บทที่ 1.2
ไม่มีใครบอกได้ว่าชีวิตคู่ที่เกิดจากผลประโยชน์ในเรื่องนี้จะดำเนินไปในทิศทางไหน ผลที่ตามมาจะหัวหรือก้อย อาจจะหวานชื่นจนคนทั้งโลกอิจฉา หรือขมขื่นชนิดที่เรียกว่ากินน้ำตาต่างข้าว ทรงฉัตรอยากรู้เพียงแค่ว่า หากวันนี้เขายอมรับข้อเสนอแล้วหากวันหนึ่ง ไม่อาจทนอยู่กับชีวิตที่ไม่ได้เลือกแล้ว ผลที่ตามมาจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“สินสมรสไม่ใช่ปัญหา ผลประโยชน์ทุกอย่างเหมือนเดิม”
“นี่ส่งหลานสาวมาฮุบกิจการของเรานี่คะ คุณพี่” คุณทิพย์ไม่อยากจะเชื่อว่าทุกอย่างจะง่ายดายขนาดนั้น
“ฝั่งโน้นเสียเปรียบเรานะ จะพูดว่าฮุบกิจการได้อย่างไร” คุณ
ทรงพุ่มแย้ง
“ทำไมยอมง่าย ให้ประโยชน์มากมายขนาดนี้ครับ ผู้หญิงคนนั้นมีปัญหา หรือผิดปกติอะไรหรือเปล่า” ทรงฉัตรเองก็ไม่แน่ใจแล้วว่าการแต่งงานนี้จะโปร่งใสจริงๆ
“หนูอรพิมไม่มีอะไรผิดปกติ แกสบายใจได้เจ้าฉัตร ส่วนเรื่องการบริหารพ่อก็เชื่อมือหนูพิมว่าไปรอด”
“คุณพี่แน่ใจมากขนาดนั้นเชียวหรือคะ เด็กนั่นอายุน้อยกว่าลูกเราอีก จะมาเก่งไปกว่าคุณพี่ได้อย่างไร” หญิงวัยกลางคนแย้ง
“เราต้องให้โอกาสเด็กรุ่นใหม่แสดงฝีมือ และผลงานที่ผ่านมาผมก็เห็นหนูพิมทำได้ดีไม่มีปัญหา”
“พ่อแน่ใจได้อย่างไรครับว่าเป็นฝีมือของเธอจริงๆ บางทีอาจจะมีทีมบริหารรุ่นใหญ่มาช่วยคิด หรือไม่ก็น้าสาวมาช่วยก็ได้” บุตรชายแย้ง
“หนูพิมดูแลบริษัทมาตั้งแต่เรียนจบ แกก็น่าจะเห็นฝีมือแล้วว่าที่นั่นทำงานกันอย่างไร เอาล่ะ มีใครมีข้อสงสัยหรืออยากรู้อะไรอีกไหม
เจ้าฉัตร แกตัดสินใจได้เมื่อไรก็บอกพ่อมาแล้วกัน”
“ตาฉัตร” คุณทิพย์หันมาหาบุตรชาย ทรงฉัตรไม่เคยรู้สึกหนักใจอะไรเท่าครั้งนี้มาก่อนเลย แต่เมื่อเห็นสายตาที่เฝ้ารอความหวังของคุณทรงพุ่มแล้ว...
“ผมตกลงครับพ่อ แต่ผมไม่รับประกันว่าชีวิตการแต่งงานมันจะยาวนานแค่ไหนนะครับ”
ไม่มีใครตอบได้ ทรงฉัตรเองก็ไม่รู้ว่า นับจากวันนี้ไปเส้นทางชีวิตที่มีเขาและผู้หญิงที่ชื่ออรพิมจะดำเนินไปอย่างไร แต่อย่างน้อยคำตอบที่ให้ไปวันนี้ก็ทำให้สามคนพ่อแม่ลูกกอดกันด้วยความเห็นอกเห็นใจ และซาบซึ้งในสิ่งที่ต่างคนต่างทำให้กันและกันในยามที่เกิดวิกฤตเช่นนี้
เอเอสคอนสตรัค
“นอกจากสั่งให้เตรียมตัวแต่งงานแล้ว น้ายายังสั่งอะไรอีกไหม”
สาวน้อยหน้าหวานวัยเบญจเพสถามด้วยสีหน้าบึ้งตึงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อฟังแผนการชีวิตที่น้าสาวสุดที่รักอย่างดลยา ศรีปัญญาวางแผนให้เธอ อรพิม ศรีปัญญาทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้
“แต่งงานแล้วบริษัทเราจะรวมกับเอสบีเอสเตรทเป็น เอเอสบีเอสเตรสโดยคุณพิมเป็นคนบริหารและลูกชายคุณทรงพุ่มจะอยู่ฝ่ายควบคุมการก่อสร้างทั้งหมด” พฤกษ์รายงานความเปลี่ยนไปที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ให้เจ้านายสาววัยใกล้เคียงกันรับทราบ
“ทำไมต้องให้พิมจัดการเรื่องพวกนี้ น้ายากลับมาจากอเมริกาทำเองก็สิ้นเรื่อง” อรพิมไม่เข้าใจเหตุผลของน้าสาวสุดที่รักสักเท่าไร จะเรียกว่าไม่เห็นด้วยเสียมากกว่า
บริษัทเพื่อนเก่ามีปัญหาเรื่องเงิน ถ้าต้องการให้ความช่วยเหลือก็แค่ให้เงินกู้ยืมไปลงทุนก็จบ ไม่เห็นต้องสร้างความเกี่ยวพันกับตัวบุคคลเลย วิธีแต่งงานโดยมีผลประโยชน์ทางธุรกิจมาเป็นเงื่อนไข เป็นเรื่องที่อรพิมไม่ยินดีที่จะทำแต่ก็ขัดไม่ได้ เพียงแต่...
ว่าที่เจ้าบ่าวของเธอจะรู้สึกอย่างไร กับการแต่งงานที่มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ศักดิ์ศรี หน้าตา ความเชื่อมัน ศรัทธาในตัวเองของเขาจะยังหลงเหลืออยู่ในตัวตนหรือไม่ ถ้าต้องแต่งงานกับอรพิมเพราะเหตุผลเพียงคำเดียว คือคำว่าเงิน
“ทำไมไม่ส่งพฤกษ์ คุณทนายคนเก่งไปช่วยล่ะ ถ้าทางโน้นแค่ขาดสภาพคล่องทางการเงินเราช่วยไปก่อนก็ได้ รอจนได้เงินคืนกลับมา
ก็ค่อยเอามาใช้เรา ง่ายกว่าการให้พิมไปแต่งงานไหม”
พฤกษ์ถอนหายใจเบาๆ กับตนเอง คิดถึงคำพูดของเจ้านายเหนือหัวที่อยู่ไกลถึงอเมริกาทันที แต่เขามีหน้าที่ต้องโน้มน้าวใจและทำให้งานแต่งงานครั้งนี้เกิดขึ้นให้ได้ เพราะเหตุผลใดน่ะหรือ คำสั่งของนายเหนือหัวกับความลับสุดยอดที่แม้แต่อรพิมก็ไม่รู้ คือสาเหตุที่ทำให้พฤกษ์ต้องไม่เข้าข้างเจ้านายสาว
แม้เขาจะไม่เห็นด้วยกับคำสั่งแกมขอร้องของดลยา แต่เพราะรู้เหตุผลที่แท้จริงและเงื่อนไขพิเศษที่ต้องทำให้การแต่งงานด้วยเหตุผลประหลาดเกิดขึ้น ทำให้พฤกษ์รับปากและมุ่งมั่นที่จะทำตามให้สำเร็จโดยเร็วที่สุดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
“การที่เรารวมบริษัทก็มีข้อดีนะ”
“ข้อดียังไง” อรพิมย้อนถาม รู้เต็มอกว่าอย่างไรเสียก็ไม่สามารถปฏิเสธการแต่งงานครั้งนี้ได้ แต่ก็อยากจะแกล้งคนเก่งอย่างพฤกษ์ ที่มีวาทศิลป์เป็นเลิศในการเจรจาให้หาคำพูดที่ดูดีมีประโยชน์ มาแถลงไขเสียหน่อยว่าการแต่งงานครั้งนี้มีดีอะไรบ้าง
“หนึ่งเราได้ขยายลูกค้าโดยไม่ต้องเหนื่อย สองทีมวิศวกรที่นั่นฝีมือดีมาก คุณพิมก็เห็นเวลาประมูลงานใหญ่เอเอสเอาไปกินทุกครั้ง ถ้ารวมกันก็เท่ากับว่าเป็นบริษัทที่แข็งแกร่งมากเพราะมีทั้งบุ๋นและบู๊” พฤกษ์เริ่มการเจรจาการกล่อม
“แล้วน้ายาจะกลับมางานแต่งงานพิมไหม” อรพิมอยากรู้เรื่องนี้มากกว่า
“อันนี้ไม่ทราบ อาจจะมาหรือไม่มาก็ได้ แต่คุณพิมไม่ต้องห่วงผู้ใหญ่ฝ่ายเราผมเชิญไว้หมดแล้ว รับรองว่าวันแต่งงานคุณพิม ทุกอย่างครบ” ทนายหนุ่มรับรองแข็งขัน
“พิมไม่จดทะเบียนนะพฤกษ์ แล้วก็ไม่อยู่บ้านเขาด้วย พิมจะอยู่บ้านพิม”
“อ้าว คุณพิม แล้วมันจะเรียกว่าแต่งงานได้อย่างไรล่ะ” พฤกษ์ถอนหายใจอีกครา
“ไม่แต่งได้ไหม พฤกษ์” อรพิมถามเสียงเศร้า อยากจะมีปาฏิหาริย์ให้เรื่องนี้ถูกยกเลิกเดี๋ยวนี้จริงๆ
“ไม่งอแงน่า คุณพิม” ทนายหนุ่มมองหน้าเจ้านายสาวด้วยความเห็นใจ
“น้ายาคิดยังไงถึงให้หลานตัวเองแต่งงานกับคนที่ไม่เคยรู้จัก แล้วจะอยู่กันรอดไหม”
“ไม่เอาน่า คุณพิม เรื่องมันมาถึงขึ้นนี้แล้ว เดินหน้าต่ออย่าคิดว่ามันแย่สิ”
“ก็มันแย่จริงๆ นี่นา เป็นพฤกษ์ พฤกษ์จะยอมแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักไหม”
นั่นสิ ถ้าเป็นเขา เขาไม่ยอมให้เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นกับตัวเองแน่ ชีวิตทั้งชีวิต คนทั้งคน การผูกมัดในฐานะ ครอบครัว ไม่เด็ดขาด พฤกษ์ไม่ยอมแน่
“พฤกษ์จะยอมให้เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นกับตัวเองง่ายๆ เหรอ” อรพิมถามเสียงเครือ สบตากับทนายหนุ่มซึ่งเป็นเสมือนพี่ชายอีกคนในชีวิต “ผมไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับคนในครอบครัวแน่ แต่ว่าเรื่องของคุณพิม...”
“ไม่เอา ไม่พูด ไม่เศร้า ไม่คิดมาก ไปกันเถอะ” พฤกษ์ปรับน้ำเสียงและสีหน้าให้สดใสขึ้น
“จะไปไหน” หญิงสาวถามเสียงเนือย ปรับอารมณ์ตนเองให้กลับมาเป็นอรพิมคนเดิมที่เข้มแข็งอีกครั้ง
“วันนี้ไปดูชุดแต่งงานกันดีกว่า ผมเลือกร้านไว้แล้ว ไปลองแต่เนิ่นๆ จะได้รู้ว่าต้องแก้ไหม ไปเร็ว” ทนายหนุ่มจับมืออรพิมให้ลุกขึ้นและพาเดินออกมาจากบรรยากาศที่แสนหดหู่เสีย เขาสงสารแต่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่หวังว่านายทรงฉัตรคนนี้จะไม่ทำให้เจ้านายสาวของตนต้องเสียใจ
