บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 บาดแผลในใจ

อันดาเดินเข้ามาในบ้านด้วยใบหน้าเศร้า พยายามไม่ร้องออกมาในตอนที่ตัวเองไม่ได้อยู่พื้นที่ส่วนตัว เพราะตอนนี้ในใจมันร้อนเหมือนถูกเปลวไฟเผาไหม้ ภาพจินตนาการก่อนแต่งงานไม่ใช่ภาพในวันนี้เลย

“ลูกชายฉันไม่ได้กินข้าวเช้าก็เพราะเธอคนเดียว เป็นเมียประสาอะไร ดูแลสามีก็ไม่ได้” เสียงกระแนะกระแหนดังมาจากทางด้านหลัง

ทำให้อันดาหันกลับไปเผชิญหน้ากับคนพูด เธอรู้ว่าเป็นใคร คนที่เธอพยายามให้เกียรติ ทำเป็นหูทวนลมมาตลอด พยายามไม่กระทบกระทั่งเพื่อให้บ้านหลังนี้สงบสุขที่สุด จนกลายเป็นเธอเองที่ทุกข์จนจะกระอักเลือดอยู่แล้ว

“หนูต้องทำยังไงคะ คุณแม่ถึงจะยอมรับกัน” เพราะเธอเหนื่อยเหลือเกิน

ตอนที่คบกันมันมีสัญญาณเตือนหลายครั้ง แต่เธอก็เลือกที่จะมองข้าม เลือกที่จะสร้างชีวิตคู่กับปรินซ์

“ถ้าฉันจะยอมรับ ฉันยอมรับไปนานแล้ว” ปรางทิพย์กอดอกเชิดหน้า แม้แต่หางตาก็ไม่อยากมองลูกสะใภ้

เธอกับลูกชายอยู่กันดี ๆ สองคนแม่ลูกก็ดีอยู่แล้ว

แต่พอลูกชายรู้จักกับผู้หญิงคนนี้ ในสายตาลูกชาย คนเป็นแม่ก็เหมือนคนนอกขึ้นทุกวัน ยอมสละความโสดตั้งแต่อายุไม่ถึงเลขสาม ต่างจากพวกพี่ ๆ ลูกชายของพี่สาวสามี แต่ละคนประสบความสำเร็จด้านการงานการเงิน ทว่าไม่มีใครคิดจะแต่งงานสักคน มีแค่ลูกชายเธอที่เริ่มสร้างตัวจริงจังหลังจากแต่งงาน หลงผู้หญิงจนไม่รู้จักวางแผนความก้าวหน้าในชีวิตว่าอะไรสำคัญกว่ากัน

“…” อันดาพูดไม่ออก สถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออก จนรู้สึกมวนท้อง อยากจะอาเจียนออกมา

“อุ๊บ!....แหวะ” จนทนไม่ไหว ของเหลวในท้องตีขึ้นมา มือบางรีบเอามือปิดปากแล้วรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำ

“ว๊ายยย!! ยัยเด็กนี้” ปรางทิพย์กรีดร้อง เอามือปิดจมูกอย่างรังเกียจ โวยวายเสียงดัง จนแม่บ้านออกมาดูกันเป็นแถว

“เกิดอะไรขึ้นคะคุณปราง” ป้าสมจิตรเข้ามาหาเจ้านาย พอจะเดาได้ว่าปรางทิพย์ทะเลาะกับอันดาเหมือนเคย แต่ครั้งนี้เสียงปรางทิพย์ร้องดังกว่าปกติก่อนป้าสมจิตรจะเหลือบไปเห็นกองอ้วกที่พื้น

“คุณปรางอาเจียนเหรอคะ ไม่สบายตรงไหนรึเปล่าคะ เดี๋ยวป้าโทรบอกคุณปรินซ์ให้พาไปโรงพยาบาล” ป้าสมจิตรเข้าประคองปรางทิพย์พร้อมกับเรียกหาเด็กในบ้านให้มาทำความสะอาด

“ไม่ต้อง!” ทว่าปรางทิพย์สั่งห้ามทันที

“ทำไมล่ะคะ” ป้าสมจิตรงุนงง จะทิ้งกองอ้วกไว้กลางบ้านแบบนี้เนี่ยนะ

“ใครอ้วกก็ให้มันมาทำเอง!!”

“ป้าจิตร คุณอันดาเป็นลมอยู่ในห้องน้ำ” เด็กในบ้านอีกคนวิ่งมารายงานด้วยท่าทางแตกตื่น

“สำออย!” ปรางทิพย์ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน หมั่นไส้อาการเรียกร้องความสนใจของลูกสะใภ้ ต้องประจานให้ทุกคนรู้สินะว่าทะเลาะกับแม่ผัว

“เรียกรถโรงพยาบาลเร็ว” ป้าสมจิตรวิ่งเต้นรีบไปดูทันที ทว่าสองขากลับชะงักกับที่

“ไม่ต้อง!” ปรางทิพย์ยังยืนยันคำเดิม

“แต่…”

“ให้มันนั่งพัก มันไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอก”

“คุณปราง…” ป้าสมจิตรเอ่ยออกมาอย่างอ่อนใจ สงสารเด็กสาวจับใจที่หลบหลังสามีต้องถูกแม่สามีรังเกียจรังแก

“เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น มันหายแล้วก็ให้มาเช็ดกองสกปรกตรงนี้ด้วยนะ คนอื่นห้ามทำ!” ปรางทิพย์กวาดสายตาชี้หน้าเด็กในบ้านด้วยสายตาเด็ดขาด ใครกล้าขัดคำสั่งได้ตกงานแน่

“แต่คุณอันดาหมดสติไปเลยนะคะ” ดาวสาวใช้รุ่นพี่อันดาไม่กี่ปี หาโอกาสแทรกหลายครั้งจนในที่สุดก็ยอมกัดฟันบอกเจ้านายของบ้านเสียงอ่อนอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ

“ไปโทรเรียกโรงพยาบาลไป” ป้าสมจิตรตัดสินใจเอง ก่อนจะหันไปโน้มน้าวปรางทิพย์ “ส่งโรงพยาบาลเถอะค่ะคุณปราง เกิดคุณอันดาเป็นอะไรร้ายแรง คงไม่ดีตรงคุณปรางแน่ๆ ค่ะ” ถ้าปรินซ์รู้เรื่องทั้งหมด

ปรางทิพย์จิ๊ปากขัดใจ แต่ไม่อยากให้ลูกชายคนเดียวมองแม่ในทางที่ไม่ดี

“จะทำอะไรก็ทำ แต่ห้ามใครโทรไปรายงานตาปรินซ์เวลางาน! เข้าใจไหม!!”

“ค่ะคุณปราง ป้าจะไม่โทรบอกคุณปรินซ์” ป้าสมจิตรรับคำแล้วรีบจัดแจงปัญหาภายในบ้าน โดยยอมทำตามคำสั่ง ไม่โทรไปส่งข่าวเรื่องอันดาเข้าโรงพยาบาล

เพราะคิดมากจนเกินไปทำให้มีอาการเครียดลงกระเพาะ พออาการดีขึ้นและหาหมอเสร็จเรียบร้อย สิ่งแรกที่อันดาทำคือต่อสายหาสามี ทว่าเสียงเรียกก็ดังเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็ตัดสายไปเอง

“อันดา แกเป็นอะไร” ณิรินเพื่อนสมัยเรียนด้วยกัน ยังเป็นเพื่อนสนิทที่ยังติดต่อกันตลอด

“ขอไปอยู่ห้องแกสักพักได้ไหม” อันดาบอกเสียงเศร้า

“หมายถึง… ยังไง?!” อีกฝ่ายไม่เข้าใจ

ตั้งแต่เพื่อนไลน์มาบอกว่ามาหาที่โรงพยาบาลหน่อย เธอก็เริ่มออกรถมาหาทันที ฝากร้านไว้กับหุ้นส่วน กลัวว่าเพื่อนจะเป็นอะไรร้ายแรงจึงรีบมาหา แต่พอเธอเดินมาถึงจุดนัดพบก็เจออันดานั่งอยู่คนเดียว หางตายังมีคราบน้ำตาชื้นอยู่เลยและไม่ยอมบอกว่าเป็นอะไรถึงต้องมาโรงพยาบาล

“ขอไปคุยที่ห้องแกนะ”

“แกบอกมาก่อนว่า ป่วยเป็นอะไร!?”

“ไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่พักผ่อนไม่พอน่ะ”

“แน่ใจนะ หน้าแกซีดมากเลย” ณิรินยื่นมือไปจับแก้มเพื่อนที่สีซีดจนน่ากลัว ดูไม่สดใสเอาเสียเลย

“อือ ไปห้องแกเถอะ”

“อืมๆ ไปๆ แกอยากดื่มน้ำอะไรไหม เดี๋ยวฉันไปซื้อให้” ณิรินพยายามปลอบโยนเพื่อนที่สุด

ทว่า…อันดาส่ายหน้าอ่อน ๆ ทั้งสองจึงเดินกลับไปที่รถ

“แกเข้าไปนั่งก่อนไป” ณิรินปลดล็อกรถให้อันดาเข้าไปนั่ง แล้วแวะสั่งน้ำส้มคั้นสดสองแก้ว เมื่อจ่ายเงินเรียบร้อยก็ขึ้นไปนั่งตำแหน่งคนขับส่งแก้วน้ำส้มให้และไม่ชวนคุย ตั้งใจให้ถึงที่พักก่อน ค่อยซักฟอกอย่างละเอียด

จนอันดาเข้ามาในคอนโดณิริน เธอก็ทรุดนั่งบนโซฟาหมดเรี่ยวแรง มันเหนื่อยเหลือเกิน เหนื่อยจนใจจะพังอยู่แล้ว

“ทะเลาะกับพี่ปรินซ์เหรอ”

สีหน้าเพื่อนบ่งบอกทุกอย่าง คนน่ารัก ยิ้มเก่ง แบบอันดาเนี่ยนะจะทำหน้าอมทุกข์เป็นกับเขาถ้าไม่ใช่เรื่องสามีกับครอบครัวสามีที่เหมือนจะไม่ค่อยลงรอยเท่าไหร่ จะมีเรื่องอะไรให้เครียดอีกเพราะถ้าเป็นเรื่องครอบครัวฝั่งอันดา ไม่มีอะไรให้เครียดเลย พี่น้องรักกันกลมเกลียว อันดาเป็นน้องคนสุดท้ายยิ่งเป็นที่รักของพี่ ๆ และพ่อแม่

ส่วนแม่สามีนี่สิที่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่ ณิรินพอรู้เรื่องบ้าง แต่ไม่ได้รู้ลึกเพราะอันดาไม่ค่อยเล่าเท่าไหร่นัก แต่ทุกครั้งที่อันดาหลุดปากพูดออกมา คนรับฟังขมวดคิ้วทุกครั้งที่ได้ฟัง

“อืม ทะเลาะกันอีกแล้ว”

“อีกแล้ว?!” แสดงว่าไม่ใช่ครั้งแรก “เกี่ยวกับแม่พี่ปรินซ์อีกแล้วใช่ไหม”

“…” อันดาพยักหน้า

“เอาเรื่องที่แกไปโรงพยาบาลก่อน พี่ปรินซ์รู้ยังว่าแกไปหาหมอ”

“โทรไปแล้ว แต่เขาไม่รับ” อันดาบอกเสียงอ่อนกว่าเดิม ความรู้สึกเหมือนถูกมีดกรีดบาดที่เดิมซ้ำ ๆ อยู่ตลอดเวลา

“ทำไมพี่ปรินซ์เป็นแบบนี้วะ” ณิรินใส่อารมณ์ นึกถึงตอนสมัยตามจีบอันดาใหม่ ๆ อะไรก็หอมหวานไปหมด ดูแล ใส่ใจ ทั้งที่ยังจีบไม่ติด แถมใช้เวลาหลายปีด้วยที่อันดาไม่ใจอ่อน แต่ก็ไม่เคยท้อยอมถอย จนอันดายอมเปิดใจคบเป็นแฟนเพราะประทับใจในตัวปรินซ์

ปรินซ์กับอันดาคบกันสามสี่ปีกว่าจะแต่งงานกัน ตลอดเวลาที่คบ ปรินซ์นิสัยเหมือนเดิมเหมือนตอนจีบกันใหม่ ๆ ใคร ๆ ก็อิจฉาอันดากันทั้งนั้นที่ได้แฟนดี ไม่มีหมดโปรโมชัน ที่สำคัญเขาไม่ใช่คนเจ้าชู้ รักเดียวใจเดียว คุณสมบัติที่ผู้หญิงหลายคนอยากได้คู่ชีวิตแบบนี้

สามสี่ปี…พอจะพิสูจน์ได้ว่าเนื้อแท้เขาเป็นคนยังไง นึกไม่ถึงว่าแต่งงานกันไม่ถึงปี จะเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้

อันดาที่เคยสดใจกลายเป็นคนอมทุกข์เหมือนแบกภูเขาบนอกอยู่ตลอด

“เมียไปหาหมอ ไม่รับสายแล้วจะรู้ไหม”

“…” อันดาเครียดหนัก

เขาไม่ชอบรับสายเธอตอนไหนนะ ทำไมความทรงจำช่วงนี้จำได้แค่เขาไม่อ่านไลน์ไม่ตอบแชตไม่รับสาย…

“แล้วแกมาหาหมอกับใคร”

“ป้าสมจิตร”

“แม่ผัวแกอะ…แกช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหม สิ่งที่แกเจอในบ้านหลังนั้น แกไม่ต้องกลัวว่าฉันเอาไปพูดต่อ”

“ฉันรู้ว่าแกไม่พูด” แต่อันดาก็ไม่ชอบเอาเรื่องในบ้านมาพูดอยู่ดี ทว่าวันนี้เธออยากเล่าทุกเรื่องที่แบกไว้ อยากมีใครสักคนที่ไว้ใจได้รับฟัง เผื่อเธอจะสบายใจขึ้น

“ระบายออกมาเถอะ ฉันไม่อยากแกเครียดอยู่แบบนี้ จะได้หาทางออกด้วยกัน”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel