บท
ตั้งค่า

บทที่ 3.4

งานจบลงด้วยความเรียบร้อยดี อรพิมและทรงฉัตรกล่าวลาทุกคนที่มาร่วมงานในคืนนี้ พฤกษ์เดินตามมาส่งเจ้านายสาว จังหวะนั้นเองทนายหนุ่มถือโอกาสแยกตัวกลับไปอีกทางหนึ่ง

“ไปก่อนนะคุณพิม” พฤกษ์บอกลาเพื่อแยกไปที่จอดรถของตน

“แล้วเจอกัน” อรพิมหันมาโบกมือให้เพื่อล่ำลา และกำลังจะหมุนตัวเดินตามทรงฉัตรไป จังหวะนั้นเองรองเท้าส้นสูงเจ้ากรรมดันเกิดพลิก หญิงสาวเซถลาทำท่าจะหงายหลังดีที่พฤกษ์คว้าตัวไว้ทัน

“เป็นไงบ้าง” ทรงฉัตรหันมาเห็นพอดีจึงรีบเข้ามาดูอรพิม แต่เมื่อเห็นหญิงสาวอยู่ในอ้อมแขนของพฤกษ์ก็ทนไม่ได้ รีบรวบตัวเธอเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดทันที

“คุณพิมเจ็บหรือเปล่า” พฤกษ์ไม่สนใจท่าทีที่ทรงฉัตรแสดงออก แต่ห่วงว่าอรพิมจะเจ็บตรงไหนไหม

“ไม่เป็นไรพฤกษ์ เดี๋ยวกลับบ้านไปทายานวด” อรพิมเจ็บที่ข้อเท้าจนยืนไม่ไหว

“กลับบ้านเถอะ” ทรงฉัตรไม่พูดมากประคองอรพิมเดินออกไปทันที จู่ๆ หัวใจเขามีคำว่า หวง ขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย โดยเฉพาะเมื่อศรีภรรยาคนสวยเลือกพฤกษ์เป็นที่พึ่งแทนที่จะเป็นตนซึ่งเป็นสามี

“นี่ ช้าๆ หน่อยได้ไหม ฉันเจ็บนะ” อรพิมร้องออกมาอย่างทนไม่ได้

“ผมรู้ว่าคุณเจ็บ แต่เหตุผลที่เจ็บตัวก็เพราะมัวแต่ร่ำลากันไม่ใช่เหรอ” น้ำเสียงทรงฉัตรประชดอย่างเห็นได้ชัด ยิ่งคิดก็ยิ่งหมั่นไส้ อรพิมเห็นตนเป็นอะไร ทำไมถึงได้ให้ความสำคัญกับพฤกษ์นัก

“ปล่อยนะ ฉันเดินเองได้” อรพิมขืนตัวไว้ไม่ยอมเดินไปด้วย รู้สึกไม่พอใจคำพูดของอีกฝ่าย

“อยากล้มโชว์คนอื่นมากหรือไง มานี่” ทรงฉัตรไม่พูดพล่ามทำเพลงใดๆ ทั้งสิ้น อุ้มตัวคนขาเจ็บเดินไปที่รถทันที ในขณะที่อรพิมจำเป็นต้องยอมให้อีกฝ่ายทำเช่นนั้น เพราะเวลานี้อาการปวดรุนแรงจนแทบทนไม่ไหว

มุกดาราออกมาจากงานได้สักพักใหญ่แล้ว แต่ยังไม่สามารถไปไหนได้เพราะรถของเธอมีรถใครที่ไหนไม่รู้มาจอดขวางไว้ ต้องรอจนพนักงานที่มีหน้าที่ดูแลตามตัวเจ้าของรถมาจัดการปัญหาให้นางเอกสาว

“ทำไมจอดรถแบบนี้ รู้ไหมว่าคนอื่นเสียเวลาแค่ไหน” มุกดาราพูดลอยๆ ไม่เจาะจงว่าใคร แต่ตั้งใจให้เจ้าของรถได้ยิน

“ผมก็ใส่เกียร์ว่างไว้ คุณก็เลื่อนหน่อยสิ” พฤกษ์ตอบกลับโดยไม่มองหน้าเช่นกัน

“มันธุระอะไร ที่ฉันต้องมาเลื่อนรถคุณ” นางเอกสาวหันมาทำท่าจะต่อว่า แต่ไม่ทันเสียแล้วเพราะพฤกษ์ขึ้นรถและขับออกไปต่อหน้าต่อตาเธอ

“คนบ้า ไม่มีมารยาท” หญิงสาวบ่นพึมพำตามหลัง แล้วขึ้นรถเตรียมกลับบ้านเช่นกัน

พฤกษ์แวะทำธุระที่ปั้มน้ำมันใกล้สถานที่จัดงาน เขาขับรถฟังเพลงที่ชอบไปตามทางอย่างมีความสุข แต่แล้วเจ้ากรรม เส้นทางข้างหน้าเหมือนจะมีปัญหา เมื่อรถของนางเอกสาวจอดข้างทางพร้อมเปิดไฟกระพริบ ในขณะเดียวกันก็มีรถอีกคันซึ่งมีผู้ชายตัวโตกว่าลงมายืนที่ถนน

“มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ” พฤกษ์ชะลอรถเปิดกระจกมาถาม เขามองไปที่รถของนางเอกสาวซึ่งยังนั่งนิ่งอยู่ในรถ

“แม่นี่ไม่ยอมลงจากรถ บอกว่าจะรอประกันท่าเดียว คนยิ่งรีบๆ อยู่ด้วย” ชายคนดังกล่าวพูดด้วยท่าทีโมโห

พฤกษ์ตัดสินใจจอดรถแล้วลงไปช่วยนางเอกสาว เขาเคาะกระจกเรียกมุกดารา และเจรจาให้เธอลงมาจัดการปัญหาที่เกิดขึ้น

“นาย...” นางเอกสาวทั้งตกใจและดีใจที่เห็นหน้าพฤกษ์

“ลงมาคุยกับคู่กรณีคุณก่อน เร็ว” พฤกษ์เข้าใจความรู้สึกของมุกดาราเป็นอย่างดี นางเอกสาวยอมลงจากรถมายืนข้างหลังทนายหนุ่ม ซึ่งทำหน้าที่ไกล่เกลี่ยโดยปริยาย

“จะเอาไงว่ามา” คู่กรณีถามเสียงดัง

“ฉันผิด ฉันเลี้ยวไม่ทันมอง คิดว่ารอด” มุกดารากระซิบบอก“บอกเขาว่าต่างคนต่างซ่อมก็ได้ จะได้ไม่เสียเวลา”

“แผลไม่ได้ใหญ่โตมาก ต่างคนต่างซ่อมดีไหมครับ จะได้ไม่เสียเวลา” พฤกษ์เอ่ยด้วยท่าทีสุภาพ

“ก็แค่เนี่ย ทำไมไม่พูดตั้งแต่แรกปล่อยให้รออยู่ได้ เสียเวลาจริงๆ” เจ้าของรถคันดังกล่าวส่ายหน้า แล้วเดินกลับไปที่รถขับออกไปโดยไม่ว่าอะไร

มุกดาราโล่งอกที่เรื่องจบลงด้วยดี พฤกษ์หันมาหานางเอกสาวซึ่งยืนอยู่ด้านหลัง แววตาของเธอดูเป็นมิตรกับคนที่ช่วยแก้ไขปัญหาให้มากขึ้น

“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนขึ้น

“ไม่เป็นไร” พฤกษ์บอกสั้นๆ แล้วเดินกลับไปที่รถของตนเอง ในขณะที่มุกดารากลับขึ้นรถเตรียมสตาร์ท แต่สตาร์ทเท่าไรรถก็ไม่ติด

พฤกษ์สตาร์ทรถเตรียมจะไปต่อ แต่เขารอให้รถของนางเอกสาวไปก่อน ทว่ามุกดารายังนั่งอยู่ในรถและไม่มีทีท่าว่าจะไปไหน ทำให้ตัดสินใจเดินลงมาหาอีกครั้ง

“มีอะไรอีก”

“มันสตาร์ทไม่ติด” มุกดาราบอกเสียงอ่อย พฤกษ์ถอนหายใจดังๆ แล้วหยิบโทรศัพท์ตามช่างประจำที่รู้จักให้มาจัดการปัญหาของนางเอกสาว

ครึ่งชั่วโมงผ่านไปปัญหาของมุกดาราเรียบร้อย แต่ปัญหาของพฤกษ์เพิ่งเริ่มต้น เมื่อนางเอกสาวไม่มีรถกลับคอนโด ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของชายหนุ่มที่ต้องไปส่งเธออีกครั้ง

“ชั้นเท่าไร” พฤกษ์ถามเมื่อเลี้ยวรถเข้าคอนโดนางเอกสาว

“ยี่สิบค่ะ”

ทนายหนุ่มวนหาที่จอดรถพร้อมเตรียมส่งนางเอกสาว แต่ติดปัญหาที่ว่า ข้าวของที่แม่เจ้าประคุณขนถ่ายจากรถตนเองมาไว้ที่รถของพฤกษ์นี่สิ จะทำอย่างไร

“ฉัน เอ่อ” มุกดาราไม่กล้าสบตาเจ้าของรถที่มองหน้าตนในเวลานี้

“ต้องช่วยขนด้วยใช่ไหม” พฤกษ์แกล้งถาม ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ

ในที่สุดทั้งสองต้องช่วยกันขนข้าวของขึ้นลิฟต์ไปชั้นห้องพักของมุกดารา พฤกษ์ขึ้นลงอยู่หลายรอบกว่าทุกอย่างจะครบ รอบสุดท้ายนางเอกสาวจึงขอบคุณเขาด้วยน้ำเย็นแก้วใหญ่และเชิญให้กินข้าวเย็นด้วยความยินดี

“ให้ฉันเลี้ยงข้าวนะคะ” นางเอกสาวเอ่ยเสียงใส

“ไม่ต้อง ผมขอน้ำเย็นแก้วนี้พอ” พฤกษ์ไม่หิวข้าว นาทีนี้ง่วงและอยากนอนมากกว่า

“นั่งพักสักครู่ก็ได้ค่ะ” มุกดาราเชื้อเชิญ

พฤกษ์นั่งพักตามคำเชิญ และสอดส่ายสายตามองสำรวจว่าในห้องพักของนางเอกสาวนี้ มีสิ่งใดที่บ่งบอกให้รู้ว่าทรงฉัตรมาที่นี่บ่อยมากแค่ไหนบ้าง แต่ก็ไม่พบพิรุธหรืออะไรให้น่าสงสัยแม้แต่น้อย

“ผมกลับแล้ว”

“ขอบคุณนะคะ ถ้ามีโอกาสฉันขอเลี้ยงข้าวคุณนะ” มุกดารารู้สึกติดหนี้ความใจดีของพฤกษ์ครั้งนี้เหลือเกิน

“ก็แล้วแต่” ทนายหนุ่มพยักหน้ารับแล้วเดินกลับออกไป โดยมีสายตาแห่งความรู้สึกดีของเจ้าของห้องมองตามจนลับตา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel