บทที่ ๑๑ วิวาห์จำเป็น 2
นพนทีเอ่ย ขณะดึงมือปุษยาออกให้พ้น กดมันให้ขนานอยู่ข้างศีรษะ ใช้นิ้วหัวแม่มือไล้วนบนฝ่ามือเบาๆ เพียงแค่นั้นก็ทำให้ขนอ่อนตามร่างกายลุกซู่ จากนั้นนิ้วมือใหญ่ก็สอดประสานเข้ากับนิ้วมือเล็กแนบแน่น บดเบียดสิ่งที่เต้นระริกกลางลำตัวเข้าหา ด้วยต้องการให้หญิงสาวคุ้นเคยกับมันมากขึ้น
ปุษยากลั้นหายใจ รู้สึกถึงบางอย่างที่แข็งร้อนนาบอยู่ระหว่างต้นขาสองข้าง ช่องท้องของเธอปั่นป่วนและอึดอัด กล้ามเนื้อภายในตอดรัดตัวเองเมื่อถูกกระตุ้นจนพร้อม
ปลายลิ้นชื้นที่คลอเคลียอยู่บริเวณก้อนเนื้ออิ่มเต็มบนทรวงอก ทำให้ร่างบางส่ายสะบัดอย่างไร้การควบคุม ริมฝีปากได้รูปอ้าเผยอ และเม้มเน้นลงตามเดิม เมื่อเกือบเผลอตัวร้องขอให้คนใจร้ายช่วยปลดปล่อย ซึ่งดูเหมือนชายหนุ่มจะตระหนักถึงสิ่งที่ควรทำต่อจากนี้ดี
นพนทีผงกศีรษะขึ้นมองหญิงสาวให้เต็มตา ปุษยาอับอายเกินกว่าจะทนมองอีกฝ่ายได้จึงหลับตาลงเสีย ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาพร้อมๆ กับสิ่งที่ตัวเองไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ไม่ว่าอย่างไรคืนนี้เธอก็ต้องตกเป็นของเขาโดยสมบูรณ์...
นพนทีใช้มือข้างหนึ่งดันขาเรียวสวยของหญิงสาวให้แยกออกห่าง อันที่จริงเขาไม่อยากใจร้อนและไม่เคยใจร้อนขนาดนี้มาก่อน ด้วยรู้ดีว่าสาวน้อยใต้ร่างนั้นเป็นมือใหม่ ยังไม่เคยผ่านมือชายใดมาก่อน แต่การที่เขาไม่ได้แตะต้องใครเลยเป็นเวลานาน มันทำให้ความต้องการพุ่งพรวดจนไม่อาจรอได้อีก
สะโพกสอบกำลังจะลดตัวลงหาหญิงสาว เพื่อฝากฝังความเป็นชายเข้าหาตามที่รอคอย ทว่าภาพผู้หญิงคนหนึ่งที่ผุดขึ้นมาทับซ้อน ทำให้ทุกอย่างที่กำลังดำเนินไปตามครรลองธรรมชาติ เป็นอันต้องชะงักงันลงเพียงเท่านั้น ใบหน้าชายหนุ่มดูตื่นตระหนกและแดงก่ำ
“บ้าเอ๊ย!” นพนทีสบถเสียงดังลั่นด้วยความโมโห ก่อนจะพาตัวเองถอยออกห่างจากหญิงสาว ก้มลงคว้าเสื้อผ้าที่กองอยู่บนพื้นเข้าห้องน้ำไป
ปุษยารู้สึกราวกับได้เอาความหนักอึ้งทั้งหมดโยนทิ้งไป ถึงจะไม่เข้าใจเลยว่าทำไมจู่ๆ นพนทีถึงได้ยอมหยุดทุกอย่างลงกะทันหันแบบนั้น แต่เธอก็ไม่เสียเวลามานั่งคิด รีบพาร่างกายที่ระทดระทวยลุกขึ้นจากเตียงนอน แล้วตรงไปคว้าผ้าขนหนูจากตู้เสื้อผ้ามาพันกายเอาไว้
หลังจากยืนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หญิงสาวก็ตัดสินใจหอบเสื้อผ้าออกจากห้องไปอย่างเงียบกริบ โชคดีที่ห้องข้างๆ ซึ่งเป็นที่พักสำหรับแขกนั้นว่างอยู่ ปุษยาจึงได้เข้าไปอาบน้ำแต่งตัว และนอนอยู่ที่นั่นอย่างปลอดภัยจนกระทั่งเช้า ต้องขอบคุณสวรรค์จริงๆ ...ที่นพนทีไม่ตามมารังควานเธออีกเลยตลอดทั้งคืน
ตรัยอาสาไปส่งศศิกานต์อีกเช่นเคย ซึ่งเธอก็ไม่เคยคิดจะปฏิเสธความมีน้ำใจนั้น เพราะทุกครั้งที่มีตรัยอยู่ข้างกาย ศศิกานต์จะรู้สึกอุ่นใจและปลอดภัยเสมอ นับตั้งแต่ถูกคนที่เคยรักหักหลังอย่างเจ็บแสบ หญิงสาวก็ไม่เคยไว้ใจใครอีก นอกจากตรัยและนพนทีเท่านั้น
“อย่าลืมล็อกประตูหน้าต่างให้ครบทุกบานนะครับ” ตรัยย้ำขณะยืนส่งหญิงสาวที่หน้าประตู “เดี๋ยวประตูรั้วผมจะปิดให้เอง เชิญคุณวิวไปพักผ่อนเถอะครับ”
“ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะคะผู้กอง!” ศศิกานต์เห็นชายหนุ่มกำลังจะเดินจากไป เธอจึงรีบเอ่ยสิ่งที่อยากบอกกับเขาโดยไม่ลังเล
“ผม...ยินดีครับ” ตรัยหันกลับมาส่งยิ้มอ่อนโยน “มันอาจเร็วเกินไปที่จะพูดแบบนี้...แต่ผมอยากบอกให้คุณวิวรู้ว่าผมรู้สึกดีกับคุณมาก ผมไม่เคยต้องการสิ่งตอบแทนอะไร นอกจากให้คุณปลอดภัยก็พอ” ร่างกำยำในชุดสูทสง่างามก้าวเข้ามาใกล้หญิงสาวมากขึ้น
“ผู้กอง...” ศศิกานต์มองเขาด้วยความรู้สึกประหลาด ทั้งรู้สึกอบอุ่นและดีใจไปพร้อมๆ กัน
“ถ้าคุณพร้อมเมื่อไหร่ อย่าลืมให้โอกาสผมนะครับ ผมจะรอเสมอ” ตรัยยกมือขึ้นแตะแก้มหญิงสาวอย่างแผ่วเบา ใจจริงอยากจะโน้มตัวลงจูบเธออย่างที่ต้องการ ทว่าเขาเข้าใจดีว่ามันอาจทำให้ศศิกานต์ตกใจได้ เพราะเธอเองก็เพิ่งโดนผู้ชายสารเลวเอาเปรียบมาก่อน
ศศิกานต์มองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่ไม่ต่างกัน นับตั้งแต่เธอถูกจีรศักดิ์ทำร้าย ตรัยก็ทำหน้าที่ดูแลเธอทั้งที่ไม่จำเป็น ตลอดเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ชายหนุ่มเป็นคนเดียวที่ไปรับไปส่งเธอ คอยถามไถ่เสมอว่าเธอทำงานหนักหรือเปล่า เหนื่อยล้าแค่ไหน
วันไหนที่ตรัยเห็นเธอดูเหนื่อยกว่าปกติ เขาก็จะพาเธอไปรับประทานอาหารนอกบ้าน เลือกร้านที่มีบรรยากาศดีๆ ซึ่งความเคยชินเหล่านั้นทำให้ศศิกานต์เริ่มติดเขาแจ หากวันไหนผู้กองหนุ่มงานยุ่งจนมาหาไม่ได้ เธอก็จะรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“หลับฝันดีนะครับ” ตรัยยิ้มให้หญิงสาวอีกครั้ง ก่อนจะพาร่างสูงกำยำเดินตรงไปที่ประตูรั้ว
น่าแปลกที่ศศิกานต์รู้สึกใจหาย เธออยากบอกความรู้สึกทั้งหมดให้ตรัยรับรู้ เธอไม่อยากให้เขากลับไปทั้งที่หัวใจเธอยังว้าวุ่นไม่มีที่สิ้นสุด ศศิกานต์มองตามแผ่นหลังกว้างที่ห่างออกไปเรื่อยๆ หัวใจก็ยิ่งเต้นแรงขึ้นทุกที สุดท้ายเธอก็ไม่สนใจสิ่งใดอีก
“ผู้กอง!” ศศิกานต์วิ่งตรงไปหาตรัย และโผเข้ากอดเขาในจังหวะที่ร่างสูงนั้นหันกลับมาทางเธอพอดี มือเล็กโอบรัดรอบเอวเพรียวแน่น ตรัยหายใจแรงด้วยความคาดไม่ถึง แต่ก็ยกแขนขึ้นกอดตอบหญิงสาวเอาไว้เช่นกัน
“คุณวิว...”
