Ep.3
ถึงยังไงเธอก็ยังมีความหวัง ว่าการได้พบกับผู้บริหารฯ ที่แสนเก่งกาจทั้งเชิงรักและเชิงธุรกิจอีกครั้ง เขาจะไม่หลุดมือไปเธออีก นางแบบสาวซ่อนยิ้มที่ร้ายกาจเอาไว้ ก่อนจะทักทายชายหนุ่มเสียงหวานอย่างดัดจริตเต็มที่
“คุณริคขา เราเจอกันอีกครั้งแล้วนะคะ ช่างบังเอิญจริงๆ เกวดีใจมากๆ เลยค่ะ ที่ได้พบคุณอีกครั้ง เตี่ยบอกให้เกวมารับคุณค่ะ”
เฮ็นริคอึ้งไปสองสามวินาที ความจริงเขาอึ้งตั้งแต่นาทีแรกที่นางตุ๊กแกสาวดันร่างแม่สาวจอมซุ่มซ่ามนั่นออกห่างจากเขาอย่างเสียมารยาทแล้วล่ะ และก็อึ้งที่โลกช่างโหดร้ายกับเขานักที่ทำให้เขาต้องมาเจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้งจนได้ แต่ก็ต้องถามเพื่อความแน่ใจว่า...
“คุณคือ...”
“เกวลิน อัครพิบูล ค่ะ”
คำตอบของหญิงสาวทำเอาความเป็นชายของเขาหดลงเหลือเท่าปลายนิ้วก้อย หมดอารมณ์ทางเพศไปเลย
‘มันนรกชัดๆ บ้าเอ๊ย!’ ทว่าเจ้าของใบหน้าหล่อเข้มกลับไม่ได้แสดงสีหน้า ‘น่าเบื่อ’ อย่างที่รู้สึกออกมา เพราะถูกฝึกฝนมาเป็นอย่างดีให้สามารถรับอารมณ์ของลูกค้า และคู่ค้าทั้งหลายมาเป็นเวลานานจนเป็นนิสัย เขาจึงไม่ได้แสดงสีหน้าอาการไม่พอใจใดๆ ออกมา นอกจากเสียจากรอยยิ้มแสนเสน่ห์ที่ระบายออกมาอย่างที่เคยทำเป็นประจำจนชิน
“เกว” เสียงเรียกชื่อเล่นอย่างสนิทสนมคุ้นเคยที่เขาเรียกนางแบบสาวคู่อริของเธอ ทำให้มนต์นรีนึกสงสัย นาทีแรกเธอไม่พอใจที่ถูกเกวลินมาแทรกกลาง แล้วดันร่างของเธอออกห่างจนเสียหลัก และคิดอยากจะเอาคืนทันทีด้วยอารมณ์ที่เดือดปุดๆ ถ้าไม่ติดว่าต้องรักษามารยาทต่อหน้าผู้คนที่เดินผ่านไปมา โดยเฉพาะต่อหน้า ‘เขา’ ที่อาจจะมองเธอในแง่ที่ไม่ดี
‘อย่าบอกนะ...ว่าสองคนนี้เป็นแฟนกัน’ มนต์นรีคิดแล้วก็อดใจหวิวๆ ไม่ได้
“คุณหนูมินนี่ มาอยู่ที่นี่เอง ผมมองหาคุณหนูหลายนาทีแล้วนะครับ” เสียงภาษาไทยแปร่งๆ ทางด้านหลัง ทำให้มนต์นรีต้องหันไปมอง
“ทาคุมิซัง” เสียงหวานอุทานออกมาอย่างแผ่วเบา
หนุ่มเจแปนนิสที่ทำธุรกิจอยู่เมืองไทยมานานแล้ว หันไปสบตากับหนุ่มฝรั่งที่ตัวโตสูงกว่าเขาเล็กน้อยด้วยแววตาสงสัย เพราะเมื่อครู่เขายังทันได้เห็นมนต์นรีมองผู้ชายคนนี้ราวกับคนรู้จักอยู่เลย แต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้นเขาก็หันมาสนใจคนที่เขาต้องมารับกลับด้วยใบหน้าเรียบเฉยดังเดิม
เฮ็นริคหันไปมองคู่หนุ่มสาวข้างๆ ด้วยความสนใจใคร่รู้เช่นกัน เขามองริมฝีปากสีชมพูดสดที่เขาอยากจะจูบก่อนหน้านั้นครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเสียดายเล็กน้อย เมื่อข้างกายเธอมีชายหนุ่มรูปหล่อส่งสายตาหึงหวงมาให้เขา
“คุณหนู ไปกันเถอะครับ พ่อของคุณหนูกำลังตั้งตารอคุณหนูอยู่ที่บ้าน”
มนต์นรีพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเดินเคียงข้างไปกับร่างสูงที่ยื่นมือมาโอบประคองเอวบางของเธอหลวมๆ อย่างฉวยโอกาส
เฮ็นริคมองตามอย่างลืมตัว ส่งผลให้เกวลินหน้างอง้ำมองคนตัวโตตรงหน้าอย่างไม่พอใจ เธอไม่ชอบมนต์นรี เพราะ ‘แม่นั่น’ คือ ‘คู่อริ’ ของเธอ
สองสาวเป็นคู่แข่งกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมต้น กระทั่งไปศึกษาต่อที่เยอรมนีก็ยังไปเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันอีก แล้วก็ยังถูกทาบทามให้ไปเป็นนางแบบของ ‘มอร์แกน โมเดลลิ่ง’ ในเวลาไล่เลี่ยกันอีกต่างหาก
เจ้าของดวงตาเรียวรีสีน้ำตาลรีบปรับใบหน้าให้หวานเยิ้ม ก่อนที่ใบหน้าหล่อเข้มแสนเสน่ห์จะตวัดสายตากลับมามองเธออีกครั้ง
“ไปกันหรือยังคะ คุณริค”
“ครับ” เมื่อชายหนุ่มตอบรับ เกวลินก็ฉวยโอกาสสอดแขนกลมกลึงของตนเข้าไปควงแขนกำยำทันทีอย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ แล้วพากันเดินไปที่รถที่มีคนขับรถรอเปิดประตูต้อนรับคนทั้งคู่ด้วยกิริยานอบน้อม ก่อนที่บีเอ็มดับบลิวสีดำมันปลาบรุ่นล่าสุดจะเคลื่อนตัวออกไปจากจุดจอดอย่างไม่รีบเร่งนัก
พอกลับมาถึงคฤหาสน์ หลังจากแยกตัวจากทาคุมิ ห้านาทีต่อมามนต์นรีก็ถูกบิดาของเธอเรียกเข้าไปคุยในห้องตามลำพังสองคน ใบหน้าของประมุขใหญ่ของบ้านดูเครียดขรึมอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ท่าทางของท่านดูอึดอัดจนสังเกตเห็นได้ชัด
“เตี่ยมีอะไรจะคุยกับหนูหรือเปล่าคะ”
การที่บิดาของเธอโทรเรียกตัวเธอกลับมาจากการพักร้อนกะทันหัน มนต์นรีคิดว่าท่านจะต้องมีเรื่องสำคัญอยากจะบอกเธอแน่ แต่เธอก็ยังเดาไม่ออกว่าเรื่องอะไร
“ความจริงเตี่ยไม่อยากเล่าเรื่องนี้ให้ลูกฟังเลยนะ” เจ้าสัวอนันต์ไม่อยากจะเล่าความจริงที่เจ็บปวดเกี่ยวกับปัญหาของทีเอ็มซี พิบูลชัยฯ ให้ลูกสาวเพียงคนเดียวของเขาฟังเลย แต่มันคงถึงเวลาแล้ว
เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหาร ทำให้เขาต้องตกจากเก้าอี้ผู้บริหารระดับสูงมาดำรงอยู่ในตำแหน่งที่ปรึกษาประธานกรรมการบริหารเท่านั้น แล้วแต่งตั้งให้ ทาคุมิ โคบายาชิ ซึ่งก่อนหน้านั้นดำรงตำแหน่งรองประธานบริหารฝ่ายขายและการตลาดของบริษัทลูกขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุด หรือ ‘ซีอีโอ’ เพื่อดูแลด้านการบริหารจัดการองค์กรทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะมีผลในวันที่หนึ่งเดือนหน้านี้
แน่นอนว่าการปรับเปลี่ยนโครงสร้างการบริหารครั้งนี้ คงถึงคิวปิดฉากการเป็นตันแทนจำหน่ายรถมิตซูบิชิของ ‘ตระกูลพิบูลชัย’ ที่ทำธุรกิจนี้มานานไม่ต่ำกว่าสามสิบปีต้องจบสิ้นลง หากถึงเวลานั้น สิ่งที่เขาปลุกปั้นมาร่วมกันกับบิดาก็อาจถึงกาลอวสาน ซึ่งเขาคงทำใจยอมรับได้ยาก และครอบครัวของเขาอาจต้องพบกับความลำบาก เพราะตอนนี้เขาแก่มากแล้ว แต่ถ้าสิ่งที่เขาคาดหวังไว้เป็นความจริงขึ้นมา เขาก็คงตายตาหลับ
“เตี่ยมีอะไรก็พูดมาเถอะค่ะ”
“เตี่ยอยากเห็นลูกแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที” สีหน้าของเจ้าสัวอนันต์มีแววกังวลอย่างเห็นได้ชัดเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา
“เตี่ย!”
“เตี่ยพูดจริงๆ นะมินนี่ ลูกจะยี่สิบเจ็ดแล้วนะ เพื่อนรุ่นเดียวกันกับลูก บางคนเขามีลูกกันไปหมดแล้ว” นี่หรือคือเหตุผลที่บิดาเรียกเธอเข้าพบโดยด่วน เพราะอยากเห็นเธอแต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝาเนี่ยนะ
“ทำไมอยู่ๆ เตี่ยถึงได้พูดเรื่องนี้ขึ้นมาคะ” มนต์นรีมองบิดาด้วยความแปลกใจ ปกติแล้วพ่อของเธอเป็นคุณพ่อที่หวงลูกสาวเอามากๆ แต่ว่าตอนนี้ทำไมท่านถึงได้นึกอยากให้คนอื่นมาดูแลเธอ
คนที่ห่วงใยว่าธุรกิจที่ทำมานานตั้งแต่สมัยบิดามารดายังแข็งแรงจะปิดฉากลง แล้วทำให้คนที่ก่อตั้งมันมาต้องเสียใจ และห่วงใยว่าลูกสาวอาจจะลำบากในอนาคตอันใกล้นี้ จึงอยากให้เธอได้คู่ครองที่ดีและคู่ควรเหมาะสม ดวงตาของคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายฤดู มองบุตรสาวเพียงคนเดียวที่ทะนุถนอมมาอย่างกับไข่ในหินด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
เขารู้มาตลอดว่าทาคุมิแอบรักมนต์นรีมานานแล้ว และวันนี้ซีอีโอหนุ่มก็เอ่ยปากว่าเขาอยากแต่งงานมีครอบครัวเสียที ผู้หญิงที่เขาอยากให้มาเป็นภรรยามากที่สุดก็คือมนต์นรี คนที่รักลูกห่วงลูกอยากให้ลูกมีความสุขสบายในอนาคตจึงได้ตอบตกลงยกลูกสาวสุดที่รักของตนเองให้ซีอีโอหนุ่มโดยไม่ทันได้ถามเจ้าตัวเสียก่อน คนเป็นพ่อจึงรู้สึกหนักใจมากที่จะต้องพูดเรื่องนี้กับลูกสาวเพียงคนเดียวในเวลานี้
“วันนี้ทาคุมิมาคุยกับเตี่ยเรื่องลูก เขาบอกว่าเขาอยากแต่งงานกับลูก”
คนที่ได้ฟังตกใจไม่น้อย มิน่า...บิดาของเธอถึงได้พูดเรื่องนี้ขึ้นมา “แล้ว...แล้วเตี่ยตอบเขาไปว่ายังไงคะ”
