ตอนที่ 4
“เอ้อ...คุณหมอคะ นี่คุณหมอยุ่งมากจนไม่มีเวลาออกไปกินข้าวข้างนอกเลยเหรอคะ พอดีเห็นกล่องข้าวของคุณหมอค่ะ”
“อ๋อ...ภรรยาของผมเอามาให้น่ะครับ”
“คุณหมอแต่งงานแล้วเหรอคะเนี่ย ไม่ทราบว่าแฟนคุณหมอทำงานอะไรเหรอคะถึงได้มีเวลาเตรียมข้าวกล่องมาให้คุณหมอ น่ารักจังเลยค่ะ”
“ภรรยาของผมเป็นนางพยาบาลอยู่ที่นี่ครับ”
“จริงเหรอคะ...แพมก็มีเพื่อนเป็นนางพยาบาลอยู่ที่นี่นะคะ ...เอ้อ...เพื่อนแพมชื่อดวงค่ะ...ดวงฤทัย”
คำพูดนั้นทำให้คนฟังชะงักไปชั่วครู่แต่ปรัชญ์ก็ยังจับมือของคนไข้สาวเอาไว้ เขาสบนัยน์ตาสวยคู่นั้นก่อนตอบว่า
“ครับ...ภรรยาของผมชื่อดวงฤทัย”
“เหรอคะ...แหม...ช่างบังเอิญจังเลยนะคะ โชคดีจังเลยค่ะที่แพมได้เจอกับสามีของดวง เขาบอกแพมแล้วค่ะว่าสามีของเขาเป็นหมออยู่ที่นี่แต่เราไม่ทันได้คุยอะไรกัน คุณหมอนี่โชคดีจังเลยนะคะ มีภรรยาเป็นพยาบาล ทำงานอยู่ที่เดียวกันด้วย”
“บางครั้งสิ่งที่คนอื่นเห็นว่าเป็นโชคดีมันอาจไม่ได้ดีอย่างที่ใครคิดก็ได้ครับ”
คำพูดที่สวนกลับมาสะกิดความรู้สึกคนฟัง พิสินีสังเกตสีหน้าของปรัชญ์ที่เปลี่ยนไปก่อนเขาวางมือเธอลง แต่ก่อนนายแพทย์หนุ่มจะหันกลับไปจดบันทึกการตรวจหญิงสาวก็พูดขึ้นว่า
“ท่าทางเหมือนคุณหมอมีเรื่องไม่สบายใจนะคะ...เอ้อ...ต้องขอโทษทีค่ะที่พูดแบบนี้ คือแพมก็เป็นเพื่อนกับดวง เราสนิทกันมากตอนสมัยเรียนมัธยมปลาย แต่พอเข้ามหาวิทยาลัยก็ไม่ค่อยได้คุยกัน คือว่า...เมื่อก่อนดวงเขาชอบคุยอวดในกลุ่มเพื่อนน่ะค่ะว่าบ้านเขารวย และเขามีคุณย่าใจดีให้เงินเขาใช้เดือนเป็นหมื่นๆ แพมยังอิจฉาเลยนะคะที่เขามีชีวิตสบายขนาดนั้น”
“ดวงพูดอย่างนั้นหรือครับ”
“ค่ะ...ดวงกับแพมสนิทกันก็จริงแต่เขาค่อนข้างติดหรู และก็ไม่ค่อยใส่ใจความรู้สึกของใคร ดูภายนอกเหมือนว่าจะจริงใจกับเพื่อนๆ ...เอ้อ...แพมต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะคะที่พูดเรื่องภรรยาของคุณหมออย่างนี้”
“พูดเถอะครับ...จริง ๆ แล้วดวงเป็นเด็กที่คุณย่าของผมรับมาเลี้ยงและส่งให้เรียนจนจบ แต่บางทีการที่ผมได้รับรู้เรื่องภรรยาของผมจากคนข้างนอกบ้างมันก็คงจะดีกว่าที่ผมไม่ค่อยรู้อะไรเลย”
ปรัชญ์เอ่ยขณะนัยน์ตาเข้มสบประสานกับดวงตาคู่งามบนดวงหน้าหมดจดที่ส่องประกายวาววาม เป็นประกายเจิดจรัสและดึงดูดความรู้สึกของคนที่จ้องมองอย่างประหลาด
*****************
“คุณย่า...นี่ดึกแล้วยังไม่นอนอีกหรือครับ?”
ปรัชญ์เอ่ยถามขึ้นทันทีที่เขาย่างเข้ามาในห้องรับแขกและเห็นหญิงสูงวัยนั่งอยู่บนโซฟาขณะนาฬิกาผนังบอกเวลาเกือบเที่ยงคืน ปวีร์วางหนังสือในมือลงและขยับแว่นมองหลานชายคนเดียวซึ่งเป็นศัลยแพทย์มือหนึ่งของโรงพยาบาลชื่อดังทั้งที่อายุยังไม่แตะสามสิบที่เข้ามาหย่อนตัวลงนั่งข้าง ๆ ความสูงกว่าร้อยแปดสิบเซนติเมตรของนายแพทย์เจ้าของเรือนร่างบึกบึนและใบหน้าหล่อเหลาทำให้คุณย่าของเขาตัวเล็กไปถนัดใจ ปวีร์ยิ้มกับ สักครู่หญิงสูงวัยจึงเอ่ยขึ้น
“ย่ารอหนู...เห็นหนูยังไม่กลับก็เลยเป็นห่วง”
“วันนี้ติดเคสผ่าตัดด่วนครับคุณย่า ใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะเรียบร้อยก็เลยกลับดึก”
“เป็นหมอรักษาคนก็อย่างนี้ล่ะลูก เราต้องอดทน”
“แล้วดวงล่ะครับ...หึ...คงจะหลับตั้งแต่หัวค่ำกระมัง แทนที่จะมาคอยดูแลคุณย่าแต่กลับปล่อยให้คนแก่ต้องมานั่งรอจนดึกดื่นอย่างนี้”
ปรัชญ์เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ บางครั้งเขาก็แทบไม่อยากกลับบ้านนับตั้งแต่แต่งงาน ถ้านอนโรงพยาบาลได้ก็คงนอนที่นั่นไปแล้วถ้าไม่เกรงใจว่าต้องกลับมาดูแลคุณย่าของเขาที่มักพูดเสมอว่าอยากเห็นหน้าหลานชายทุกวันเพื่อความสบายใจ เมื่อได้ยินหลานชายพูดปวีร์ก็ส่ายหน้า
“เปล่าเลย...ดวงเขาก็อยู่เป็นเพื่อนย่านะ ย่าบอกให้เขากลับไปนอนเมื่อสักครู่เพราะพรุ่งนี้ย่ารู้ว่าดวงมีเวรเช้า เขามานั่งอ่านหนังสือให้ย่าฟัง ดวงเขาจะใส่ใจและไม่เคยละเลยอยู่แล้ว”
