บทที่ 1 เจ็บท้องคลอด
บทที่ 1
เจ็บท้องคลอด
คำทำนาย
จู่ๆ ตะเกียงก็ถูกจุดสว่างขึ้นกลางดึกภายในกระท่อมหลังเล็ก ตามด้วยเสียงหวีดร้องด้วยความเจ็บปวดของหญิงชาวบ้านที่กำลังตั้งครรภ์ท้องแก่ บัดนี้น้ำคร่ำได้แตกไหลออกมาเปรอะเปื้อนเต็มหว่างขา เป็นสัญญาณบ่งชัดว่าสิ่งมีชีวิตน้อยๆ กำลังจะถือกำเนิดขึ้นในไม่ช้า
“ข้าเจ็บ! ข้าเจ็บท้องเหลือเกิน!”
หญิงสาวหวีดร้องทุรนทุราย เหงื่อเม็ดเล็กเกาะพราวทั่วใบหน้า ยื่นมือไปบีบแขนของสามีแน่นเพื่อให้เขาหาทางช่วยเหลือนางให้เร็วที่สุด
“ยะ...แย่แล้ว!”
จางอี้เตอยืนหน้าซีดเผือดอย่างไม่รู้จะจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไรดี มือหนาสากเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เวลานี้ภายในหัวสมองของเขาว้าวุ่นจนแทบก้าวขาไม่ออก
“เร็วเข้าท่านพี่ ข้าจะคลอดแล้ว ข้าไม่ไหวแล้ว”
จิ่วเม่ยหน้าซีดเผือดไร้เลือดฝาด กัดฟันกรอด จิกผ้าปูฟูกนอนเอาไว้แน่น นี่เป็นท้องแรก นางทั้งหวาดกลัวและเป็นกังวลนั่นเพราะนางไม่มีมารดาหรือแม้แต่ญาติผู้ใหญ่คอยดูแล
อี้เตอสะดุ้งสุดตัวพยายามรวบรวมสติและระงับความตื่นเต้นเอาไว้อย่างสุดกำลัง
“ขะ...ข้าจะรีบไปตามท่านหมอเดี๋ยวนี้ เจ้าอดทนรออีกนิดนะ ดะ...เดี๋ยวข้าจะรีบกลับมา!”
ชายหนุ่มเอื้อมไปกุมมือภรรยาเอาไว้อย่างให้กำลังใจ ก่อนจะรีบวิ่งออกจากกระท่อมหลังเล็กไปยังเรือนของหมอประจำหมู่บ้านซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกทันที
โชคดีเหลือเกินที่เรือนท่านหมอยังคงจุดตะเกียงสว่างไสว ทว่าผู้คนกลับพลุกพล่านเต็มเรือนไปหมด
‘เกิดอะไรขึ้นกันนะ’
อี้เตอปัดความสงสัยทิ้ง ก่อนจะวิ่งพรวดพราดเข้าไปในเรือนด้วยท่าทางร้อนรน
“ท่านหมอช่วยด้วย! ช่วยเมียข้าด้วย! เมียข้าเจ็บท้องกำลังจะคลอดบุตรขอรับ”
ทุกคนในที่นั้นต่างนิ่งเงียบคล้ายตะลึงงันไปกว่าหลายอึดใจ อี้เตอจึงได้ฉุกใจสังเกตว่า ภายในบ้านของท่านหมอได้มีการรวมตัวกันของผู้มีอิทธิพลในหมู่บ้าน ได้แก่ผู้นำหมู่บ้าน รองผู้นำหมู่บ้าน และท่านผู้เฒ่าผู้มากความรู้ความสามารถและเป็นที่เคารพรักของทุกคน
“เมียของเจ้าจะคลอดบุตรวันนี้รึ!”
“ขะ...ขอรับท่านผู้เฒ่า”
“พวกข้ากำลังเฝ้ารอเด็กที่จะถือกำเนิดขึ้นในวันนี้อยู่พอดี ไปกันเถอะ... ไปดูว่าเมียเจ้าจะคลอดบุตรออกมาเป็นชายหรือหญิง เวลานี้ไม่ว่าจะร้ายหรือดีก็คงต้องให้ฟ้าดินช่วยตัดสินแล้ว”
ผู้นำหมู่บ้านเอ่ยขึ้โนด้วยน้ำเสียงเครียดขรึม เงยหน้าสบตามองคนอื่นๆ ที่ต่างก็มีใบหน้าวิตกกังวลไม่ต่างกัน ก่อนที่หมอสูงวัยจะรีบคว้าหีบยาพยักหน้าให้ชายหนุ่มที่กำลังจะเป็น ‘บิดา’ นำทางไปโดยเร็ว
อี้เตอวิ่งนำทุกคนไปที่กระท่อมหลังเล็กซึ่งตั้งอยู่ชายขอบหมู่บ้านเยื้องเข้าไปในป่า ซึ่งค่อนข้างห่างไกลจากบ้านเรือนหลังอื่นๆ
ชายหนุ่มไม่เข้าใจเท่าใดนัก ก็แค่ภรรยาของเขากำลังจะคลอดบุตร เหตุใดผู้ทรงอิทธพลสามท่านจึงเดินตามเขามาด้วยท่าทางรีบร้อนกระวนกระวาย อีกทั้งคนอื่นๆ ที่รวมตัวกันในเมื่อครู่ก็เดินตามมาพร้อมพูดคุยซุบซิบกันแผ่วเบามาตลอดทาง
‘แปลก...แปลกเหลือเกิน’
“ทางนี้ขอรับท่านหมอ”
อี้เตอเปิดประตูผ่าง เห็นภรรยากำลังนอนบิดตัวร้องครวญครางอยู่บนฟูกนอนก็รีบปราดเข้าไปกอดภรรยาเอาไว้ทันที
“อาจิ่วข้ามาแล้ว ข้ามาแล้ว ทำใจดีๆ ไว้นะ เจ้ากับลูกต้องปลอดภัย”
พูดพลางก้มลงจูบที่หน้าผากชื้นเหงื่อของภรรยาอย่างปลอบขวัญ
“ท่านพี่ข้ากลัว ข้าเจ็บท้อง เจ็บเหลือเกิน”
จิ่วเม่ยน้ำตานองหน้า ปวดบีบตื้อๆ หน่วงลงล่าง กล้ามเนื้อภายในเกร็งกระตุกทุกครึ่งเค่อ ริมฝีปากของนางสั่นระริก เข้าใจแล้วว่าเหตุใดจึงมีการเปรียบเปรยว่าการให้กำเนิดบุตรนั้นเจ็บปวดราวกับตายแล้วเกิดใหม่
“เจ้าไม่ต้องกลัว ข้าพาท่านหมอมาหาเจ้าแล้ว”
“พ่อหนุ่มออกไปก่อน เดี๋ยวข้าจะทำคลอดให้ภรรยาของเจ้าเอง”
“ขอรับท่านหมอ”
อี้เตอรีบออกมายืนอยู่หน้ากระท่อม พลางเดินกระสับกระส่ายไปมา มือทั้งสองข้างกุมประสานกันไว้ระหว่างอก ปากก็พึมพำสวดภาวนาขอพรจากมหาโพธิสัตว์ผู้เปี่ยมล้นไปด้วยเมตตา แล้วจู่ๆ ผู้นำหมู่บ้านก็เดินมาตบที่ไหล่ของเขาคล้ายปลอบใจ
“เข้มแข็งไว้นะพ่อหนุ่ม ไม่ว่าวันนี้บุตรของเจ้าจะออกมาเป็นเพศใด เจ้าก็ไร้วาสนาไม่อาจครอบครองเลี้ยงดูเด็กคนนี้ ข้าและทุกคนในหมู่บ้านทำได้แค่เพียงช่วยสวดภาวนาขอให้เจ้าและภรรยามีบุตรคนใหม่เพื่อมาช่วยเยียวยาหัวใจในเร็ววัน”
‘ซานเจี่ยว ’ เป็นหมู่บ้านขนาดกลางที่มีบ้านเรือนอยู่กว่าสองร้อยหลังคาเรือน มีหญิงตั้งครรภ์ใกล้คลอดอยู่ทั้งหมดสี่นางด้วยกัน ทั้งสี่นางท้องแก่แต่ยังไม่ใกล้คลอด ซึ่งทุกคนในหมู่บ้านต่างเฝ้าจับตามองอย่างระมัดระวังและเร่งภาวนาให้พวกนางไม่เจ็บท้องคลอดบุตรในวันนี้ โดยที่ทุกคนลืมไปเสียสนิทว่ายังมีกระท่อมหลังเล็กอยู่อีกหลังซึ่งมีหญิงท้องแก่ใกล้คลอดเช่นกัน
แล้ววันนี้ก็เป็นวันที่นางเจ็บท้องคลอด!
“มะ...หมายความว่าอย่างไรหรือขอรับ”
อี้เตองุนงง มองหน้าผู้นั้นที มองหน้าผู้นี้ทีอย่างไม่อาจจับต้นชนปลายสิ่งที่พวกเขาเหล่านี้พูดได้เลย
“เมื่อสองวันก่อนมีการตีฆ้องร้องป่าวให้มาประชุมเจ้าไม่ได้มาเข้าร่วมหรอกรึพ่อหนุ่ม”
ท่านผู้เฒ่าเอ่ยถามขึ้นบ้าง เขาเองก็ไม่อาจยืนนิ่งเฉย ด้วยกังวลใจและจดจ่อกับเด็กทารกที่กำลังจะถือกำเนิดขึ้นไม่น้อยไปกว่าคนอื่นๆ
“ไม่ได้ร่วมประชุมขอรับ เมื่อสองวันก่อนข้าออกไปตัดไม้ในป่ามาเผาฟืน เพราะกลัวว่าหากภรรยาคลอดบุตรจะไม่มีฟืนไฟต้มน้ำร้อนให้นางอาบ”
จางอี้เตอปฏิเสธ ยิ่งเห็นสีหน้าเครียดขรึมของทุกคน เขาก็เดาได้เลยว่าเรื่องที่เรียกประชุมคงไม่ใช่เรื่องดีเป็นแน่
