ตอนที่ 4 เริ่มต้นทำตามข้อตกลง
ตอนที่ 4
เริ่มต้นทำตามข้อตกลง
คำพูดของชิงลี่ทำให้เอ๋าเอ้อร์หลงที่แอบฟังถึงกับส่ายหน้า ความงามของนางหายไปแทบจะหมดสิ้น ยามเมื่อเอ่ยปากเจรจา
หญิงสาวที่หยิ่งและดูถูกผู้ที่ต่ำต้อยกว่าไม่ควรที่จะได้รับความสนใจจากชายใดทั้งนั้น และดูเหมือนว่านางเซียนคนงามผู้นั้นจะไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่ที่ได้รับมาเสียด้วย
ฟังจากการสนทนาที่ชิงลี่กับเจียเหม่ยพูดคุยกันก็พอจะเดาเรื่องราวได้ไม่ยากว่า แม่โฉมงามผู้นั้นชอบโยนความรับผิดชอบให้กับอีกฝ่าย เมื่อได้ยินได้เห็นเรื่องแบบนี้ก็ทำให้ความเสน่หาในตัวของชิงลี่หมดไปแทบจะทันที รวมถึงความอยากเอาชนะและอยากได้ใจของนางมาครอบครองก็หมดไปด้วย
ถ้าไม่ติดว่าได้สัญญากับแม่นางฟ้าหน้าปานไว้ว่า จะสอนนางวาดภาพและสอนขลุ่ยให้นางแล้วละก็คงจะไม่อยู่ที่นี่แล้ว
ความคิดของมังกรหนุ่มหยุดลงเมื่อเจียเหม่ยเดินกลับเข้ามาด้านใน นางถือถ้วยถ้วยหนึ่งเข้ามาด้วย ท่าทางการเดินและกิริยาของนางผู้นี้ขัดกับหน้าตา เพราะถึงแม้หน้าตาจะไม่น่ามอง แต่ทว่าท่วงท่าการเดินกลับนุ่มนวลแฝงไปด้วยความสง่างามอยู่ในที
“ซุปลูกสนเจ้าค่ะ” เจียเหม่ยพูดหลังจากวางถ้วยอาหารตรงหน้าเขาเรียบร้อยแล้ว
“ซุปลูกสนรึ”
“ใช่เจ้าค่ะ”
“เหมือนกับซุปลูกสนทั่วไปที่ใส่พุทราจีนกับมันฮ่อ (วอลนัท) แต่ที่นี่มีกลีบท้อด้วย” องค์ชายมังกรเอ่ยขึ้นหลังจากที่พิจารณาอาหารตรงหน้าเรียบร้อยแล้ว สีสันของกลีบท้อที่ใส่ลงไปนอกจากจะช่วยสร้างความสวยงามแล้ว กลิ่นของมันยังหอมอีกด้วย
“กลีบท้อช่วยทำให้มันหอมและน่ารับประทานมากขึ้นเจ้าค่ะ ซุปถ้วยนี้อาจจะทำให้ท่านหายหงุดหงิดได้” มังกรหนุ่มพยักหน้ารับและตักซุปนั้นเข้าปากช้าๆ รสชาติหวานอ่อนๆ และกลิ่นหอมที่ลอยออกมาทำให้เอ๋าเอ้อร์หลงพอใจ
“ข้าคิดว่าท่านคงได้ยินบทสนทนาเมื่อสักครู่แล้ว”
“ใช่” เอ๋าเอ้อร์หลงพยักหน้ารับ
“อย่าโกรธชิงลี่เลยนะเจ้าคะ ที่นางพูดแบบนั้นออกมาเพราะนางไม่รู้ว่าท่านคือใคร” เจียเหม่ยแก้ตัวแทนเพื่อนนางฟ้า เอ๋าเอ้อร์หลงมองสบตาคู่สวยแล้วถอนหายใจ
“ความงามของนางหมดไปเมื่อเริ่มพูด”
“ท่านพักที่นี่ก่อนนะเจ้าคะ ข้าจะออกไปข้างนอกสักครู่” นางฟ้าหน้าปานเปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายอารมณ์เสีย
“เจ้าจะไปไหน”
“ข้าต้องไปดูสวนท้อเจ้าค่ะ ตอนนี้ข้าทดลองชำกิ่งเหมยจากสวนสวรรค์อยู่ ข้าเลยอยากที่จะรู้ว่ามันเป็นอย่างไรบ้าง” นางเดินจากไปเงียบๆ ทิ้งให้มังกรหนุ่มนั่งรับประทานอาหารที่จัดให้อยู่เพียงลำพัง
“เจียเหม่ยเป็นนางฟ้าที่เฉลียวฉลาด นางเป็นนางฟ้าที่ดีมาก แต่เพราะปานที่ใบหน้าทำให้ไม่ค่อยมีเซียนตนไหนอยากจะสนทนากับนางมากนัก แต่ถึงอย่างนั้นนางก็เป็นที่รักของพวกเด็กๆ ที่ดูแลสวนท้อ และที่สำคัญเหล้าหมักจากลูกท้อที่นางทำเองนั้นรสชาติดีมากด้วย”
หยางจิ้นเหอเล่าเรื่องของนางเซียนหน้าปานให้กับองค์ชายมังกรฟัง น้ำเสียงมีความเอ็นดูอยู่เต็มเปี่ยม
“ความจริงข้าอยากที่จะออกจากที่สวนท้อเสียตั้งแต่วันนี้ แต่ก็ทำไม่ได้เพราะได้ให้สัญญากับนางไว้”
“ท่านจะออกจากสวนท้อ แปลว่าท่านถอดใจจากชิงลี่แล้วอย่างนั้นรึ” เซียนเฒ่าเอ่ยถามด้วยความใคร่รู้ ไม่น่าเชื่อว่ามังกรหนุ่มจะถอดใจง่ายๆ
“จะเรียกว่าถอดใจก็ไม่ถูก เรียกว่าความประทับใจเมื่อแรกพบมันหายไปจะเหมาะกว่า เพราะความงามทำให้ข้าลงทุนทำเรื่องบ้าๆ แต่เพราะคำพูดของนางเพียงไม่กี่คำทำให้ข้าหมดความสนใจ ถามหน่อยสินางนิสัยเป็นอย่างไร บอกข้าแบบตรงไปตรงมาได้หรือไม่” เซียนเฒ่าถอนหายใจเบาๆ
“ข้าพูดได้เพียงแค่ว่าชิงลี่มีความงามที่โดดเด่น นางงามที่สุดในสวนท้อ และจะว่าไปนางงามมากงามจนต้องหันกลับมามอง ความงามนั้นล้ำค่ามากแต่หากจะพูดถึงนิสัย ข้าบอกได้เพียงแค่ว่ามันตรงข้ามกับความงามของใบหน้ามากนัก” หยางจิ้นเหอบอกตามตรง
ความจริงก็แอบอ่อนใจกับพฤติกรรมหลายอย่างของชิงลี่อยู่มาก หลายครั้งที่เรียกมาเตือน แต่ทว่าดูเหมือนจะไม่ได้รับความสนใจมากนัก
“ข้าอาจจะต้องอยู่ที่นี่อีกสักพัก เพื่อทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับเจียเหม่ย นางช่วยข้าไว้ดังนั้นก็ควรจะตอบแทน” มังกรหนุ่มเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับตนให้เซียนเฒ่าฟัง
“ท่านจะได้ลูกศิษย์ที่เยี่ยมยอดแน่ นางเรียนรู้ได้เร็ว ท่านจะไม่ผิดหวังที่ได้สอนนาง”
“ข้าสอนบรรดามังกรมาหลายพันปี ขอแค่นางตั้งใจข้าก็ดีใจแล้ว”
“เวลาเจ้าตวัดพู่กันวาดภาพลงบนพื้นกระดาษพวกนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดนอกจากน้ำหมึกแล้วคือใจ”
เอ๋าเอ้อร์หลงอธิบายให้กับลูกศิษย์หน้าปานของตนฟังด้วยน้ำเสียงที่เป็นการเป็นงาน ถึงแม้จะได้ชื่อว่าเป็นมังกรเจ้าสำราญแต่ทว่าเวลาทำหน้าที่สั่งสอนผู้ใดแล้วมังกรหนุ่มจะจริงจังมาก
“ใจหรือเจ้าคะ”
“ใช่ ใจจะส่งผลไปถึงภาพที่เจ้าวาด แสดงความรู้สึกผ่านลายเส้นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเส้นตรงหรือเส้นโค้ง”
“ใครจะสังเกตขนาดนั้นหรือเจ้าคะ” นางยังคงถามต่อ
“อย่างน้อยก็ข้า เมื่อพร้อมแล้วข้าอยากให้เจ้าวาดต้นไม้สักต้น หลับตาลงและจินตนาการถึงต้นไม้ จากนั้นค่อยวาด”
เมื่อฟังจบเจียเหม่ยก็ทำตามที่อีกฝ่ายบอก นางค่อยๆ ลงมือวาดภาพต้นไม้ขึ้นมาต้นหนึ่ง ไม่นานนักภาพวาดนั้นก็เสร็จเรียบร้อย
ภาพวาดของต้นไม้ต้นใหญ่ แผ่กิ่งก้านไปทั่ว แต่ทว่าต้นไม้นั้นกลับไร้ใบ และจากสีที่นางลงต้นไม้ต้นนี้ยืนต้นตายด้วย ลายเส้นที่วาดมีความมั่นคง แต่ถึงอย่างนั้นก็ลื่นไหลและแฝงไปด้วยความนุ่มนวล อ่อนโยนและสุภาพไปในที
“ทำไมถึงวาดต้นไม้ที่ยืนต้นตาย”
เจียเหม่ยยิ้มและมองสบตาอีกฝ่ายก่อนที่จะตอบ
“ถึงจะตาย แต่ความใหญ่โตและกิ่งก้านของมันก็ยังให้ร่มเงาได้อยู่เจ้าค่ะ”
เอ๋าเอ้อร์หลงพยักหน้ารับ และหันมาพิจารณาภาพวาดอีกครั้ง
“เจ้าวาดภาพได้ดี ดีมากเสียด้วย ขอเพียงแค่ฝึกมากๆ เจ้าจะมีฝีมือแบบไร้คู่แข่งเลยทีเดียว”
“ข้าอยากวาดภาพให้ได้เหมือนท่านเจ้าค่ะ”
“ทำไม”
“ข้าเคยเห็นภาพวาดของท่าน ไม่ว่าท่านจะวาดอะไรก็เหมือนสิ่งนั้นมีชีวิต ท่านวาดนกก็เหมือนกับนกนั้นกำลังสะบัดปีกบินอยู่บนท้องฟ้า ท่านวาดต้นไม้ก็เหมือนกับว่าใบไม้กำลังสั่นไหวยามต้องลมพัด ข้าอยากทำให้ภาพวาดที่ข้าวาดนั้นมีชีวิตแบบที่ท่านทำเจ้าค่ะ”
“เรื่องแบบนี้ขึ้นอยู่กับการฝึกฝน ขอเพียงเจ้าวาดบ่อยๆ และใช้ความรู้สึกวาดเจ้าย่อมทำได้” มังกรหนุ่มให้กำลังใจ
จะว่าไปถ้าหากจะเทียบกับบรรดาลูกศิษย์ที่มาเรียนวาดภาพกับตนแล้ว นางฟ้าหน้าปานผู้นี้เรียนรู้ได้เร็วจนน่าประทับใจ อาจจะเป็นเพราะนางมีความตั้งใจเป็นอย่างมากนั่นเอง
“ข้าจะพยายามเรียนรู้กับท่านให้ได้มากที่สุดเจ้าค่ะ”
“ดีมาก เอาละ เราวาดภาพกันมาพักใหญ่ๆ แล้ว และข้าอยากจะได้ชาสักถ้วย” เอ๋าเอ้อร์หลงบอกความต้องการของตนเองออกมา
“ข้าจะชงชาให้ท่านอาจารย์เองเจ้าค่ะ”
“มันควรจะเป็นแบบนั้น”
ท่าทางคล่องแคล่วของเจียเหม่ยทำให้มังกรเจ้าสำราญยิ้มปลื้ม เพราะแค่เห็นขั้นตอนแรกซึ่งก็คือการตักใบชาก็รู้แล้วว่านางผู้นี้มีความชำนาญมากแค่ไหน เพราะนางตักชาใส่ป้าน ชาในปริมาณที่พอเหมาะพอดี ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไปโดยเหลือพื้นที่ให้ใบชาคลายตัวและสัมผัสกับน้ำร้อนอย่างทั่วถึงด้วย
การตักชาแบบนี้ต้องอาศัยความชำนาญ จากนั้นนางจึงเทน้ำร้อนใส่ในป้านในลักษณะที่ยกสูงตามหลัก ชงสูง รินต่ำ รีบเทน้ำร้อนออกเพื่อล้างใบชา เมื่อล้างใบชาเรียบร้อยก็ลวกจอกที่จะใช้ดื่ม
ขั้นตอนต่อมานางเอาน้ำร้อนที่ลวกใบชาครั้งแรก เทลวกป้านชาด้านนอก การทำแบบนี้ก็เพื่อรักษาอุณหภูมิ ก่อนที่เริ่มรินน้ำร้อนลงในป้านชาอีกครั้ง ในลักษณะยกมือขึ้นสูงเทให้น้ำร้อนไหลเป็นสายยาวโดยใช้น้ำไปกระแทกใบชาทำให้ใบชาคลี่ตัว
เจียเหม่ยปิดฝาจากนั้นก็ใช้น้ำร้อนเทราดภายนอกป้านชาอีกครั้ง เสียงหวานเริ่มนับหนึ่งจนกระทั่งถึงห้าสิบ เมื่อได้ที่ก็เทชาใส่จอก นางรินน้ำชาต่ำๆ วิธีนี้ทำเพื่อไม่ให้กลิ่นชาเจือจาง ก่อนที่จะเลื่อนจอกชาส่งให้กับบุรุษที่นั่งรออยู่
“ชาจอกนี้ต้องรสชาติดีมากอย่างไม่ต้องสงสัย”
“ท่านอาจารย์ยังไม่ทันได้ดื่มจะรู้ได้อย่างไร”
“แค่เห็นเจ้าใช้วิธีชงสูง รินต่ำ กวาดฟอง ลวกกา ลวกถ้วยชา แค่นี้ก็รู้แล้ว” มังกรหนุ่มพูดพร้อมทั้งยกถ้วยน้ำชาขึ้นมา สูดดมกลิ่นของชาต่อจากนั้นก็ค่อยๆ จิบชาในถ้วยแบบไม่รีบร้อนนัก
“หอมและรสชาติดีแบบที่คิดไว้จริงๆ เจ้าเก่งมากนะเจียเหม่ย จะว่าไปเจ้าเป็นนางเซียนที่ต่างกับบรรดานางเซียนตนอื่นที่ข้าเคยพบ เจ้าไม่สวย แต่เจ้ามีความสามารถในตัว ความสามารถพวกนี้เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของสตรี”
“ข้ารู้แล้วว่าทำไมบรรดานางฟ้าถึงได้ชื่นชอบท่านนัก” เจียเหม่ยยิ้มเมื่อได้รับคำชม
“ไหนบอกมาสิ”
“นอกจากบุคลิกภายนอกไม่ว่าจะหน้าตา ความสง่างาม และความสามารถที่หลากหลายของท่านแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือคำพูด น้ำเสียงของท่านอาจารย์นุ่มนวลเวลาพูด แถมแววตายังมีประกายระยิบระยับอีกต่างหาก มันเป็นเสน่ห์ที่ไร้เทียมทาน”
องค์ชายรองแห่งทะเลใต้อมยิ้มน้อยๆ เมื่อฟังคำชมนั้นจบ
