ตอนที่ 1 สตรีอัปลักษณ์ในสวนท้อ
ตอนที่ 1
สตรีอัปลักษณ์ในสวนท้อ
เจ้าแม่สวรรค์ทรงยิ้มเมื่อเห็นสตรีที่อุ้มชูมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กหญิงเดินเข้ามาในตำหนัก นางผู้นี้ได้ชื่อว่าเป็นหญิงสาวที่อัปลักษณ์ที่สุดในสวนท้อ เนื่องจากมีปานสีแดงปรากฏอยู่เกินครึ่งของใบหน้า ทำให้ไม่ชวนมอง
แต่ทว่าภายใต้ความไม่น่ามองนั้นมีความอ่อนโยน เมตตา อ่อนหวาน และความเฉลียวฉลาดซ่อนอยู่ ทว่าหากผู้ใดได้พูดคุยหรือแลกเปลี่ยนความรู้กับนางแล้วล้วนแต่ชื่นชมทั้งสิ้น
“คารวะเจ้าแม่ ขอเจ้าแม่ทรงเกษมสำราญเจ้าค่ะ” เสียงหวานของหลิวเจียเหม่ยเอื้อนเอ่ยคำพูดที่กลั่นมาจากหัวใจ
สำหรับนาง เจ้าแม่สวรรค์คือผู้มีพระคุณเปรียบเสมือนมารดาที่คอยอุ้มชูและคอยปกป้องนางมิให้โดนพวกอันธพาลรังแก
“เจียเหม่ยไม่ต้องมากพิธีหรอก มาใกล้ๆ ข้าสิ” นางฟ้าหน้าปานเดินเข้ามาใกล้เจ้าแม่สวรรค์
“ยื่นมือออกมา” ทันทีที่นางยื่นมือออกไปกิ่งเหมยที่เต็มไปด้วยดอกของมันก็ถูกวางลงบนมือนั้น
“ดอกเหมยจากสวนสวรรค์ที่เจ้าอยากได้”
“ขอบพระทัยเจ้าแม่ค่ะ”
“ดูแลมันให้ดีล่ะ เจ้ารู้ดีว่าต้นไม้ทุกชนิดในสวนสวรรค์ถ้าเอาออกมาจากที่นั่นมันจะไม่คงทน”
“เจ้าค่ะ”
“เจ้าจะเอามันมาทำอะไรรึ”
“ข้าได้อ่านคัมภีร์ยาในหอยาสวรรค์มา ว่ากันว่ากลิ่นของดอกเหมยในสวนสวรรค์นั้นสามารถสร้างความสดชื่นและช่วยบำรุงร่างกายที่อ่อนเพลียได้ ถ้าเอามันมาเป็นส่วนผสมของยาดม น่าจะช่วยให้เจ้าแม่ผ่อนคลายได้ และข้าคิดว่าจะลองปลูกมันที่สวนท้อในส่วนที่ข้าดูแลเจ้าค่ะ” เจ้าแม่พยักหน้ารับ
“เจ้าจะปลูกอย่างนั้นรึ”
“เจ้าค่ะ ข้าจะลองชำกิ่งเหมยนี้ดู และจะสร้างบรรยากาศรอบๆ ป่าท้อที่ข้าดูแลให้เหมือนสวนสวรรค์ซึ่งน่าจะช่วยได้เจ้าค่ะ”
“ไม่เคยมีผู้ใดปลูกต้นเหมยจากสวนสวรรค์ได้มาก่อน ถ้าเจ้าทำได้ถือว่าเป็นนางฟ้าตนแรกที่ทำสำเร็จ เอาเป็นว่าข้าจะคอยเอาใจช่วยเจ้าก็แล้วกัน” เจ้าแม่ให้กำลังใจ
“ขอบพระทัยเจ้าแม่”
“เอาละ เจ้ากลับไปยังสวนท้อที่เจ้าดูแลได้แล้ว”
“เจ้าค่ะ” หลิวเจียเหม่ยรับคำและเดินออกจากตรงนั้นเมื่อพูดจบ
ชิงลี่มองนางฟ้าหน้าปานที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันที่เพิ่งเดินออกมาจากตำหนักของเจ้าแม่เล็กน้อย ก่อนที่จะกวักมือเรียกราวกับว่าอีกฝ่ายต่ำต้อยกว่าด้วยความเคยชิน เจียเหม่ยยิ้มรับและเดินเข้าไปหานางด้วยสีหน้าแจ่มใส
“เจียเหม่ย ข้ามีของมาฝาก” ชิงลี่พูดพร้อมทั้งยื่นถุงผ้าแพรสีน้ำเงินเข้มให้กับเพื่อนนางฟ้า หลิวเจียเหม่ยรับถุงผ้านั้นมาถือไว้ ก่อนที่จะเปิดดูช้าๆ
“หวีกระดูกจามรี ดีจัง ขอบใจเจ้ามากนะ”
“ไม่ต้องขอบใจข้าหรอก ข้าเห็นว่าเจ้าไม่ได้ออกไปไหน และใช้แต่ของเก่าๆ เลยซื้อสิ่งนี้มาให้” ชิงลี่ตอบความจริงหวีจามรีที่ได้มาก็ไม่ใช่ของที่มีราคามากนัก
“ถึงอย่างนั้นก็ต้องขอบใจ”
“ข้าอยากจะขอร้องอะไรเจ้าสักหน่อย เจ้าจะช่วยข้าได้หรือไม่เจียเหม่ย” ชิงลี่เอ่ยถาม นางฟ้าหน้าปานยิ้มเมื่อฟังจบ
“ได้สิ เราเป็นเพื่อนกัน ถ้าอะไรที่ไม่เหลือบ่ากว่าแรงข้าช่วยได้อยู่แล้ว” นางฟ้าคนงามยิ้มเมื่อได้ยินคำตอบที่น่ายินดี ชิงลี่เอื้อมมือมาจับมือของอีกฝ่ายก่อนที่จะพูดต่อ
“อีกสามราตรี จะมีการเก็บลูกท้อตรงสวนท้อที่ข้าดูแล แต่ข้ามีภารกิจบางอย่าง ดังนั้นข้าเลยอยากจะขอให้เจ้าช่วยเก็บท้อให้ข้าหน่อยได้หรือไม่” หลิวเจียเหม่ยพยักหน้าเป็นการตอบตกลงแทนคำพูด ชิงลี่ยิ้มยิ่งทำให้นางดูงดงามมากขึ้น
“ขอบใจเจ้ามากนะ เจ้าใจดีกับข้าเสมอ”
“เป็นเพื่อนกันอะไรช่วยได้ข้าก็ยินดี”
เมื่อได้ฟังเรื่องราวที่เพื่อนนางฟ้าหน้าปานเล่าให้ฟังจบ หลี่ลี่อินก็ถึงกับถอนหายใจออกมาและมองหน้าสหายสนิทด้วยความอ่อนใจ
เจียเหม่ยเป็นแบบนี้เสมอ ใครมาขอให้ทำอะไรนางไม่เคยปฏิเสธเลยสักครั้ง บรรดานางฟ้าสวนท้อหลายนางเห็นถึงความใจดีนี้จึงคอยหาทางเอาเปรียบ และนางรู้ดีว่าชิงลี่คงไม่ได้มีธุระสำคัญอะไรมากไปกว่าการไปเที่ยวงานเทศกาลโคมไฟที่สวนสวรรค์เป็นแน่
“เจียเหม่ย ทำไมเจ้าใจดีแบบนี้นะ เมื่อไหร่จะรู้จักปฏิเสธบ้าง” ลี่อินบ่นเพื่อนรักน้ำเสียงแสดงถึงความอ่อนอกอ่อนใจ
“เจ้าแม่สอนข้าเสมอว่าความมีน้ำใจเป็นเรื่องที่ดี”
“มันก็จริง แต่การที่เจ้ายอมช่วยทุกอย่างแบบนี้ มันจะทำให้พวกนางพยายามหาเรื่องเอาเปรียบเจ้าไม่มีวันหยุด”
“ลี่อิน มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลย อีกอย่างข้าชอบนะเวลาได้อยู่ในสวนท้อ ยิ่งช่วงที่กำลังจะเก็บผลยิ่งชอบ ที่นั่นมีกลิ่นหอมชื่นใจ แถมลูกท้อก็มีสีสวยมองไม่เบื่อ” เจียเหม่ยบอกนางชอบกลิ่นของลูกท้อ และมีความสุขที่ได้ทำงาน
“เจ้าไม่คิดจะออกไปเปิดหูเปิดตานอกสวนท้อบ้างหรือไงเจียเหม่ย” นางฟ้าหน้าปานส่ายหน้าและยิ้มบางๆ
“ออกไปข้างนอกบรรดาเซียนทั้งหลายจะแตกตื่นเมื่อเห็นใบหน้าของข้า เจ้าก็รู้ว่าข้านั้นอัปลักษณ์”
“เจ้าแค่มีปานแดงที่ใบหน้าเพียงเท่านั้น”
“ข้าไม่อยากถูกมองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสมเพช มันไม่สนุกนักหรอกเมื่อเวลาไปไหนจะมีแต่ผู้ที่จ้องหน้าตลอดเวลา เจ้าน่าจะรู้ใจข้าดีนะลี่อิน” หลี่ลี่อินพยักหน้ารับช้าๆ
จะว่าไป หากเจียเหม่ยออกไปเดินนอกสวนท้อนางมักจะถูกมองราวกับว่าเป็นตัวประหลาด บ่อยครั้งที่ถูกกลั่นแกล้งและล้อเลียนเพียงเพราะมีปานที่ใบหน้า
“ข้าอยากจะตะโกนดังๆ ใส่หน้าเซียนงี่เง่า เซียนพวกนั้นไม่ได้รู้จักเจ้าแบบที่ข้ารู้จัก พวกเขาไม่รู้ว่าเจ้ามีดีในตัวมากมายนัก ทำไมต้องเอาเรื่องใบหน้ามาล้อเลียนกันด้วย”
เจียเหม่ยยิ้ม ความจริงนางชินชากับเรื่องพวกนี้ไปแล้ว ตอนนี้ใครจะล้อเลียนอย่างไรนางก็ไม่ได้เจ็บปวดกับคำพวกนั้น เสียแต่ว่าเมื่อถูกล้อบ่อยๆ มันก็น่ารำคาญ และเพราะความรำคาญเลยไม่อยากที่จะออกไปไหน
“อย่าไปสนคำพูดพวกนั้นเลย ข้าไม่อยากเห็นเจ้าอารมณ์เสีย ข้าชอบเวลาที่เจ้ายิ้มและสดใสมากกว่าอารมณ์ขุ่นมัว เวลาเจ้ายิ้มโลกสดใสข้าชอบ”
“อย่ามาชมกันเองเลย”
“ข้าว่าเรามาทำงานของเรากันดีกว่านะ ข้าจะชำกิ่งเหมยแห่งสวนสวรรค์นี้ ลูกของมันคือลูกบ๊วยเอามาหมักเป็นเหล้าได้ดีเหมือนกับลูกท้อเลยนะ ต่างกันที่ดอกกับลูกเท่านั้นเอง นอกจากนี้ข้าคิดว่าจะเอากลีบเหมยมาทำเครื่องหอมด้วย” ลี่อินพยักหน้ารับฟังและเริ่มสนใจในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมากขึ้น
“ถ้าเจ้าทำสำเร็จ เจ้าแม่จะต้องภูมิใจมากแน่ๆ อีกอย่างถุงเครื่องหอมของเจ้ามีกลิ่นหอมที่เฉพาะตัว มันสร้างความสดชื่นและผ่อนคลายได้ดี ใครๆ ก็ชอบถุงเครื่องหอมของเจ้าทั้งนั้น”
“ข้าอยากทำถุงหอมดอกเหมยกับดอกไม้นานาพรรณให้เจ้าแม่ ข้าคิดว่าความหอมน่าจะช่วยทำให้เจ้าแม่ผ่อนคลายหลังจากที่ทำงานหนัก”
“เพราะเจ้าเป็นแบบนี้ เจ้าแม่ถึงได้เอ็นดูนัก”
“เจ้าแม่ก็เอ็นดูเจ้าและพวกเราทุกคนเท่าๆ กันนั่นแหละ มาเถอะ มาทำงานกัน” นางฟ้าทั้งสองส่งยิ้มให้กันอย่างรู้ใจและเริ่มทำงานของตนต่ออย่างไม่รอช้า
งานเทศกาลโคมไฟสวรรค์ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ บรรดาเทพและนางฟ้าต่างเข้ามาเที่ยวชมและต่างทายปริศนาที่ซ่อนอยู่ในโคมไฟอย่างสนุกสนาน
เอ๋าเอ้อร์หลงเองตอนแรกก็สนุกกับสิ่งสวยงามตรงหน้าและมีความสุขกับการร่ายบทกล่อนพร้อมทั้งร่ำสุรากับบรรดาเพื่อนเซียนด้วยกัน แต่ทว่าความสนใจในสิ่งเหล่านั้นก็หมดลงเมื่อได้เห็นสาวงามที่ตนหมายตาเอาไว้
มังกรหนุ่มใช้โอกาสที่เพื่อนๆ กำลังเพลิดเพลินหลบออกมาและแอบติดตามนางฟ้าคนงามเงียบๆ
“เทศกาลโคมปีนี้ยิ่งใหญ่กว่าปีที่ผ่านมานะ” ชิงลี่หันมาพูดกับบรรดาเพื่อนนางฟ้า
“ข้าได้ยินบรรดานางฟ้าพูดกันว่าองค์ชายรองแห่งทะเลใต้ก็มาร่วมงานนี้ด้วย เพื่อนๆ นางฟ้ายังบอกด้วยว่าพวกนางจะไปที่สระมรกต” นางฟ้านางหนึ่งในกลุ่มพูดออกมาด้วยท่าทางตื่นเต้น
“ทำไมต้องไปที่สระมรกต”
“ก็ที่พักของเจ้าแห่งทะเลใต้และบรรดาองค์ชายมังกรอยู่ที่สระมรกต พวกนางอยากเห็นหน้าองค์ชายรองกันทั้งนั้น ว่ากันว่า องค์ชายรองเป็นมังกรรูปงาม และมีเสน่ห์ ยามเมื่อองค์ชายรองยิ้มทุกสิ่งทุกอย่างจะสดใส ยามที่องค์ชายเอื้อนเอ่ยวาจา น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นจะไพเราะจับจิตจับใจ ยามที่องค์ชายรองสะบัดปลายพู่กัน จะเกิดภาพวาดที่สวยงามราวกับมีชีวิต และยามองค์ชายรองสะบัดกระบี่บรรดามารทั้งหลายจะแพ้พ่ายไปอย่างง่ายดาย บรรดานางฟ้าต่างอยากเห็น อยากเจอองค์ชายรองกันทั้งนั้น” ซือซือ นางฟ้าตนหนึ่งเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่เพ้อฝัน
“ดีขนาดที่เจ้าว่า องค์ชายมังกรท่านนั้นน่าจะมีหญิงคนรักแล้วเป็นแน่” เพ่ยเพ่ยดักคอ
“ไม่ ยังไม่มี”
“คงจะเพราะเป็นมังกรเจ้าสำราญ เลยไม่อยากจะผูกมัดกับสตรีนางใด พี่คิดแบบเดียวกับข้าไหมพี่ชิงลี่”
“ไม่รู้สิ” ชิงลี่ตอบสั้นๆ พยายามทำเฉย
แต่ในใจนั้นก็อยากจะเห็นหน้าองค์ชายมังกรรูปงามสักครั้งเช่นกัน เท่าที่นางรู้มาคือองค์ชายมังกรตนนี้ชื่นชอบสตรีที่งดงาม และหากนางมีวาสนาคงได้เป็นชายามังกรเป็นแน่
“ถ้าเล่าเรื่องนี้ให้กับเจียเหม่ยฟัง นางคงไม่สนใจและคงตอบว่า บุรุษรูปงามเจ้าเสน่ห์ก็เหมือนยาพิษที่ทำลายเราไปเรื่อยๆ บุรุษรูปงามที่เจ้าสำราญเที่ยวผลาญหัวใจสตรีจะมีค่าอะไร ชายที่น่าชื่นชมคือผู้ที่มีรักที่มั่นคง ซื่อสัตย์ต่อตนเองรวมทั้งหญิงสาวที่ตนรัก และทำหน้าที่ของตนอย่างดีเยี่ยม ถึงจะน่านับถือ” ชิงลี่พูดพร้อมทั้งเลียนเสียงของนางฟ้าหน้าปานออกมาอย่างนึกสนุก
“จริงของพี่ นางก็ต้องตอบแบบนั้นอยู่แล้ว เพราะคงไม่มีบุรุษรูปงามตนไหนสนใจนางฟ้าหน้าตาอัปลักษณ์แบบนั้น อีกอย่างเจียเหม่ยไม่มีทางมาเที่ยวแบบเราแน่นอน นางชอบอยู่แต่ในสวนท้อ มากกว่าที่จะมาชื่นชมความงามและสนุกสนานไปกับเทศกาลต่างๆ”
“จะว่าไปมันก็เป็นเรื่องที่ดีนะ เพราะนางเป็นแบบที่พวกเจ้าพูด เลยทำให้สามารถฝากนางให้ช่วยดูแลสวนท้อได้”
“ใช่ แต่ข้าว่าตอนนี้เราไปที่สระมรกตกันเถอะ ข้าอยากเห็นหน้าองค์ชายรองแล้ว พี่ชิงลี่ไปด้วยกันนะ” บรรดานางฟ้าชวนและจับมือนางฟ้ารุ่นพี่ที่ยังคงวางเฉยให้ไปด้วยกันทันที
เอ๋าเอ้อร์หลงอมยิ้ม เมื่อได้ยินเหล่าบรรดานางฟ้าคุยกัน ดูเหมือนว่าพวกนางอยากจะเห็นตน แต่ทว่าจะปรากฏตัวให้เห็นแบบง่ายๆ คงไม่เหมาะ
และอีกอย่างมังกรหนุ่มนึกสนุกอยากที่จะเอาชนะใจสาวงามโดยที่ปกปิดตัวตนของตัวเองเอาไว้ก่อน อยากรู้เหมือนกันว่าตนจะทำให้นางฟ้าโฉมงามรัก โดยที่ไม่รู้ว่าตนคือองค์ชายรองแห่งทะเลใต้ได้หรือไม่
