2. มีแฟนแบบนี้อย่ามีเลย
“พ่อออกจากโรงพยาบาลเมื่อเช้าแล้วค่ะ แต่ว่าเมื่อวานหมอตรวจเจอเนื้องอกที่สมองของพ่ออีกค่ะพี่เอ็ม แล้วหมอก็แนะนำให้พ่อรีบรักษาก่อนที่เนื้องอกมันจะใหญ่ไปมากกว่านี้...” มารีลินพูดด้วยเสียงเศร้า
“พ่อเป็นเนื้องอกที่สมองเลยเหรอ...แล้วจะต้องรักษายังไง ผ่าตัดใช่ไหม” อินทัชได้ยินก็รู้สึกสงสารมารีลินมาก เพราะพ่อเธอพึ่งประสบอุบัติเหตุขาหักไปเอง นี่มาตรวจเจอเนื้องอกในสมองอีก อะไรจะซวยซ้ำซวยซ้อนขนาดนี้กันนะ
“ใช่ค่ะพี่เอ็ม...หมอนัดตรวจอาทิตย์หน้าค่ะ แต่หมอที่นี่บอกว่าผ่าไม่ได้ต้องส่งตัวพ่อเข้าไปผ่าตัดที่โรงพยาบาลในกรุงเทพค่ะ แล้วค่าใช้จ่ายมันก็ต้องเพิ่มมาอีก มะลิเลยอยากจะขอยืมเงินพี่เอ็มสักหนึ่งแสนน่ะค่ะ” มะลิเอ่ยบอกแฟนของเธอไป เพราะเขาคือที่พึ่งเดียวที่เธอพอจะขอร้องเขาได้
“พี่ก็อยากจะช่วยนะมะลิ แต่คราวก่อนมะลิก็ยืมพี่ไปแสนนึงแล้วนะ มะลิก็ยังไม่ได้คืนพี่เลยนะ” อินทัชพูดไปแล้วทำหน้าเครียดขึ้นมาทันที เพราะเขาให้เธอยืมไปเขาก็โดนแม่ของเขาบ่นจนหูชาเลย ถ้าเขาให้เธออีกแม่ของเขาระเบิดลงแน่ๆ
“แต่มะลิก็ไม่ได้ยืมพี่เอ็มเปล่าๆนะคะ มะลิก็เอารถของพ่อมาจำนำที่เต้นท์รถของพี่เอ็มแล้วไงคะ...ให้มะลิยืมอีกแสนนึงนะคะพี่เอ็ม มะลิต้องการเงินไปรักษาพ่อจริงๆ ตอนนี้มะลิไม่มีเงินเหลือแล้วจริงๆค่ะ ” มะลิพูดไปอย่างขอร้องเขา เพราะเธอก็ใช่ว่าจะยืมเขาเฉยๆ เธอก็เอารถมาจำนำกับเขาแล้วไง
“มันก็ใช่ แต่พี่ไม่ใช่ตู้เอทีเอ็มของมะลินะที่จะเอาเงินเมื่อไหร่ก็เอาแบบนี้น่ะ พี่ให้เรายืนเงินไปคราวที่แล้วแม่พี่ก็ด่าพี่ยกใหญ่เลย ถ้าครั้งนี้พี่ให้อีก พี่โดนด่าเละแน่ๆ” อินทัชตอบไปตรง เพราะเขาก็อยากช่วยแต่เขาสู้แม่เขาไม่ได้
“แต่เงินที่พี่เอ็มให้มะลิมา...มันก็เป็นเพราะมะลิเอารถของพ่อมาจำนำกับพี่เอ็มนะคะ แล้วพี่เอ็มพูดแบบนี้ออกมาได้ยังไงคะ” มารีลินได้ยินแฟนหนุ่มพูดแบบนี้ออกมาก็สะอึกเลย ก่อนจะตอบเขาไปแบบอดไม่ได้
“พี่ขอโทษ...แต่รถที่มะลิเอามาจำนำกับพี่ พี่ก็ให้ในเรทราคาจำนำแล้ว ถ้ามะลิจะเอาอีก เราก็ต้องขายรถของพ่อให้พี่แล้วล่ะ แต่พี่ให้ได้อีกสามหมื่นเท่านั้น เพราะรถมันก็เก่าแล้วด้วย นี่พี่ก็ช่วยมะลิสุดๆแล้วนะ” อินทัชบอกไปตามตรง เพราะสำหรับเขาเรื่องส่วนตัวกับเรื่องธุรกิจจะเอามาปนกันไม่ได้
มารีลินได้ยินแบบนั้นก็อึ้งไปเลย เพราะไม่คิดว่าแฟนของตัวเองจะหน้าเลือดถึงขนาดนี้ นี่ขนาดเธอเป็นแฟนของเขานะ เขายังทำถึงขนาดนี้
“นี่พี่เอ็มช่วยมะลิแบบสุดๆแล้วเหรอคะ...หึ...นี่มะลิเป็นแฟนของพี่นะคะ พี่ไม่คิดจะช่วยมะลิ มะลิไม่เคยว่าเพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของครอบครัวมะลิ มะลิต้องจัดการเอง แต่มะลิไม่คิดเลยว่าพี่เอ็มจะทำถึงขนาดนี้...” มารีลินพูดไปแบบน้อยใจเขา เพราะเขาช่วยเธอเรื่องเงินได้แต่ว่าเขาไม่คิดจะช่วยหรือว่าเสนอตัวจะช่วยเหลือเธอเลยสักนิด
“พี่แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวนะมะลิ อย่าว่าพี่ที่ทำแบบนี้เลยนะ พี่เองก็ลำบากใจเหมือนกัน” อินทัชบอกไปแล้วมองเธอแบบเศร้าๆ
“ค่ะ...ถ้ามะลิทำให้พี่เอ็มลำบากใจมากนัก งั้นมะลิขายรถของพ่อให้พี่เอ็มก็แล้วกันค่ะ ให้ได้อีกสามหมื่นก็สามหมื่นค่ะ...” มะลิตอบไปด้วยเสียงเข้ม เพราะตอนนี้เธอคงหวังให้เขาช่วยไม่ได้ก็ขายรถให้เขาไปเลยละกัน อย่างน้อยก็พอมีเงินพยุงไปก่อน
“อืม...โอเค...แล้วส่วนที่เหลือมะลิจะไปหาจากไหนล่ะ” อินทัชพยักหน้าเข้าใจ แล้วเอ่ยถามเธอ
“มันเรื่องส่วนตัวของมะลิค่ะ เดี๋ยวมะลิจะไปหาเอาเองค่ะ พี่เอ็มแค่ให้เงินค่ารถที่เหลือกับมะลิมาก็พอค่ะ” มะลิตอบไปแล้วมองอินทัชอย่างจดจ้องเลย เพราะตอนนี้เธอคงต้องคิดใหม่แล้วล่ะว่าเธอควรจะไปต่อกับเขาดีไหม เพราะบ้านเธอเกิดเรื่องขนาดนี้เขายังไม่คิดจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเลย อีกหน่อยถ้าเธอแต่งงานกับเขาเป็นผัวเมียกันจริงๆ เขาจะมาดูแลอะไรเธอได้
“โอเค....สามหมื่นนะ....พี่ให้ตอนนี้เลย...งั้นมะลิเซ็นชื่อขายรถให้พี่ด้วยนะ” อินทัชบอกไปก็ดึงเอกสารในแกะมาแล้วยื่นไปให้เธอ แล้วเขาก็เดินไปหยิบเงินในลิ้นชักอีกฝั่งมา
มารีลินก็มองการรกระทำของอินทัชทุกอย่าง เธอก็เอาปากกามาเขียนชื่อลงไปอย่างตัดใจ เพราะรถของพ่อที่เธอซื้อให้ตอนนี้เธอจำเป็นต้องขายเพื่อเอาเงินไปเป็นค่าใช้จ่ายรักษาพ่อของเธอแล้ว
“เรียบร้อยแล้วค่ะ...ขอเงินสามหมื่นให้มะลิด้วยค่ะ” มารีลินเซ็นเอกสารแล้วก็หันมาพูดกับอินทัชด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
“นี่เงินสามหมื่นครับ...แบบนี้พี่ค่อยสบายใจหน่อย เพราะแม่พี่เขากลัวว่ามะลิจะหาเงินมาคืนไม่ได้ แต่มะลิขายขาดรถให้พี่แบบนี้แล้วแม่พี่ก็คงไม่ว่าอะไรพี่แล้วล่ะ” อินทัชบอกไปแล้วยิ้มออกมา
มารีลินรับเงินมาได้ยินเขาพูดแบบนั้นก็กำหมัดแน่นเลย ยิ่งเห็นเขายิ้มออกมาในสถานการณ์แบบนี้ เธอก็ตัดสินใจได้ทันทีเลยว่า เธอไม่ควรที่จะไปต่อกับผู้ชายคนนี้อีกแล้ว คนที่รักกันคบกันแต่ว่าไม่ช่วยเหลือเกื้อกูลกันเลยแบบนี้ แถมยังมาเอารัดเอาเปรียบ เธอก็ไม่ควรจะคบให้เสียเวลา
“จากนี้ไปเราสองคนไม่ติดค้างอะไรกันแล้วนะคะพี่เอ็ม....งั้นเราก็เลิกกันเถอะค่ะ มะลิไม่อยากจะคบกับพี่เอ็มแล้วค่ะ...” มารีลินพูดด้วยเสียงเข้มแล้วกัดฟันแน่นอย่างข่มความรู้สึกเสียใจของตัวเองไว้
“อะไรนะ...เลิกกับพี่เหรอ....มะลิพูดอะไรออกมาน่ะ ทำไมต้องเลิกกับพี่ด้วย...เพราะพี่ไม่ให้มะลิยืมเงินเหรอ” อินทัชได้ยินก็ทำหน้าตกใจแล้วเอ่ยถามเธอไปแบบงุนงง
“ไม่ใช่เพราะพี่เอ็มไม่ให้มะลิยืมเงินหรอกค่ะ แต่เพราะว่าพี่ไม่ใช่ผู้ชายที่มะลิต้องการค่ะ มะลิอยากคบกับผู้ชายที่รักมะลิและคอยดูแลคอยช่วยเหลือกันและกัน แต่ว่าพี่เอ็นนอกจากไม่ช่วยแล้วยังเห็นแก่ตัวกับมะลิมากๆเลยด้วย มะลิคบกับพี่ต่อไปไม่ได้แล้วล่ะค่ะ เราสองคนต่างคนต่างไปเถอะนะคะ” มารีลินพูดไปแบบจริงจัง
“ไม่นะมะลิ...เดี๋ยวก่อน...พี่ไม่ได้เห็นแก่ตัวกับมะลิเลยนะ แล้วพี่ก็ช่วยมะลิมาตลอด พี่ไม่ดูแลไม่ช่วยเหลือมะลิตอนไหน” อินทัชเข้าไปจับมือเธอไว้แบบห้ามแล้วพูดไป
“ปล่อยค่ะ...พรึบ...ที่ผ่านมาพี่เคยช่วยเหลืออะไรมะลิเหรอคะ ไปเที่ยวไปทานอาหารเราก็หารกันคนล่ะครึ่งตลอด แล้วนี่พ่อของมะลิเข้าโรงพยาบาล พี่ก็ควรจะช่วยบ้างแต่ไม่เลย พี่ไม่แม้แต่จะยื่นมือมาช่วยทั้งๆที่พี่เอ็มก็ช่วยได้ มะลิพอแล้วค่ะ มะลิจะไม่คบกับผู้ชายแบบพี่เอ็มแล้วค่ะ เราเลิกกันเถอะค่ะ” มะลิสะบัดมือของเขาออกแล้วก็พูดเสียงรอดไรฟันออกไปอย่างสุดทน แล้วเธอก็รีบเดินออกไปจากห้องทำงานของเขา
“มะลิ...อย่าพึ่งไป....เดี๋ยวก่อนมะลิ....พี่ไม่เลิก...” อินทัชรีบเดินตามมารีลินออกมาแล้วตะโกนพูดไปจนพนักงานที่นั่งทำงานอยู่ด้านหน้ามองกันแบบตกใจเลย เพราะทันทีที่มารีลินเดินออกมาอย่างโมโหนั้น อินทัชก็เปิดประตูตามออกมาแล้วตะโกนอย่างเสียงดังเลย จนพนักงานรีบลุกขึ้นแล้วตามไปดูแบบงงๆ