“ผู้กองใจร้าย ฮึกๆ” ศศิกานต์ร้องไห้และต่อว่าเขา
“ผมน่ะเหรอครับใจร้าย...ผมว่าผมเปล่านะ”
“ผู้กองใจร้ายจริงๆ ค่ะ...ผู้กองทำให้วิวติดเหมือนเด็กๆ แล้วยังจะทิ้งวิวไปอีก”
“คุณวิว...”
“วิวคิดว่าถ้าต่อจากนี้ไปวิวไม่มีผู้กอง วิวคงอยู่ไม่ได้แน่ๆ ผู้กองต้องรับผิดชอบนะคะที่ทำให้วิวเคยตัว” ศศิกานต์อธิบายทั้งที่ยังคงกอดชายหนุ่มแน่น
“รับผิดชอบเหรอครับ” ตรัยยิ้มอย่างสุขใจ “ถ้าคุณพร้อมผมก็ยินดีรับผิดชอบทุกอย่างอยู่แล้ว ผมบอกแล้วนี่ครับว่ารอได้เสมอ เพียงแต่ไม่คิดว่าจะเร็วทันใจแบบนี้”
“ผู้กองคิดว่าวิวใจง่ายหรือเปล่าคะ” ศศิกานต์ผละออกจากอ้อมกอดเพื่อสบตากับชายหนุ่ม
“ทำไมพูดแบบนั้นล่ะ” ตรัยเช็ดน้ำตาให้เธอ “คุณเป็นผู้หญิงที่ใจแข็งมากเลยต่างหาก ความจริงผมแอบชอบคุณอยู่ตั้งนานแล้วนะครับ นับตั้งแต่ตอนที่ได้พบคุณครั้งแรกเลยก็ว่าได้ แต่ดูคุณสิ...กว่าจะยอมเปิดใจพูดแบบนี้กับผม ทำเอาผมเกือบท้ออยู่แล้วเชียว...แต่ผมก็ดีใจนะครับที่แผนล่อให้คุณติดผมแจสำเร็จซะที”
“ผู้กอง...”
“ผมสัญญาครับว่าจะไม่ทิ้งให้คุณต้องอยู่คนเดียว” ตรัยดึงเธอเข้ามากอดไว้อีกครั้ง “ผมจะไม่ทำร้ายคุณไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม เพราะสำหรับผม...คนที่คือคนที่ใช่และมีค่ากับผมมากที่สุด”
“ผู้กองแน่ใจนะคะ?” ศศิกานต์จำต้องถามซ้ำ เธอไม่อยากถูกหลอกอีกแล้ว
“ด้วยเกียรติของผมเลยครับ” ตรัยมั่นใจเต็มร้อย
“ขอบคุณนะคะผู้กอง” ศศิกานต์ยิ้มออก “ขอบคุณจริงๆ ที่เข้ามาเติมเต็มส่วนที่ว่างเปล่าในชีวิตวิว” หญิงสาวเริ่มเข้าใจแล้วว่าโลกใบนี้ไม่ได้ใจร้ายกับเธอนัก
หลังจากที่บุพการีถูกพรากไปเมื่อหลายปีก่อน ศศิกานต์ก็ไม่มีใครอีกนอกจากเพื่อนที่ดีอย่างนพนที และอดีตคนรักอย่างจีรศักดิ์ ตอนแรกที่เธอรู้ว่าความจริงแล้วจีรศักดิ์ไม่เคยรักเธอเลย หัวใจดวงน้อยก็ป่นปี้แตกสลาย หากไม่ได้ตรัยคอยช่วยปลอบใจและเยียวยามัน ป่านนี้ศศิกานต์อาจจะคิดสั้นไปแล้วก็ได้
“คบกับผมนะครับ” ตรัยปล่อยร่างบางออกจากอ้อมกอด ยืดตัวเต็มความสูง “คบกับผมจนกว่าคุณจะแน่ใจในตัวผม และเมื่อเวลานั้นมาถึง...ผมจะขอให้คุณมาเป็นเจ้าสาวของผมทันที”
“มันไม่เร็วไปหน่อยเหรอคะผู้กอง”
“แหม ผมเองก็อายุสามสิบสองแล้วนะครับ คุณเองก็ใกล้จะเข้าเลขสามแล้ว ขืนดูใจกันนานๆ ก็คงแก่ตายก่อนพอดี” ตรัยเอ่ยก่อนจะหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ต่างจากศศิกานต์ที่อายม้วนจนต้องก้มหน้าหลบสายตาเขา
“ตกลงนะครับ”
ผู้กองหนุ่มเชยคางมนให้เงยหน้าขึ้นสบตา พวงแก้มแดงระเรื่อของหญิงสาวทำให้เขานึกอยากหอมแรงๆ สักฟอด “ผมว่าคุณคงไม่ปฏิเสธแน่เลย” ชายหนุ่มรู้ทัน
“รู้แล้วยังจะมาถามอีกนะคะ...”
“อ้าว ผมก็ต้องอยากได้ยินให้มั่นใจหน่อยสิครับ”
“ค่าๆ วิวตกลงตามที่คุณพูดค่ะ...เรามาลองคบกันดูก่อน ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็ค่อยคุยเรื่องอนาคตกันอีกที” ศศิกานต์ยิ้มหวาน
ตรัยดึงมือบางมากุมไว้ ความสดใสน่ารักของเธอทำให้อารมณ์บางอย่างเริ่มคุกรุ่น ดวงตาคมกริบมองสาวสวยตรงหน้าอย่างมีความหมาย ก่อนจะรั้งเอวบางเข้าชิดใกล้ เพื่อบรรจงจูบลงบนเรียวปากสีกุหลาบอย่างอ่อนโยน แม้หญิงสาวจะตกใจกับการจู่โจมของเขา แต่เธอก็ไม่ได้ขัดขืน
กลิ่นน้ำหอมตามแบบฉบับผู้ชายช่วยให้ศศิกานต์คลายความตึงเครียดลง มือร้อนผ่าวยกขึ้นดันแผ่นหลังบอบบางให้ขยับเข้ามาแนบชิดมากขึ้น ตรัยจูบหญิงสาวด้วยความรู้สึกทั้งหมดที่มี ลิ้นอุ่นแทรกเข้าในโพรงปากนุ่มอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อลิ้มชิมความหวานละมุน ศศิกานต์ยกมือขึ้นโอบรอบต้นคอแข็งแรงไว้ เพราะต้องการหลักยึด เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าแค่จูบก็สามารถทำให้คนเราหมดแรงได้ง่ายแบบนี้
ตรัยถอนริมฝีปากออกเพื่อให้หญิงสาวได้หายใจ ก่อนไล้ปลายจมูกโด่งสวยคลอเคลียอยู่ที่ข้างแก้ม ไล่เลยลงไปยังซอกคอหอมกรุ่น ศศิกานต์ส่งเสียงครางประท้วงในลำคอ ตรัยถึงเริ่มรู้ตัวว่ากำลังทำกับเธอมากจนเกินไป
“ผม...ขอโทษครับ” ชายหนุ่มผละออกห่าง พยายามไม่มองหญิงสาวมากจนเกินไปนัก เพราะนั่นอาจจะทำให้เขาห้ามใจตัวเองไม่ไหวขึ้นมาอีก
“เอ่อ...ไม่เป็นไรค่ะ” ศศิกานต์ยกมือขึ้นลูบแก้มตัวเองเบาๆ แก้เก้อ
“ผมว่าคุณวิวรีบเข้าบ้านไปพักผ่อนเถอะครับ แล้วพรุ่งนี้ผมจะมารับไปส่งที่บริษัทเหมือนเดิม”
“โอเคค่ะ พรุ่งนี้พบกันนะคะผู้กอง” หญิงสาวยิ้มน้อยๆ ก่อนจะรีบเดินกึ่งวิ่งเข้าบ้านไปทันที
ตรัยมองตามร่างบางที่หายลับไปจากสายตา แล้วยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ศศิกานต์ทั้งน่ารักและอ่อนโยนขนาดนี้ เขาจะไม่หลงรักเธอได้อย่างไรกัน...
‘ผมจะไม่มีวันปล่อยคุณไปแน่ ผมรักคุณนะครับคุณวิว’
ตรัยทำได้แค่เพียงบอกรักหญิงสาวอยู่ในใจ เพราะในความเป็นจริง เขายังไม่กล้าพอที่จะเอ่ยคำนั้นออกมา เนื่องจากสำหรับตรัยแล้ว ความรักที่เขาจะมีให้กับใครสักคนนั้น ไม่ใช่เรื่องที่สามารถตัดสินใจได้เอง เพราะคนที่กำหนดชีวิตของเขามาตลอดคือแม่เลี้ยงของเขา
คุณสายสุนีย์มักจะคอยขัดขวางไม่ให้ตรัยมีชีวิตรักที่สมหวัง เหมือนอย่างที่พ่อของชายหนุ่มไม่เคยรักคุณสายสุนีย์เลย แม้กระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต พ่อเขาก็ยังคงพร่ำเพ้อหาแต่แม่ที่เสียชีวิตไปนานกว่าสี่ปีแล้ว ซึ่งนั่นทำให้คุณสายสุนีย์เจ็บแค้นใจมาก
แต่คราวนี้ตรัยจะไม่ยอมแพ้อีกแล้ว เขาจะไม่ยอมผิดสัญญากับศศิกานต์เด็ดขาด!