“แต่ชิงลี่เพื่อนของเจ้าไม่หลงเสน่ห์”
“นั่นเพราะเวลาที่ท่านเจอนางท่านไม่ได้อยู่ในสภาพเดียวกับที่ท่านพูดกับข้าในตอนนี้ ท่านทำให้ตัวเองเหมือนเซียนชั้นผู้น้อยไร้ซึ่งสง่าราศี แต่ชิงลี่ต้องชื่นชอบท่านแน่ถ้าท่านพบนางแบบที่ข้าเจอตอนนี้”
“แสดงว่าเจ้าเองก็หลงเสน่ห์ของข้า” เจียเหม่ยนิ่งไปเล็กน้อยเมื่อถูกถามแบบนั้น แต่แล้วนางก็ส่ายหน้า
“ข้าเป็นลูกศิษย์ ดังนั้นการชื่นชมอาจารย์จึงมิใช่เรื่องแปลก”
“อย่างนั้นรึ แต่จะว่าไปตอนนี้ไม่ว่าชิงลี่จะสนหรือไม่สนใจข้า ก็ไม่มีความหมายอะไรแล้ว เพราะข้าจะอยู่ที่นี่อีกไม่นาน”
“ท่านหมายความว่าท่านจะไปหรือเจ้าคะ”
“ใช่ หลังจากที่ข้าสอนให้เจ้าเรียบร้อยแล้วข้าจะไปจากที่นี่”
“ท่านจะไม่อยู่เพื่อเอาชนะใจชิงลี่หรือเจ้าคะ” มังกรหนุ่มส่ายหน้า
“ไม่ล่ะ เบื่อแล้ว”
“ท่านเบื่อง่ายจัง”
“มีนกนับร้อยชนิดแต่ข้าเลือกพญาหงส์ ดอกไม้นับหมื่นนับพันข้าเลือกดอกโบตั๋น ดังนั้นสตรีที่ข้าต้องการจะต้องดีพร้อมไปในทุกด้าน ต้องไม่เหยียดหยามผู้ที่ต่ำต้อยกว่า ต้องมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตนเอง และแน่นอนว่านางจะต้องงามอย่างหาที่เปรียบมิได้ด้วย เมื่อชิงลี่ไม่ได้เป็นอย่างที่ข้าหวัง ทำไมข้าจะต้องเสียเวลาด้วย”
เจียเหม่ยรับฟังด้วยความสงบ ดูเหมือนว่ามังกรเจ้าสำราญตนนี้ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดหัวใจไว้ที่สตรีนางใดง่ายๆ ในเร็ววัน
การเรียนวาดภาพผ่านมาได้สามราตรี คืนที่สี่เอ๋าเอ้อร์หลงก็เริ่มสอนเป่าขลุ่ย มังกรหนุ่มอธิบายให้นางฟังถึงความสามารถของเครื่องดนตรีชนิดนี้ ก่อนที่จะเสกขลุ่ยหยกขึ้นมาหนึ่งเลา ตรงปลายขลุ่ยมีเชือกถักเป็นลายมงคลและมีพู่สีเขียวห้อยอยู่
มังกรหนุ่มส่งมันให้กับลูกศิษย์สาว เจียเหม่ยรับขลุ่ยหยกมาถือไว้ด้วยความตื่นเต้น นางลูบไล้ขลุ่ยเบาๆ และหันมามองสบตาผู้ให้เป็นเชิงถาม
“ท่านอาจารย์ให้ข้าหรือเจ้าคะ”
“ใช่”
“มันคือขลุ่ยหยกเลยนะเจ้าคะ และมันสวยมาก”
“เสียงที่ได้จากขลุ่ยหยกจะเบาและนุ่มนวล เสียงอาจจะไม่ค่อยสดใสนัก เสียงที่ได้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว หากเป่าดีๆ มันจะไพเราะมาก ข้าคิดว่ามันน่าจะเหมาะกับเจ้า”
“ท่านอาจารย์เป่าขลุ่ยให้ข้าฟังสักเพลงได้ไหมเจ้าคะ”
เอ๋าเอ้อร์หลงเลิกคิ้วเล็กน้อยแต่ก็ยอมทำตามที่นางขอโดยดี เสียงเพลงที่ออกมานั้นช่างอ่อนหวาน นุ่นนวลและไพเราะมาก เสียงเพลงที่ดังออกมาจากกระท่อม ทำให้ต้นท้อที่กำลังผลิดอกตูมออกมาสั่นไหวเบาๆ ราวกับว่าพวกมันกำลังเต้นรำผ่านเสียงเพลงที่ถูกบรรเลงขึ้นมา
ภาพของบุรุษรูปงามที่กำลังนั่งเป่าขลุ่ยช่างน่าหลงใหล แต่เสียงเพลงที่ดังออกมากลับชวนหลงยิ่งกว่า แม้แต่ผู้ที่ได้รับฟังอย่างเจียเหม่ยเองก็ถูกเสียงเพลงที่อ่อนหวานนั้นตรึงเอาไว้
ยังดีที่ช่วงเวลานี้เป็นยามราตรี จึงมีเพียงแค่องค์ชายรองแห่งทะเลใต้กับนางเพียงสองตน ไม่อย่างนั้นบรรดาเซียนชายหญิงที่ดูแลสวนท้อคงพากันมานั่งฟังกันพร้อมหน้าเป็นแน่
“เพราะจัง” เจียเหม่ยเอ่ยชมเมื่อเพลงจบลง
“ข้าไม่เคยได้ยินเพลงนี้มาก่อนเลยเจ้าค่ะ ท่วงทำนองอ่อนหวาน ละมุนละไม”
“เพลงนี้ชื่อว่าเพลงลำนำไข่มุก มันเป็นเพลงที่เล่นกันในวังบาดาลแห่งทะเลใต้เท่านั้น เป็นเพลงที่ชายผู้หนึ่งแต่งให้กับสตรีที่เขารักอย่างสุดหัวใจ พี่ขายใหญ่ของข้าแต่งให้พี่สะใภ้น่ะ”
“มิน่า ถึงได้ไพเราะจับใจ”
“เอาละ เจ้าพร้อมที่จะเรียนแล้วนะ”
“เจ้าค่ะ”
“หันปลายขลุ่ยไปทางขวามือเสมอนิ้วนางขวาปิดรูแรก นิ้วกลางขวาปิดรูที่สอง นิ้วชี้ขวาปิดรูที่สาม นิ้วนางข้างซ้ายปิดรูที่สี่ นิ้วกลางซ้ายปิดรูที่ห้า และนิ้วชี้ซ้ายปิดรูที่หก ไล่เสียงจากต่ำไปสูงโดยเปิดทีละรู” มังกรหนุ่มขยับตัวไปนั่งซ้อนหลังนักเรียนของตนและเริ่มอธิบายต่อ
“ริมฝีปากล่างจรดที่รูเป่า เป่าให้ดังเหมือนเป่าปากขวด อย่างแรกที่ต้องทำคือเป่าให้ขลุ่ยมีเสียงก่อน และต้องให้มีเสียงต่อเนื่องสม่ำเสมอ ซึ่งการฝึกในช่วงนี้สำหรับข้าคิดว่าเป็นเรื่องที่ยากที่สุด ต้องใช้ความพยายามและความอดทนมากแต่เมื่อผ่านขั้นนี้ได้แล้วเจ้าจะเรียนรู้ขั้นต่อไปได้ง่ายขึ้น ค่อยๆ หามุมถ้าหาได้เร็วเจ้าจะเป็นเร็วขึ้น”
นางเซียนหน้าปานทำตามคำแนะนำนั้นด้วยความตั้งใจ เวลาไม่นานนางก็สามารถทำให้ขลุ่ยนั้นเกิดเสียงได้
“ข้าทำได้แล้วเจ้าค่ะ”
“ดีมาก ลมที่ออกมาต้องออกจากกะบังลมไม่ใช่จากกระพุ้งแก้ม เอาละ เริ่มไล่เสียงต่ำไปสูงนะ” มังกรหนุ่มสอนต่อ ยิ่งเห็นว่าลูกศิษย์มีความตั้งใจและเรียนรู้ได้ไวขนาดนี้แล้วยิ่งอยากจะถ่ายทอดความรู้มากขึ้นกว่าเดิมอีกหลายเท่า
