บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 คำขอสุดท้ายของคนเป็นแม่

บทที่ 4

คำขอสุดท้ายของคนเป็นแม่

ขอเพียงคืนเดียวเท่านั้น

“อย่ามองข้าแบบนั้นสิอาจิ่ว เดี๋ยวเรามามีลูกกันใหม่ก็ได้นี่ เจ้ายังสาวข้าเองก็ยังหนุ่มแน่น เราจะมีลูกด้วยกันหลายๆ คนเลยดีหรือไม่ ส่วนเด็กคนนี้ด้อยวาสนา อีกทั้งยังมีกำหนดมาแล้วจากเบื้องบน ไม่ว่าข้าหรือเจ้าก็ไม่อาจขัดโชคชะตา หากเจ้ายังดื้อรั้นพวกเราคงตายกันหมดแน่”

“ทะ...ท่านพี่เชื่อหรือ ว่าเด็กคนนี้จะฆ่าเราสองคนได้”

หญิงสาวเค้นน้ำเสียงสั่นเครือเอ่ยถามสามี นางกัดริมฝีปากสั่นระริก พยายามกลั้นสะอื้น กระนั้นน้ำตากลับหยาดหยดลงบนใบหน้าเล็กๆ ของเด็กทารกในอ้อมกอด

“ตอนนี้ยังไม่ได้ แต่วันข้างหน้าก็ไม่แน่ ทางที่ดีเราป้องกันเอาไว้ไม่ดีกว่าหรือ อีกอย่างต่อให้เราหนีไป ชาวบ้านทุกคนก็จะออกตามไล่ล่าพวกเราอยู่ดี เจ้าคิดว่าเราจะมีความสุขหากเลี้ยงดูเด็กคนนี้อย่างนั้นเหรอ”

จิ่วเม่ยได้ฟังคำอธิบายยืดยาวของสามีแล้วก็ถึงกับนิ่งอึ้งไปหลายอึดใจ ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ ราวกับยอมจำนนกับเหตุผลมากมายของสามี

“ข้าเข้าใจแล้ว”

นางค่อยหยัดกายลุกขึ้น แล้วอุ้มบุตรสาวในอ้อมกอดเดินผ่านสามีออกไปโดยไม่มองแม้แต่หางตา นางเปิดประตูกระท่อมพบว่าทุกคนในหมู่บ้านกำลังมองมาที่นางด้วยใจจดจ่อ วูบหนึ่งนางเห็นว่าสายตาของคนเหล่านั้นมองมาที่บุตรสาวในอ้อมกอดของนางด้วยความเกลียดชัง

‘คนพวกนี้ใจร้ายเหลือเกิน กับเด็กทารกไม่ประสา ก็ยังยัดเยียดความเกลียดชังได้ลงคอ’

จิ่วเม่ยค่อยๆ ยอบกายลงคุกเข่ากับพื้นดินโดยยังคงอุ้มเด็กน้อยไว้ในอ้อมกอด ก่อนจะเอื้อนเอ่ยคำขอร้องด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“ข้าได้ยินเรื่องคำทำนายจากสามีแล้ว ข้ายอมรับคำทำนายจากเบื้องบนโดยไม่มีข้อโต้แย้ง แต่ข้าในฐานะของมารดาที่อุ้มท้องเด็กคนนี้มาถึงเก้าเดือน ทั้งรักและผูกพันด้วยเป็นสายเลือด อยากจะวอนขอพวกท่านทั้งหลาย ให้ข้าได้กอดลูก ได้มีโอกาสให้นมลูกสักหนึ่งราตรีจะได้หรือไม่ แล้วข้าจะเป็นคนเผาบุตรของข้าด้วยตนเอง ในฐานะที่ข้าทำให้นางเกิดมา!”

แววตาของจิ่วเม่ยมุ่งมั่นจนทุกคนในที่นั้นถึงกับอึกอักกันไปหมด แล้วหญิงชราที่เพิ่งเดินทางมาถึงกระท่อมโดยใช้ไม้เท้าค้ำยันเดินมาทีละก้าวอย่างยากลำบากก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงดังฟังชัด

“ถ้าแค่นี้ให้ไม่ได้ก็ใจดำเกินไปแล้ว ข้าเองเคยเป็นมารดาแค่ลูกถูกริ้นไรไต่ตอมยังเจ็บปวดจนแทบน้ำตาร่วง แต่หญิงคนนี้จะต้องสูญเสียลูกไปตลอดกาล อีกทั้งยังต้องเผาลูกให้ตายทั้งเป็น คำขอแค่นี้ของนางพวกเราจะให้ไม่ได้เชียวหรือ”

“ทะ...ท่านแม่เฒ่า”

ทุกคนต่างค้อมกายลงเล็กน้อยคำนับท่านแม่เฒ่าผู้มีอายุยืนยาวที่สุดในหมู่บ้าน อีกทั้งยังมีศักดิ์เป็นน้าสาวของท่านผู้เฒ่าผู้อ่านคำทำนายฟ้าดินที่ทุกคนต่างเคารพ

ท่านแม่เฒ่านี้มีอายุกว่าร้อยยี่สิบปี แต่ยังแข็งแรง มีอายุยืนยาว ปกติแล้วมักจะเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านไม่สุงสิงกับผู้ใด จึงทำให้ยิ่งน่าเกรงขามและถือเป็นปูชนียบุคคลที่ชาวบ้านต่างเคารพนบนอบ

“ได้สิ ถ้าอย่างนั้นข้าจะให้เวลาเจ้าหนึ่งราตรี แต่เจ้าต้องห้ามตุกติกคิดหนีเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าพวกข้าไม่เตือน”

ผู้นำหมู่บ้านจำต้องยินยอมอย่างเสียไม่ได้ หากเขายังยืนยันเผาเด็กภายในคืนนี้ อาจกลายเป็นคนใจร้ายใจดำไร้ความเมตตาในสายตาของทุกคนก็เป็นได้

“หากท่านไม่ไว้ใจก็ขอให้กุมตัวสามีของข้าไปคุมขังเอาไว้เถอะ ทุกท่านต่างก็เห็นว่าข้ากับสามีเรารักกันมากเพียงใด ตั้งแต่แต่งงานอยู่กินกันมาห้าปีข้ากับสามีไม่เคยต้องแยกจากกัน ดังนั้นการขังสามีของข้าจะเป็นหลักประกันว่าข้าจะไม่หนีไปไหนอย่างแน่นอน”

จิ่วเม่ยเอ่ยขึ้นพลางหันไปมองสามีที่ยืนอยู่ด้านหลัง จางอี้เตอได้ยินดังนั้นก็รีบพยักหน้าขันอาสาอย่างกระตือรือร้น ให้เขาทำอะไรเขายอมทุกอย่าง ขอเพียงภรรยาไม่โกรธและยอมเผาลูกน้อยตามคำบัญชาของเบื้องบนก็พอ

“ถ้าเช่นนั้นก็นำตัวอี้เตอไปขังที่เรือนของข้าก่อน พรุ่งนี้เราค่อยมาจัดการกับเด็กผู้มีดวงชะตาผู้ทำลายกันทีหลัง ไป! ทุกคนแยกย้ายได้!”

สิ้นสุดเสียงท่านผู้นำหมู่บ้าน ทุกคนก็ต่างแยกย้ายกันกลับบ้านอย่างรวดเร็ว

หญิงชราผมขาวทั้งศีรษะค่อยๆ เดินกลับบ้านรั้งท้าย โดยท่านผู้เฒ่าได้ไหว้วานให้เด็กหนุ่มเดินไปส่งน้าสาวของตน เพราะบ้านของท่านแม่เฒ่าอยู่ทางทิศเหนือซึ่งมีทางเดินที่สูงชันเกรงว่าจะได้รับอันตราย ส่วนตนนั้นตั้งใจจะไปคุยธุระต่อที่บ้านของผู้นำหมู่บ้าน

ทว่าเมื่อเดินมาถึงบ้านไม้ชั้นเดียวขนาดใหญ่ของท่านแม่เฒ่า เด็กหนุ่มถึงกับร้องเสียงหลง

“ทะ...ท่านแม่เฒ่า”

เขาเห็นว่ามีท่านแม่เฒ่าถึงสองคน คนหนึ่งเขาเดินตามหลังมาตลอดทาง ส่วนอีกคนกำลังยืนอยู่บริเวณชาน

“ปะ....เป็นไปได้อย่างไร”

เขายกมือขึ้นขยี้เปลือกตาอย่างรวดเร็ว แล้วก็พบว่าท่านแม่เฒ่าที่เขาเดินตามกลับออกมาจากกระท่อมหลังเล็กชายหมู่บ้านนั้นหายไปเสียแล้ว เหลือแต่ท่านแม่เฒ่าที่กำลังตักน้ำออกจากตุ่มโดยไม่สนใจการมาของเขาด้วยซ้ำไป

“ปะ...เป็นไปได้อย่างไร หรือว่าเมื่อตอนเย็นข้าจะดื่มหนักมากไปหน่อยจึงตาฝาดเห็นภาพหลอน”

เขาส่ายหน้าแรงๆ ด้วยความงุนงง ขมวดคิ้วเข้าหากันจนแทบผูกเป็นปม

สูงขึ้นไปบนยอดไม้ด้านหลังของเด็กหนุ่ม ปรากฏร่างท่านแม่เฒ่าอีกคนนั่งอยู่บนกิ่งไม้สูง ใบหน้าของหญิงชราเครียดขรึม แววตาแดงก่ำลุกโชนไปด้วยความโกรธ ก่อนที่ร่างเหี่ยวย่นจะค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นชายหนุ่มในชุดสีดำอนธการ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel