บท
ตั้งค่า

2

“อย่าถือสายัยทรายเลยไพร เค้าก็ชอบแต่งตัวเป็นยิปซียิปโซแบบนี้แหละ ทรายเค้าติสๆ น่ะลูก”

“ครับ ติสแตก” ชายหนุ่มพูดแล้วหลุดขำ ทรายหวานค้อนควัก เดินนำไปที่ห้องอาหารทันที

หนอย... หมอนี่กล้าดียังไงมาหัวเราะเยาะเธอ

“ไม่ได้เจอกับไพรเกือบสามสิบปี ไม่คิดเลยว่าพ่อแม่ของเราจะยังจำคำมั่นสัญญาในตอนนั้นได้”

คุณสุขใจ มารดาของทรายหวานย้ายตามสามีมาอยู่กรุงเทพฯ นานแล้ว แต่ตอนบุตรสาวเด็กๆ ก็เคยสัญญากันไว้ว่าโตขึ้นอยากจะให้ลูกๆ แต่งงานกัน

เธอกับสามีหนักใจจริงๆ ที่บุตรสาวไม่ยอมแต่งงาน ประกาศโต้งๆ ว่าจะโสดแบบมีคุณภาพ เรียกง่ายๆ คือขึ้นคานนั่นแหละ เธอกับสามีไม่อยากให้เป็นแบบนั้น หาใครให้ก็ไม่ชอบ ไปกลั่นแกล้งเขาเสียหมด ก็พอดีไพรวัลย์ติดต่อมา และทวงคำสัญญาของบิดามารดาเมื่อเกือบสามสิบกว่าปีก่อน

คุณสุขใจก็เลยดีใจที่ลูกสาวจะได้ออกเรือน นี่อายุเกือบสามสิบอยู่แล้ว ไม่มีผู้ชายคนไหนกล้าเข้าใกล้ในความแสบของอีกฝ่าย

คุณปราบหนักใจที่ลูกไม่ยอมแต่งงาน เพราะเป็นห่วงว่าอนาคตลูกอยู่คนเดียวจะไม่มีใครดูแล

“ครับ คุณพ่อกับคุณแม่สั่งเอาไว้ก่อนตายน่ะครับว่าให้ทำให้ถูกต้องตามประเพณี” ชายหนุ่มกล่าวเสียงสุภาพ

“งั้นกินข้าวกันดีกว่า วันนี้ป้าสั่งให้แม่ครัวทำอาหารอร่อยๆ หลายอย่างเลยจ้ะ”

“ใช่ค่ะคุณแม่ หนูหิ๊วหิว” ทรายหวานตักอาหารใส่จานจนพูนจาน ก่อนจะเริ่มกิน อาการมูมมามของลูกสาว ทำให้คุณปราบสำลักมองตาปริบๆ

คุณสุขใจอ้าปากค้าง เมื่อเห็นบุตรสาวหยิบโน้นหยิบนี่กินอย่างเอร็ดอร่อย

กินเหมือนยัดนุ่น!

ไม่ใช่สิ... กินเหมือนตายอดตายอยากมาจากไหน

“อร่อยมากๆ เลยนะคะ ทำไมทุกคนไม่กินกันล่ะคะ” คนถามพูดโดยที่กับข้าวยังเต็มปาก ก่อนจะไอแค่กๆ สำลักจนต้องหาน้ำมาดื่ม

ชายหนุ่มที่นั่งข้างๆ รีบหยิบน้ำให้ เธอกล่าวขอบคุณเขาก่อนจะซดน้ำในแก้วเสียงดัง

“คุณว่าที่สามีก็กินเยอะๆ สิคะ อร่อยม๊ากมากเลยนะคะ”

ทรายหวานหยิบกระดูกไก่ทอดของตัวเองใส่จานเขา ก่อนทำหน้ากวน (บาทา) สุดฤทธิ์ เธอดูดนิ้วอย่างมีความสุข แคะฟันยิ้มยิงฟันให้เขาด้วยสีหน้าหวายจ๋อย..

“กินสิคะ หรือรังเกียจกัน” คนแกล้งทำเสียงกระเง่ากระงอด ก่อนจะยกจานที่เธอกินอาหารจนเกลี้ยงมาเลีย

และเรอ... ออกมาด้วยความอิ่ม

“อร่อยจังเลยค่ะ ไม่มีใครกินสักคนเดียว” เธอนั่งผึ่งพุงอย่างมีความสุข ในขณะที่ทุกคนนั่งมองตาปริบๆ

ทรายหวานนั่งดูดนิ้วตัวเองอย่างมีความสุขเป็นขั้นตอนสุดท้าย ของการกิน…

แล้วตบพุงลูบไปมาบอกว่าอิ่มแล้ว!

“ทราย พาพี่ไพรเขาไปเดินเล่นที่สนามหน้าบ้านสิจ๊ะ” คุณสุขใจเอ่ยปาก อยากให้เด็กๆ ได้ทำความรู้จักกัน เห็นว่าที่ลูกเขยแล้วก็นึกชอบ เพราะเป็นคนสุภาพเรียบร้อย

ตอนนี้ถ้าใครมาขอลูกสาว นิสัยดีๆ เป็นคนดี ยกให้หมด สินสอดไม่ต้อง แถมข้าวสารให้อีก 1 คันรถสิบล้อ

“ได้สิคะคุณแม่ เดี๋ยวจัดให้”

“อย่าแกล้งพี่เขานะลูก” คุณสุขใจรีบกระซิบที่หูของบุตรสาว ทรายหวานหัวเราะอย่างมีความสุข ในขณะที่มองใบหน้าเหยเกของมารดา

“ได้สิคะ จะไม่แกล้งสักนิดเดียวค่ะ” ทรายหวานยกนิ้วชูสามนิ้วเป็นการยืนยันคำพูดอันมั่นเหมาะว่าไม่แกล้ง (สักนิดเดียว) เลยจริ๊งจริง

“คุณปราบว่ายัยทรายจะแกล้งไพรไหมคะ”

“ไม่แกล้งสักนิด คุณไม่ได้ยินเหรอคุณสุขใจ แต่จะแกล้งเยอะๆ น่ะสิ”

“ลูกเหมือนใคร เหมือนคุณไม่มีผิด” คุณสุขใจหน้างอ

“เหมือนผมแล้วรักไหมล่ะครับ”

“ไม่รัก จะมีลูกโตขนาดนี้เหรอคะ” คุณสุขใจตีเข้าให้อย่างขัดเขิน แม้จะมีลูกโตขนาดนี้ แต่สามีของเธอก็น่ารักเสมอ

“ฉันล่ะกังวลจริงๆ คุณปราบ กลัวยัยทรายขายไม่ออก ขายไม่ออกไม่เท่าจะไปแกล้งพ่อไพรเสียจนหนีกลับบ้านแทบไม่ทัน”

“แต่ผมว่าพ่อไพรเขาก็อึดถึกทนดีนะ โดนยัยทรายแกล้งที่โต๊ะอาหารจนแทบไม่ได้กินข้าวยังนั่งยิ้มอยู่ได้ ไม่เห็นทุกข์ร้อนอะไรเลย ถ้าเป็นคนอื่นเผ่นแนบไปแล้ว”

“ก็จริงนะคะ บางทีพ่อไพรอาจจะเป็นเนื้อคู่ของยัยทรายก็เป็นได้”

อีกด้านหนึ่ง...

“พี่ไพรชอบสุนัขไหมคะ”

“ก็ชอบครับ” ชายหนุ่มตอบอย่างสุภาพ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel