ตอนที่ 3
ทั้งคำพูดและน้ำเสียงเสียดแทงของปรัชญ์ทำให้ดวงฤทัยถึงกับหน้าชา รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่เคยแยแสและมองเธอในแง่ดี เขาคิดได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้นว่าเธอทำดีเพื่อหวังผลทั้งที่มันไม่เคยอยู่ในหัวเธอเลยสักนิด หญิงสาวพยายามกลั้นน้ำตาและไม่ตอบโต้ หากแต่เธอยิ่งเงียบก็เหมือนยิ่งยั่วยุความโกรธในอารมณ์ของปรัชญ์ เขาลุกขึ้นและค้ำมือทั้งสองบนโต๊ะ จ้องมองเธออย่างเหยียดหยัน มุมปากได้รูปเลิกขึ้นอย่างหยามเหยียด
“ไม่ต้องมาทำดีกับพี่ก็ได้นะดวง ยิ่งดวงทำดีมากเท่าไหร่พี่ก็รู้สึกว่ามันยิ่งทำให้ดวงต้องฝืนใจมากขึ้นเท่านั้น”
“ดวงไม่เคยฝืนใจนะคะพี่ปรัชญ์ ดวงทำทุกอย่างด้วยความจริงใจ ไม่ได้คิดเป็นอย่างอื่นจริงๆ ค่ะ”
“อย่างนั้นหรือ” ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้พยาบาลสาวที่ยืนนิ่ง ดวงฤทัยหายใจขัดเมื่อร่างสูงเข้ามายืนในระยะประชิด ตั้งแต่แต่งงานกันปรัชญ์แทบไม่เฉียดเข้าใกล้เธอเลย หากแต่เมื่อได้อยู่ใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจของเขาที่เป่ารดหญิงสาวกลับรู้สึกหนาวเยือกเหมือนอยู่ในโลกน้ำแข็ง เขาโน้มใบหน้าหล่อเหลาลงมาใกล้ เธอได้ยินเสียงนายแพทย์หนุ่มดังใกล้หู
“คนดีพยายามทำความดี ความดีนั้นก็จะอยู่คงทน แต่ถ้าคนที่คิดไม่ดี พยายามทำดียังไงใครก็รู้ว่ามันแค่การสร้างภาพ อย่าคิดว่าพี่จะเชื่อทุกอย่างที่เธอทำ ใครก็พูดได้ทั้งนั้นว่าตัวเองจริงใจ รู้ไว้ด้วยว่าที่ต้องอยู่ทุกวันนี้พี่ทำเพื่อคุณย่าเท่านั้น ถ้าวันหนึ่งไม่มีท่านเราก็ต่างคนต่างไป!”
“พี่ปรัชญ์...”
คราวนี้ดวงฤทัยน้ำตาไหล คำพูดของเขาทั้งหนักแน่นและหนักหน่วง ปรัชญ์ขยับห่างและยังจ้องมองเธอด้วยแววตาอันเปล่าว่างราวกับคนไร้หัวใจ
“พี่ให้โอกาสเธอนะดวง” เขากล่าวและทำให้หญิงสาวต้องสบนัยน์ตาเข้มทั้งที่ดวงตาคู่สวยรื้นน้ำ
“โอกาสอะไรคะ หรือว่า...”
“ไม่ใช่โอกาสที่พี่จะรักเธอในสักวันหรอกดวง เพราะมันจะไม่มีวันนั้น แต่พี่จะไม่ว่าอะไรถ้าตอนนี้เธออยากจะคบใคร เผื่อไว้วันข้างหน้า วันที่เราต้องไปเซ็นใบหย่ากัน!”
ดวงฤทัยตาเบิกกว้าง ที่จริงแล้วปรัชญ์ไม่เคยพูดดีกับเธอเลยสักครั้ง แต่คราวนี้เขาใช้คำพูดรุนแรงและเชือดเฉือนหัวใจ หากแต่หญิงสาวกลับต้องอดทนเพราะเธอเองเคยสัญญากับคุณย่าของเขาเอาไว้ว่าจะไม่ตอบโต้อะไรหากว่าปรัชญ์จะแสดงอารมณ์ร้าย ๆ ใส่ หญิงสาวก้มหน้าและปาดน้ำตาก่อนพูดว่า
“ดวงคงต้องขอตัวกลับก่อนนะคะ ต้องรีบกลับไปดูแลคุณย่า”
“ทำดีกับคุณย่าไว้ให้มากๆ เถอะ” ชายหนุ่มยังเค้นเสียงเครียดขณะดวงฤทัยหันหลังให้และเดินไปหยุดชะงักที่ประตู
“ไม่เกินปีนี้เราคงได้ไปหย่ากัน!” เขาพูดตามหลังร่างบอบบางที่เดินออกไปอย่างเงียบ ๆ โดยไม่หันมาตอบโต้ สักครู่ก็มีนางพยาบาลเปิดประตูเข้ามาบอกว่า
“คุณหมอคะ...ถึงคิวคนไข้ที่นัดไว้แล้วค่ะ”
“ให้เข้ามาเลย” นายแพทย์หนุ่มบอกกับนางพยาบาลก่อนก้มหน้าลงดูเอกสารในมือ และเมื่อเงยหน้าขึ้นเขาก็ต้องชะงักไปชั่วขณะเมื่อเห็นร่างเพรียวระหงของหญิงสาวในชุดกระโปรงลายดอกไม้สีหวานเจ้าของใบหน้าหมดจดและทำให้ปรัชญ์เผลอมองโดยไม่ตั้งใจก่อนรีบดึงสติกลับคืนเมื่อเธอก้าวเข้ามาและนั่งลงบนเก้าอี้พร้อมทั้งยกมือไหว้
“สวัสดีค่ะคุณหมอ”
“สวัสดีครับ...ไม่ทราบว่าเป็นอะไรมาหรือครับ...คุณพิสินี”
เขาเรียกชื่อหญิงสาวจากใบสอบประวัติคนไข้ที่ได้รับจากนางพยาบาลก่อนแล้ว พิสินีแย้มยิ้มก่อนตอบ
“แพมเจ็บ ๆ ที่ข้อมือค่ะคุณหมอ เป็นก้อนเล็ก ๆ ไม่รู้ว่าจะเป็นซีสต์หรือเปล่า”
“เดี๋ยวหมอขอดูที่ข้อมือหน่อยนะครับ”
ปรัชญ์ค่อย ๆ ดึงมือเรียวบางนั้นขึ้นมาและลูบข้อมือของคนไข้ขณะมีสีหน้าครุ่นคิด ชั่วขณะนั้นเองทำให้พิสินีจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาของคุณหมอหนุ่มที่เธอรู้สึกสะดุดตาตั้งแต่คราวแรกที่ก้าวเข้ามา เธอคิดว่านายแพทย์ปรัชญ์ ศัลยแพทย์จะเป็นหมอวัยกลางคนแต่ไม่ใช่ เขายังหนุ่มและหน้าตาดี รูปร่างสูงใหญ่หล่อเหลาราวเทพบุตรดูแตกต่างจากหมอทั่วไปที่เคยพบ ทว่าสายตาของพิสินีก็เลื่อนไปสะดุดกับอะไรบางอย่างบนโต๊ะทำงาน มันคือกล่องข้าวซึ่งเธอจำได้ว่าเป็นของดวงฤทัย
