกาแฟที่เปียกชื้นบนเสื้อของเขา เธอเห็นคราบสีน้ำตาลเข้มที่ดูเหมือนจะซึมเข้าไปถึงเนื้อเสื้อเชิ้ตด้านใน
"ฉันว่าคุณปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกก่อนดีไหมคะ กาแฟมันร้อนมาก เดี๋ยวฉันช่วยนะค่ะ" เธอเอ่ยอย่างร้อนรน และพยายามช่วยเขาเเกะกระดุมเสื้อออก
ธีรภัทร์ ยิ้มเมื่อเห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนของเธอ แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธ เขายอมให้หญิงสาวตรงหน้าก้มหน้าก้มตาปลดกระดุมเสื้อของเขาออกอย่างเบามือ
เมื่อกระดุมเม็ดบนถูกปลดออก เธอก็ได้เห็นรอยแดงจากน้ำร้อนที่ลวกอยู่บนแผงอกกว้าง เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อแข็งแรง รัญชิดารู้สึกร้อนผ่าวไปทั่วใบหน้า หัวใจเต้นแรงจนแทบทะลุออกมานอกอก มือสั่นน้อย ๆ อย่างควบคุมไม่ได้
เธอเงยหน้าขึ้นมอง และดวงตาก็ประสานเข้ากับสายตาคมเข้มของธีรภัทร์ที่กำลังมองลงมา พร้อมรอยยิ้มขำบางเบา ราวกับกำลังเอ็นดูมากกว่าถือโทษโกรธเคือง
“คุณคงเจ็บมากแน่ ๆ … ไปโรงพยาบาลไหมคะ เดี๋ยวฉันออกค่ารักษาให้เอง”
รัญชิดาเอ่ยเสียงสั่น ริมฝีปากเม้มแน่น น้ำตาคลอด้วยความรู้สึกผิดจนแทบจะร้องไห้ออกมา
ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้เอ่ยตอบ เสียงของผู้จัดการร้านก็ดังขึ้นมาจากด้านหลังด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก
“รัน! ทำอะไรคุณลูกค้าน่ะ”
เสียงผู้จัดการร้านดังขึ้นพร้อมกับก้าวเข้ามาด้วยสีหน้าตกใจ
รัญชิดารีบหันไป เธอแทบจะทรุดลงไปอีกครั้งเมื่อเห็นแววตาดุของผู้จัดการ แต่ก่อนที่คำตำหนิจะพรั่งพรูออกมา ธีรภัทร์กลับเอ่ยขึ้นเสียก่อนด้วยน้ำเสียงเรียบแต่หนักแน่น
“ไม่ต้องโทษเธอหรอกครับ มันเป็นอุบัติเหตุ”
น้ำเสียงทุ้มชัดเจนทำให้ผู้จัดการชะงักไปเล็กน้อย สายตาคมของธีรภัทร์มองตรงไปยังผู้จัดการด้วยความสุขุม
ผู้จัดการหน้าถอดสีไปทันที รีบโค้งศีรษะขอโทษเขาซ้ำ ๆ “ผมต้องขออภัยจริง ๆ ครับ คุณธีรภัทร์ เดี๋ยวผมจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย”
แต่ชายหนุ่มกลับยกมือขึ้นเบา ๆ “ไม่จำเป็น ผมแค่ไมาอยากให้เธอถูกตำหนิ …เพราะเธอไม่ได้ทำผิดอะไร”
คำพูดนั้นชัดเจนจนรัญชิดาแทบหยุดหายใจ หัวใจเธอเต้นแรงด้วยทั้งความโล่งอกและความสั่นไหวที่ยากจะบรรยาย
แต่แล้วเสียงทุ้มเรียบของเขาก็ดังขึ้นอีกครั้ง “แต่ผมคงต้องไปโรงพยาบาล…ตามที่เธอบอกจริง ๆ”
รัญชิดาสะดุ้ง เธอรีบก้มหน้าลง มือที่ยังกำผ้าเช็ดหน้าไว้สั่นน้อย ๆ “ขอโทษนะคะ ฉัน…ฉันทำให้คุณต้องเดือดร้อน”
ธีรภัทร์หัวเราะเบา ๆ ราวกับไม่ยี่หระอะไร เขาเหลือบมองผู้จัดการร้านที่ยืนหน้าซีดอยู่ใกล้ ๆ “คุณไม่ต้องกังวล เดี๋ยวผมไปเอง แต่...” เขาหยุดเล็กน้อย ก่อนหันกลับมามองรัญชิดาเต็มตา “ผมอยากให้เธอเป็นคนพาไป”
บรรยากาศรอบตัวเงียบกริบ รัญชิดาเบิกตากว้างทันที “คะ ให้…ฉันไปด้วยเหรอคะ”
“ก็ใช่สิ” ธีรภัทร์เอ่ยเสียงเรียบ แต่สายตากลับจริงจัง “ในเมื่อคุณเป็นคนทำ ผมก็อยากให้คุณพาผมไปโรงพยาบาล”
หัวใจของรัญชิดาเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ เธอรู้สึกทั้งตกใจและเกรงใจ แต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธ ได้แต่ยืนตัวแข็ง ริมฝีปากสั่นน้อย ๆ ขณะที่ผู้จัดการรีบพยักหน้ารับแทนเธอทันที “ได้ครับคุณธีรภัทร์ เดี๋ยวผมจะให้รันไปด้วย เดี๋ยวผมขับรถให้นะครับ”
“ไม่ต้อง” ธีรภัทร์เอ่ยเสียงเรียบ แววตาคมกริบตวัดมองไปเพียงนิดเดียวก็ทำให้บรรยากาศรอบตัวเงียบลงทันที “ผมเอารถผมไปดีกว่า”
ธีรภัทร์หันไปยังชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ด้วยกัน คุณวิษณุ นักธุรกิจใหญ่ที่กำลังคุยงานกันอยู่ก่อนหน้า
“ผมขอโทษนะครับคุณวิษณุ ไว้คุยกันวันหลัง ผมต้องไปโรงพยาบาลก่อน”
วิษณุยิ้มบาง ๆ พลางพยักหน้า “ไม่เป็นไรครับ เรื่องสุขภาพสำคัญกว่า ไว้เรานัดกันใหม่”
ธีรภัทร์ก้มหัวลงเล็กน้อยเป็นเชิงขอบคุณ ก่อนหันกลับมามองรัญชิดา ดวงตาคมที่จับจ้องมาเหมือนดึงลมหายใจเธอหายไปครึ่งหนึ่ง
“ไปสิ” เขาพูดสั้น ๆ น้ำเสียงชัดเจนไม่เปิดช่องให้ปฏิเสธ
รัญชิดากำถาดเปล่าแน่นในมือ หัวใจเธอเต้นแรงจนแทบทะลุออกมานอกอก เธอไม่เคยรู้สึกประหม่าแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการเดินตามผู้ชายคนหนึ่งออกไปจากร้านในวันนี้…จะกลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ในชีวิตของเธอ
รัญชิดารีบถอดผ้ากันเปื้อนออก แล้วรีบเดินตามชายหนุ่มออกไปจากร้านอย่างว่าง่ายเหมือนถูกสะกดจิต เธอรู้สึกเหมือนสายตาทุกคู่ในร้านกำลังมองมาที่เธออย่างอยากรู้อยากเห็น แต่ก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากถาม
เมื่อประตูร้านเปิดออก ลมร้อนยามบ่ายก็ปะทะเข้ากับใบหน้าของเธอ แต่รัญชิดากลับรู้สึกเย็นวาบไปทั่วทั้งตัวราวกับเดินเข้าไปในอีกโลกหนึ่ง เธอก้มหน้ามองพื้นตลอดทางจนถึงลานจอดรถ และได้เห็นรถยนต์สปอร์ตคันหรูสีดำที่จอดสงบอยู่อย่างโดดเด่น
