บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 3 หญิงอัปลักษณ์แห่งสวนท้อ

ตอนที่ 3

หญิงอัปลักษณ์แห่งสวนท้อ

เอ๋าเอ้อร์หลงลืมตาขึ้นมาช้าๆ ที่นี่ไม่ใช่ห้องเก็บเหล้า และไม่ใช่ที่พักที่เซียนเฒ่าผู้ดูแลสวนท้อจัดให้ ถึงแม้จะดูสะอาดสะอ้านเหมือนกัน แต่การตบแต่งต่างกันออกไป แถมที่นี่ยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ช่วยสร้างความสดชื่นและผ่อนคลายได้ด้วย

ห้องนี้มีภาพเขียนแขวนอยู่หลายภาพ แต่ละภาพเป็นภาพของดอกท้อที่มีสีและลักษณะแตกต่างกันไป ภาพนั้นงดงามบ่งบอกถึงฝีมือของผู้วาดได้เป็นอย่างดี มังกรหนุ่มพยายามลุกขึ้นมานั่ง แต่ทว่ารู้สึกปวดหัวเกินกว่าที่จะลุกไหว

“ให้ตายสิ ทำไมปวดหัวขนาดนี้”

“ท่านดื่มเหล้าที่มีฤทธิ์แรงมากเข้าไปถึงสามสิบไห ลำพังเซียนธรรมดาดื่มเข้าไปก็อาจจะลมปราณสลายได้ แต่ท่านไม่เป็นอะไร อาการที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นผลข้างเคียงของการดื่ม”

เสียงเสียงหนึ่งตอบออกมา ไม่นานนักเจ้าของเสียงก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า มังกรหนุ่มตกใจเมื่อเห็นใบหน้าของผู้ที่พูดชัดเจน เจียเหม่ยยิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นอาการของอีกฝ่าย นางชินชากับพฤติกรรมแบบนี้เสียแล้ว

“ใบหน้าของเจ้า ทำไม...” เอ๋าเอ้อร์หลงพูดแล้วหยุดเพียงเท่านั้น เนื่องจากเกรงว่าหากพูดมากกว่านี้จะเสียมารยาท

“มันเป็นปานที่ติดตัวข้ามาตั้งแต่เกิด” นางตอบราวกับว่ามันเป็นเรื่องธรรมดายื่นถ้วยน้ำชาให้กับอีกฝ่ายเมื่อพูดจบ

“อะไร” มังกรเจ้าสำราญเอ่ยถามพร้อมทั้งมองถ้วยชาลวดลายวิจิตรตรงหน้า โดยที่ยังไม่ยอมรับมันมาถือไว้แต่อย่างใด เจียเหม่ยยิ้มบางๆ พอจะรู้ว่าอีกฝ่ายยังไม่ไว้ใจนางมากนัก

“วางใจได้ มันไม่ใช่ยาพิษแต่เป็นชากลีบท้อผสมกับยอดอ่อนใบชาที่เขาเทียนซาน ชานี้สามารถทำให้อาการปวดศีรษะของท่านหายได้เร็วขึ้น”

มังกรหนุ่มรับถ้วยชานั้นมาถือไว้และดื่มมันอย่างว่าง่าย กลิ่นของชาหอมและทำให้ผ่อนคลายอย่างไม่น่าเชื่อ

“ชานี่กลิ่นหอมมาก รสชาติก็ดีมากด้วย ข้าไม่เคยดื่มชากลีบท้อรสชาติแบบนี้มาก่อน”

“เป็นชาที่ทำมาจากกลีบท้อที่บานได้สามราตรี จากนั้นนำมาอบและบ่มนานกว่าสามร้อยปี จึงทำให้มีกลิ่นและรสชาติที่ต่างจากชาดอกท้อชนิดอื่น” เจียเหม่ยตอบเสียงใสและรับถ้วยชาที่อีกฝ่ายส่งคืนมาให้ น้ำเสียงของนางนุ่มนวลชวนฟัง เสียงแบบนี้สร้างความสบายใจให้กับคู่สนทนาได้มากเลยทีเดียว

“ที่นี่หอมมาก กลิ่นหอมสดชื่นแบบที่ข้าไม่เคยเจอมาก่อน กลิ่นของอะไร”

“เครื่องหอมเจ้าค่ะ”

“เครื่องหอมอย่างนั้นรึ”

“ข้าทำเครื่องหอมเอาไว้ให้เจ้าแม่ ดังนั้นกลิ่นของบรรดากลีบดอกไม้และสมุนไพรคงอาจจะยังติดอยู่บ้าง”

ในขณะที่ฟังนางพูดองค์ชายรองแห่งทะเลใต้ยังคงเพ่งมองใบหน้าของนางอย่างจริงจัง จะว่าไปนางไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ ตรงกันข้ามงดงามด้วยซ้ำ แต่ความงามนั้นถูกบดบังด้วยปานแดงขนาดใหญ่ เลยทำให้ไม่น่าดู

“ท่านมองหน้าข้านานเกินไปแล้ว”

“ขอโทษที่เสียมารยาท” องค์ชายมังกรยิ้มเก้อ

“ไม่ต้องขอโทษหรอกเจ้าค่ะ มันเป็นเรื่องธรรมดามาก ปานนี้มันใหญ่และกินพื้นที่ถึงครึ่งใบหน้า ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมอง ที่น่าแปลกคือท่านไม่ได้ตกใจและกลัวข้าเท่านั้นเอง”

“ยอมรับว่าเมื่อเห็นใบหน้าของเจ้าครั้งแรก ข้าตกใจแต่ก็แค่นั้น ปานของเจ้ามันแค่ใหญ่แต่มันไม่ได้น่ากลัวอะไร ก็แค่ปานแดง” เอ๋าเอ้อร์หลงพูดให้อีกฝ่ายสบายใจ จะว่าไปมันก็แค่ปานแดงจริงๆ นั่นแหละ

“ท่านเข้าไปอยู่ในห้องเก็บเหล้าได้อย่างไรเจ้าคะ”

“ชิงลี่ให้ข้าเข้าไปในนั้นและให้ดื่มเหล้าจนครบสามสิบไห ถ้าข้าทำได้นางจะรับรักจากข้า”

“และท่านก็ทำได้” นางพูดต่อให้

“ท่านเป็นใครกันแน่”

เอ๋าเอ้อร์หลงมองสบตาของผู้ที่ถามนิ่ง แววตาของนางนั้นเต็มไปด้วยความสงสัยอยู่เต็มเปี่ยม และที่สำคัญดวงตาคู่นั้นยังสวยงามเต็มไปด้วยชีวิตชีวาน่าค้นหาอีกด้วย

“ทำไมถึงถามอย่างนั้น” เอ๋าเอ้อร์หลงเลิกคิ้วเมื่อถูกถาม

“ปกติเหล้าพวกนี้เซียนธรรมดาดื่มเพียงแค่หนึ่งจอกลมปราณอาจสลายได้ แต่ท่านดื่มเข้าไปถึงสามสิบไห นอกจากลมปราณจะไม่สลายแล้ว ท่านยังฟื้นตัวได้เร็วมาก ต้องเป็นเทพชั้นสูงเท่านั้นถึงสามารถทำแบบนี้ได้ และต้องเป็นเทพชั้นสูงที่มีตบะมากกว่าพันปีด้วย เพราะเหล้าพวกนี้แรงมาก ขนาดองค์เง็กเซียนยังไม่ดื่มหากไม่จำเป็น” มังกรหนุ่มยิ้มเมื่อฟังจบ

“ข้าก็เป็นเพียงแค่เซียนชั้นผู้น้อยที่เฝ้าสวนท้อธรรมดา” เจียเหม่ยส่ายหน้าไม่เห็นด้วย

“เจ้าไม่เชื่อที่ข้าพูด”

“ใช่เจ้าค่ะ เซียนเฝ้าสวนท้อคงไม่มีรัศมีเปล่งประกายออกมาแบบท่าน ตอนที่ท่านเมาข้าได้เช็ดตัวให้ ทำให้เห็นว่าผิวที่แท้จริงของท่านเป็นผิวของเทพชั้นสูง” เอ๋าเอ้อร์หลงยิ้มอีกครั้ง นี่เขากำลังถูกแม่สาวหน้าปานต้อนให้จนมุม

“เจ้าไม่ไว้ใจข้า”

“ท่านคือใครกันแน่ และท่านเข้ามาที่นี่เพื่อจุดประสงค์อะไรแน่เจ้าคะ”

“เจ้าถามแบบตรงไปตรงมาเหลือเกิน ถ้าข้าไม่ตอบล่ะ”

“ถ้าท่านไม่ตอบข้าคงจะต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกเจ้าแม่เจ้าค่ะ”

น้ำเสียงและสีหน้าของนางจริงจังเสียจนอีกฝ่ายเริ่มกังวลเพราะไม่อยากให้เรื่องนี้รู้ถึงเจ้าแม่สวรรค์ เป็นที่ทราบกันดีว่านางเคร่งครัดต่อกฎเกณฑ์ต่างๆ มากมาย

“บางทีข้าอาจจะจัดการเจ้าก่อนที่เรื่องนี้จะล่วงรู้ถึงเจ้าแม่สวรรค์”

เจียเหม่ยมองสบตาของผู้ที่พูดนิ่ง แววตาของเขาถึงแม้จะมีความขี้เล่น แต่ถึงอย่างนั้นก็เต็มไปด้วยความเมตตา และนางเชื่อว่าชายผู้นี้คงไม่ใช่พวกเทพใจร้าย

“แววตาของท่านไม่ได้มีความโหดร้ายอย่างที่ว่าเจ้าค่ะ ท่านขู่เพียงหวังให้กลัวเท่านั้น”

“เจ้าอ่านสายตาออกรึ” คราวนี้มังกรหนุ่มยิ้ม

“ข้าเชื่อว่าผู้ที่เป็นเซียนย่อมเป็นผู้ที่มีบารมีสูง เมื่อมีบารมีสูงจิตใจย่อมต้องสูงตาม เรื่องทำลายชีวิตย่อมไม่คิดที่จะทำ”

“เจ้าพูดได้ดี”

“ทีนี้ท่านตอบคำถามข้าได้หรือยังเจ้าคะ” นางถามอีกครั้ง เอ๋าเอ้อร์หลงถอนหายใจช้าๆ ดูเหมือนว่าจะต้องตอบคำถามอย่างเสียมิได้

“ก่อนที่ท่านจะตอบคำถาม ข้าอยากจะบอกท่านอีกเรื่องว่า การโกหกเป็นเรื่องไม่สมควรทำเจ้าค่ะ ยิ่งเป็นเทพชั้นสูงด้วยแล้วยิ่งไม่สมควรมากขึ้นไปอีก”

“เจ้าดักข้าทุกทางนะแม่หน้าปานแดง ก็ได้ ข้าจะบอกความจริงกับเจ้า จงรู้ไว้นะว่าเรื่องที่ข้าจะพูดต่อไปนี้เป็นเรื่องจริง ความจริงที่แม้แต่น้องชายของข้าถามข้ายังไม่ยอมตอบ แต่ครั้งนี้ข้าจะบอกเจ้า เอาละ อยากรู้อะไรถามมา” มังกรเจ้าสำราญพูดเสียงห้วน

คิดเอาเถิดขนาดเอ๋าซันหลงผู้เป็นน้องถาม เขายังไม่สนใจที่จะตอบ แต่กลับต้องมาบอกแม่เซียนหน้าปานตนนี้แทน

“ข้าจะเชื่อท่านเจ้าค่ะ ข้าเชื่อว่าท่านจะไม่โกหก เพราะเซียนย่อมพูดแต่ความจริงเสมอ”

“มันก็ไม่แน่ เซียนบางตนอาจจะชอบเรื่องหลอกลวง”

“ข้าเชื่อว่าท่านจะไม่ทำ” เจียเหม่ยตอบกลับ แววตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังและมั่นใจของนางทำให้เอ๋าเอ้อร์หลงถอนหายใจ

ให้ตายสิ เขาไม่ชอบสายตาแบบนี้เลย สายตาที่เห็นแล้วคิดถึงพระมารดายามที่ท่านมองมาทำให้ไม่กล้าพูดปด

“คำถามแรก ท่านมาทำอะไรที่นี่เจ้าคะ”

“ข้ามาที่นี่เพื่อชิงลี่”

“ท่านชื่อแซ่อะไรเจ้าคะ” เจียเหม่ยพยักหน้ารับรู้

“แซ่เอ๋า ส่วนชื่อข้าชื่อเอ้อร์หลง”

คำตอบนั้นทำให้นางเซียนหน้าปานคาดไม่ถึง แต่เมื่อตั้งตัวได้นางก็ย่อตัวทำความเคารพชายหนุ่มรูปงามตรงหน้าทันที

“องค์ชายรองแห่งทะเลใต้”

“ตอนนี้ข้าเป็นเพียงแค่เซียนชั้นผู้น้อยที่เฝ้าสวนท้อเท่านั้น เจ้าไม่ต้องทำความเคารพ" องค์ชายรองพูดอย่างไม่ถือตัว

“ท่านมาที่นี่เพื่อชิงลี่ แล้วทำไมต้องปลอมตัวด้วยเจ้าคะ การบอกนางตรงๆ และแสดงตัวตนออกมาให้นางรู้น่าจะทำให้ท่านสมหวังได้ง่ายกว่า”

“ทำอย่างนั้นจะสนุกอะไร” เจียเหม่ยส่ายหน้าไม่เห็นด้วยกับคำพูดนั้น

“ความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นด้วยการหลอกลวง มันจะทำให้ความสัมพันธ์นั้นเปราะบางและไม่มั่นคง”

เอ๋าเอ้อร์หลงยิ้ม รู้สึกพอใจที่ได้สนทนากับเซียนหน้าปานผู้นี้เสียแล้ว ความตรงไปตรงมาและแววตาที่เต็มไปด้วยความฉลาดและใคร่รู้ของนางช่างน่าสนใจ

“ความสัมพันธ์จะเปราะบางหรือไม่ขึ้นอยู่กับตัวตนของแต่ละฝ่าย และการที่ข้าทำแบบนี้ก็เพราะอยากจะรู้ว่าสตรีที่งดงามอย่างชิงลี่นั้นมีนิสัยอย่างไร”

“ไม่น่าเชื่อ”

“อะไรที่เจ้าว่าไม่น่าเชื่อ จริงสิ คุยกันมาตั้งนานข้ายังไม่รู้เลยว่าเจ้าชื่ออะไร” มังกรหนุ่มถามบ้าง

“ข้าแซ่หลิวชื่อเจียเหม่ยเจ้าค่ะ ถ้าจะเรียกตามฉายาที่บรรดาเซียนเรียกกันก็คือหญิงอัปลักษณ์แห่งสวนท้อ” ไม่มีการประชดประชันอยู่ในคำพูดนั้น นางพูดถึงตัวเองราวกับว่าฉายาที่บรรดาเซียนตั้งให้นั้นเป็นเรื่องตลก

“เจ้าไม่โกรธเหรอที่ถูกตั้งฉายาแบบนี้ให้” นางฟ้าหน้าปานส่ายหน้า

“มันเป็นเรื่องจริง ถ้าเซียนพวกนั้นพูดเรื่องไม่จริงถึงจะน่าโกรธกว่า” มังกรหนุ่มอมยิ้ม

“เอาละ กลับมาเรื่องที่เราเพิ่งคุยกันเมื่อสักครู่ต่อ อะไรที่เจ้าว่าไม่น่าเชื่อ” เจียเหม่ยมองสบตามังกรหนุ่มเล็กน้อย

“ถ้าข้าพูดออกมาท่านจะไม่โกรธนะเจ้าคะ”

“พูดมาเถอะ”

“ที่ว่าไม่น่าเชื่อว่าท่านจะอยากรู้จักนิสัยของสตรีก็เพราะว่าคำร่ำลือที่เกี่ยวกับท่านเจ้าค่ะ ท่านเป็นมังกรเจ้าสำราญ อีกทั้งยังหมกมุ่นกับเรื่องของสาวงาม ดังนั้นข้าจึงคิดว่าขอเพียงแค่สตรีนางนั้นงดงาม ท่านก็พึงพอใจแล้ว และท่านไม่น่าจะสนใจนิสัยของพวกนาง”

“ท่านไม่โกรธข้าใช่ไหมเจ้าคะ ที่พูดจาไม่มีมารยาทออกมา” เจียเหม่ยถามต่อ

“ข้าก็คงเหมือนเจ้า มันเป็นเรื่องจริง บางครั้งข้าก็มองแต่ความงามจนลืมนึกถึงเรื่องของนิสัยใจคอไป แต่ครั้งนี้เพราะชิงลี่งามมาก งามเสียจนข้าคิดว่าอยากจะรู้จักนางมากขึ้น เลยทำให้ปลอมตัวมาเพื่ออยากที่จะรู้จักนางให้มากขึ้น เจ้ารู้อย่างนี้แล้วหวังว่าคงไม่เปิดเผยตัวตนของข้าหรอกนะ”

นางเซียนหน้าปานมองสบตาคมขององค์ชายมังกรนิ่ง ก่อนที่จะพยักหน้ายินยอมช้าๆ

“ขอบใจเจ้ามาก”

“ข้าจะไม่เปิดเผยตัวตนของท่าน แต่มีข้อแม้เจ้าค่ะ”

“ข้อแม้รึ” เอ๋าเอ้อร์หลงเลิกคิ้ว คิดไม่ถึงว่านางจะกล้าต่อรอง

“เจ้าค่ะ”

“รู้ไหมว่าเจ้าไม่ควรต่อรองกับข้า เพราะมันอาจจะทำให้ข้าไม่พอใจและสาปเจ้าได้นะ” ถึงแม้จะขู่ แต่ว่าน้ำเสียงของมังกรหนุ่มกลับไม่จริงจังนัก

“ข้ารู้ว่าการต่อรองกับองค์ชายมังกรไม่ใช่เรื่องดี แต่ว่าถ้าท่านยอมมันก็ย่อมส่งผลดีกับข้า ดังนั้นข้าเลยคิดว่าน่าเสี่ยงเจ้าค่ะ” เอ๋าเอ้อร์หลงยิ้ม นึกพอใจในความกล้าของนาง

“ว่ามา”

“องค์ชายได้ชื่อว่าเป็นอาจารย์ของเหล่ามังกร และท่านมีชื่อเสียงมากในเรื่องงานศิลปะโดยเฉพาะภาพวาด ข้าอยากให้ท่านสอนข้าวาดภาพเจ้าค่ะ นอกจากนั้น ท่านได้ชื่อว่าเป็นนักดนตรีที่เก่งกาจ ท่านเก่งเรื่องเพลงขลุ่ย ข้าอยากให้ท่านสอนเจ้าค่ะ” องค์ชายมังกรนิ่งและมองภาพวาดที่ติดอยู่ตรงผนังห้อง

“เจ้าวาดภาพพวกนี้ใช่หรือไม่”

“เจ้าค่ะ”

“เจ้าก็วาดได้ดีนี่”

จากที่เห็นนางเซียนหน้าปานตนนี้มีฝีมือพอสมควร หากฝึกฝนบ่อยๆ นางจะต้องเป็นเซียนที่มีฝีมือมากตนหนึ่งเลยทีเดียว

“ข้าวาดได้ดี แต่ยังไม่สามารถวาดภาพให้มีชีวิตได้เหมือนที่ท่านวาดเจ้าค่ะ”

“เรื่องดนตรี เจ้าอยากจะเรียนไปทำไม นางฟ้าดูแลสวนท้อไม่จำเป็นต้องเรียนดนตรีเสียหน่อย” คราวนี้เจียเหม่ยส่ายหน้าไม่เห็นด้วย

“ไม่ว่าจะเป็นนางฟ้าดูแลสวนท้อ หรือเป็นแค่นางฟ้าชั้นรองก็ไม่เกี่ยวเจ้าค่ะ ว่ากันว่าดนตรีสามารถช่วยบำรุงและฟื้นฟูจิตใจของผู้เล่นรวมทั้งผู้ฟังได้ ข้าเองก็อยากจะเป่าขลุ่ยให้กับบรรดาต้นท้อที่ข้าดูแลฟัง”

“เป่าขลุ่ยให้ต้นท้อนี่นะ ต้นไม้ไม่มีหู”

“แต่ต้นไม้มีชีวิตเจ้าค่ะ” นางเถียง

“ถ้าข้าไม่ยอมทำตามที่เจ้าบอก”

“เรื่องที่ท่านปลอมตัวมาจะกระจายไปอย่างรวดเร็ว จริงอยู่มันอาจจะทำให้ท่านสมหวังกับชิงลี่ แต่เรื่องนี้จะไม่ง่ายแน่นอนหากเจ้าแม่สวรรค์ทรงทราบ เจ้าแม่คงไม่ทรงปลื้มนักที่มีบุรุษลักลอบเข้ามาโปรยเสน่ห์ใส่นางฟ้าที่พระองค์ทรงดูแลเจ้าค่ะ”

องค์ชายรองแห่งทะเลใต้เหล่ตามองผู้พูดเล็กน้อย นางผู้นี้ฉลาดกว่าที่คิดไว้มาก

“ตกลง ข้ายอมรับข้อเสนอของเจ้า ในสวนท้อแห่งนี้เจ้าจะเป็นลูกศิษย์ของข้า และแน่นอนว่าเจ้าเป็นลูกศิษย์ตนแรกที่มีหน้าตาอัปลักษณ์ที่สุด” เอ๋าเอ้อร์หลงยอมรับข้อแม้นั้นและตอบแบบติดประชดเล็กน้อยในตอนท้าย

“ถ้าอย่างนั้นข้าก็เรียกท่านว่าท่านอาจารย์ได้แล้วใช่ไหมเจ้าคะ”

“ก็ได้ จะเรียกข้าว่าอะไรก็ตามใจเจ้า”

“แล้วเราจะเริ่มเรียนกันเมื่อไหร่เจ้าคะ” ท่าทางกระตือรือร้นของนางทำให้องค์ชายมังกรยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย

“เจ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น”

“ตอนนี้ท่านเพิ่งสร่างเมา ดังนั้นข้าอยากให้ท่านอาจารย์ได้พักผ่อนอีกสักหน่อย อีกทั้งข้าเองก็มีงานที่จะต้องทำด้วย ดังนั้นท่านพักที่นี่ได้ตามสบายนะเจ้าคะ”

หลังจากที่สร่างเมาเอ๋าเอ้อร์หลงก็เริ่มสำรวจกระท่อมเงียบๆ ถ้าดูจากภายนอกที่นี่ก็ไม่ต่างจากกระท่อมธรรมดาทั่วไป แต่เมื่อเข้ามาด้านในจะพบว่านอกจากความสะอาดแล้วยังอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ เป็นกลิ่นที่พอดมแล้วรู้สึกผ่อนคลายเป็นที่สุด

จะว่าไปกลิ่นกายของนางฟ้าหน้าปานผู้นั้นก็หอมอ่อนๆ เหมือนกลิ่นกลีบดอกไม้แรกแย้มที่บริสุทธิ์ เวลาอยู่ใกล้ๆ จะรู้สึกผ่อนคลายมาก นอกจากกลิ่นหอมจากตัวแม่นางฟ้าหน้าปานและกลิ่นของดอกไม้แล้วที่นี่ยังมีสมุนไพรหลายชนิด

ที่ท้ายกระท่อมมีสวนเล็กๆ มีการจัดสวนแบบเรียบง่ายแต่มองแล้วสบายตา ตรงท้ายสวนมีโรงเรือนที่ด้านในเต็มไปด้วยต้นอ่อนของต้นท้อ แต่ถึงแม้ว่าจะมีมากแค่ไหน ก็มีการจัดระเบียบไว้อย่างเรียบร้อยเป็นที่เป็นทาง

“ท่านอาจารย์สร่างเมาดีแล้วหรือเจ้าคะ” เจียเหม่ยเอ่ยถาม มังกรหนุ่มพยักหน้ารับและทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้ที่ตั้งอยู่หน้าโรงเรือนเพาะต้นไม้

“ต้นท้อที่เจ้าปลูกงามมาก และที่นี่มีกลิ่นหอมที่พอสูดดมเข้าไปทำให้ข้ารู้สึกผ่อนคลายเป็นที่สุด”

“ข้ามีหน้าที่ดูแลสวนท้อ ดังนั้นข้าจึงต้องทำให้ต้นท้อที่นี่งามที่สุดเจ้าค่ะ ส่วนกลิ่นแบบนี้ถ้าท่านชอบ ถ้าอย่างนั้นโปรดรับสิ่งนี้ไว้ด้วยเจ้าค่ะ” พูดจบเจียเหม่ยก็ส่งถุงเครื่องหอมที่ปักเองให้กับมังกรหนุ่ม เอ๋าเอ้อร์หลงรับมาถือไว้มองลวดลายที่ถูกปักลงบนถุงเครื่องหอม ถึงแม้จะมีขนาดเล็กแต่ลายปีกรูปผีเสื้อก็ละเอียดมาก

“เจ้าเก่งมาก ฝีมือปักผ้าของเจ้าดีมาก เก็บรายละเอียดทุกอย่างได้ดี”

“ขอบใจอาจารย์ที่ชมข้าเจ้าค่ะ ท่านอาจารย์หิวหรือยัง ข้าจะได้นำอาหารมาให้ ท่านอยากจะกินอะไรเป็นพิเศษไหมเจ้าคะ”

“ไม่ต้องลำบากหรอก ข้าเป็นพวกกินง่ายอยู่ง่าย ดังนั้นข้าสามารถกินอาหารแบบเดียวกับเจ้าได้” เอ๋าเอ้อร์หลงบอก

เขาไม่อยากให้ผู้ใดต้องมาเดือดร้อนเพราะตน อีกทั้งการทำตัวเรียบง่ายและไม่ถือตัวเป็นเรื่องที่มังกรแห่งทะเลใต้ปฏิบัติกันมาแบบรุ่นต่อรุ่นด้วย

“ถ้าอย่างนั้นท่านรอสักครู่นะเจ้าคะ วันนี้มีไก่ขอทาน”

“ไก่ขอทาน อาหารของมนุษย์อย่างนั้นรึ”

“เจ้าค่ะ”

“เจ้าทำอาหารเป็น”

“พอทำได้เจ้าค่ะ แต่ไม่ได้เก่งอะไร” นางพูดจบแล้วก็เดินจากไป และสักพักก็กลับมาอีกครั้งพร้อมถาดที่มีอาหารวางอยู่

องค์ชายรองแห่งวังมังกรอมยิ้มเมื่อได้รับรู้ถึงรสชาติของอาหารตรงหน้า มันอร่อยมาก ยิ่งกินคู่กับเหล้าชั้นดีที่นางเซียนหน้าปานผู้นี้เอามาให้ยิ่งเข้ากัน

“เหล้านี่รสชาติดีมาก ข้าไม่เคยดื่มเหล้าที่มีกลิ่นหอมและรสชาติละมุนคอแบบนี้มาก่อนเลย”

“เหล้านี่เป็นเหล้าหมักจากลูกท้อเจ้าค่ะ กลิ่นจะหอมต่างจากเหล้าบ๊วยเล็กน้อย ส่วนที่กลิ่นหอมที่ต่างไปก็เพราะมีกลีบดอกไม้เก้าชนิดหมักไปด้วย”

“หนึ่งในนั้นคงเป็นกลีบท้อ”

“ท่านอาจารย์รู้ได้อย่างไรเจ้าคะ” นางถามด้วยความแปลกใจ

“ก็ที่นี่เป็นสวนท้อ และดูเหมือนว่าอาหารแทบทุกอย่างจะมีส่วนผสมของกลีบท้อด้วย”

เจียเหม่ยยิ้ม รอยยิ้มนั้นสดใสจนทำให้ผู้ที่มองพลอยมีความสุขไปด้วย

“เจียเหม่ย เจียเหม่ย”

การสนทนาจบลงเมื่อมีเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมา นางฟ้าหน้าปานทำสัญญาณมือเป็นการบอกให้องค์ชายมังกรอยู่เงียบๆ จากนั้นนางก็เดินออกมาเพื่อไปพบผู้ที่กำลังเรียก

นางฟ้าหน้าปานส่งยิ้มให้กับเพื่อนนางฟ้าโฉมงามที่ยืนอยู่ที่หน้ากระท่อมที่พักของตน ชิงลี่ยิ้มตอบให้กับเพื่อนนางฟ้าและเดินเข้าไปหาทันที

“เจียเหม่ย ข้ามีเรื่องอยากที่จะขอร้องเจ้า” เจียเหม่ยยิ้ม พอจะรู้ว่าชิงลี่ต้องการอะไร

“เจ้าอยากจะให้ข้าช่วยดูแลสวนท้อในส่วนของเจ้าใช่ไหมชิงลี่”

“แหม เจ้านี่ช่างรู้ใจข้าเสียจริง พอดีข้ามีนัดกับบรรดาเพื่อนนางฟ้าจะไปชมผ้าที่สาวทอผ้าทอเอาไว้กัน ว่ากันว่าผ้าทอครั้งนี้งดงามมาก ข้าเลยอยากจะไปดูให้เห็นกับตา บางทีข้าอาจจะได้ชุดเสื้อผ้าใหม่ๆ กลับมาด้วย และแน่นอนว่าข้าอาจจะได้ผ้าสวยๆ มาให้เจ้า” ชิงลี่หาข้ออ้างแต่ก็ไม่คิดที่จะเอาผ้าชั้นดีมาฝากอย่างที่พูด

“ไม่ต้องเอาของอะไรมาฝากข้าหรอก ข้าอยู่สวนท้อ ไม่ได้ออกไปไหนบ่อยนัก อีกทั้งเจ้าแม่ประทานเสื้อผ้าให้ข้าหลายชุดแล้ว ว่าแต่เจ้าจะไปนานแค่ไหน”

“แค่เจ็ดราตรีเท่านั้น” เจียเหม่ยมองสบตาฝ่ายตรงข้ามเล็กน้อย

“ข้าดูแลให้เจ้าได้แค่ห้าราตรีเท่านั้น เพราะในวันที่หกข้าต้องไปเมืองเงือก” นางฟ้าหน้าปานบอกและมันทำให้ชิงลี่ไม่ค่อยพอใจนัก

“สถานที่ที่เจ้าไปไม่เห็นจะมีอะไรน่าสนใจ และไม่มีความจำเป็นเลยที่เจ้าจะต้องไปทุกปี”

“สถานที่นั้นสำคัญกับข้ามากชิงลี่ ข้ามาจากตรงนั้น” นางฟ้าโฉมงามถึงกับถอนหายใจเมื่อฟังจบ เพราะเท่ากับว่าเวลาแห่งความสนุกของตนจะลดลงเหลือเพียงแค่ห้าราตรี

“ก็ได้ ห้าราตรีก็ได้ ขอบใจเจ้ามากนะเจียเหม่ย เจ้าเป็นเพื่อนที่ดีเสมอ”

“ชิงลี่ เมื่อสองวันก่อนเจ้าหลอกให้เซียนตนหนึ่งเข้าไปดื่มเหล้าในโรงเก็บเหล้ามาใช่หรือไม่” เจียเหม่ยเอ่ยถามเสียงเย็น

คำถามนั้นไม่ได้ทำให้ชิงลี่ตกใจแต่อย่างใด ตรงกันข้ามนางกลับยิ้มราวกับว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา

“เซียนตนนั้นลมปราณสลายหายไปแล้วใช่หรือไม่ สมน้ำหน้าเป็นเพียงแค่เซียนชั้นผู้น้อย แต่กลับใฝ่สูงเกินตัว สมควรที่จะลมปราณสลายและหายไปราวกับไร้ตัวตน รู้ไหมว่าข้าไม่ชอบเลยพวกที่ใฝ่สูงแบบนั้น หายไปได้จะได้ไม่มีอะไรมารกหูรกตาข้า” น้ำเสียงที่พูดออกมานั้นค่อนข้างจะห้วน ทำเอาคนที่แอบฟังแอบไม่พอใจ

“จะเป็นเซียนชั้นผู้น้อยหรือเป็นเทพชั้นสูง ก็ล้วนแต่เป็นเซียนเช่นเดียวกัน ดังนั้นเจ้าควรจะดีกับเขาบ้าง”

“เจียเหม่ย ฟังข้านะ ชายผู้นั้นก็เหมือนกับบรรดาเซียนที่ข้าเคยเจอ เซียนพวกนั้นต่างชื่นชมในความงามของข้าทั้งนั้น และมันน่าเบื่อ ข้างดงามขนาดนี้ ข้าคงไม่ทำให้ความงามของตนต้องมัวหมองโดยการสานสัมพันธ์กับเซียนระดับล่าง”

นางฟ้าหน้าปานมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก เมื่อฟังคำตอบจากเพื่อนนางฟ้า

“แต่ชายผู้นั้นพยายามที่จะใกล้ชิดเจ้ามากกว่าเซียนตนอื่น แสดงว่าเขาจริงจังกับเจ้า เจ้าไม่น่าแกล้งเขาและอีกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเซียนชั้นผู้น้อย หรือเซียนชั้นสูง ขอแค่มีความจริงใจก็น่าจะพอไม่ใช่เหรอ”

“คางคกจะกินเนื้อหงส์ฟ้าไม่ได้ ข้าไม่มีทางมองเซียนชั้นผู้น้อยแบบนั้น ดูเหมือนเจ้าจะสนใจชายผู้นั้นนะ หรือว่าลมปราณเขายังไม่สลาย”

“ใช่ ตอนนี้เขาพักอยู่ด้านในกระท่อม เจ้าอยากจะไปเยี่ยมเขาไหม ขอโทษที่หลอกให้ดื่มเหล้าแรงๆ เข้าไป”

“แสดงว่าต้องเป็นเซียนที่เก่งมากพอสมควร แต่ถึงจะเก่งแค่ไหนก็ยังไม่คู่ควรกับข้าอยู่ดี และข้าไม่มีทางเข้าไปเยี่ยมหรือพูดคุยกับเขาเป็นอันขาด ข้าไม่ลดตัวลงไปทำเรื่องแบบที่เจ้าว่าแน่ เจ้าไม่ควรพูดถึงเซียนตนนั้นอีกเพราะข้าไม่อยากฟัง เอาเป็นว่าข้าขอบใจเจ้ามากที่รับปากจะช่วยดูแลสวนท้อในส่วนของข้า ส่วนเรื่องเซียนผู้นั้นข้าคิดว่าเจ้าไม่ควรดีกับเขามากนัก แต่ถ้าอยากจะได้เด็กรับใช้สักคน ข้าว่าเขาก็เหมาะนะ” ชิงลี่แนะนำและเดินจากไปโดยที่ไม่สนใจผู้ใด ทิ้งให้เจียเหม่ยมองตามไปด้วยความระอา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel