บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 8 แยกจากกันครั้งนี้เพื่อพบกันใหม่

“สามี…ท่านใจดียิ่ง” นางเอ่ยชมเขาพร้อมส่งยิ้มกว้างไปให้

“เจ้าจะได้สบายใจ ไม่เช่นนั้นตลอดทางไปเมืองว่านอันเจ้าก็คง ไม่อาจสงบใจได้”

หากนางไม่อาจสบายใจได้ก็จะไม่มีความสุข ไม่ร่าเริงเหมือนที่ เป็น เขารู้สึกไม่ค่อยชินเวลาที่เห็นนางเศร้าใจเช่นนี้

“ข้าเยี่ยมท่านย่าเรียบร้อยแล้วจะเร่งไปหาท่านไม่เถลไถลที่อื่นอย่างแน่นอน”

“เสี่ยวฉีเป็นคนติดตามของข้า พรุ่งนี้เจ้าออกเดินทางไปเยี่ยมท่านย่าพร้อมท่านพ่อตาก็ให้เขาไปคอยติดตามเจ้า เสี่ยวฉีคุ้นเคยกับทางไปเมืองว่านอันเป็นอย่างดีภายหลังการเดินทางของเจ้าจะได้ไม่มีสิ่งใดติดขัด”

“เช่นนั้นสัมภาระของข้าที่ต้องนำไปที่เมืองว่านอันจะทำอย่างไรดีเจ้าค่ะ หากข้าให้อาจือติดตามไปเมืองว่านอันพร้อมท่านเพื่อดูแลความเรียบร้อยของสัมภาระข้าได้หรือไม่”

“ก็ดีเหมือนกัน ปกติแล้วข้าไม่ค่อยอยู่จวนแม่ทัพในเมืองว่านอัน จะอยู่ที่ค่ายทหารเป็นส่วนใหญ่ ให้นางไปจัดแจงเรือนนอนให้เจ้าล่วงหน้าก็จะเป็นอันดี ตอนเจ้าไปถึงจะได้มีที่พักสบายหน่อย”

จู่ๆ ขณะที่รถม้ายังเคลื่อนตัวไป ภายในรถม้ายามนี้ที่เพิ่งเงียบไร้ซึ่งบทสนทนา นางกลับพบว่าตนเพิ่งจะได้มองดูบุรุษผู้ซึ่งมีสถานะเป็นสามีของนางอย่างชัดเจน

ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นผู้ที่นางสามารถพึ่งพาได้อย่างแท้จริงไม่ต่างจากครอบครัวสกุลลู่ นางสามารถพึ่งพาเขาได้โดยที่ไม่ต้องร้องขอเสียด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่พวกเราเพิ่งแต่งงานกันเขาไม่จำเป็นต้องใส่ใจนางถึงขนาดนี้ แต่เหมือนว่าเขาใส่ใจแม้กระทั่งท่าทีและความรู้สึกของนาง อีกอย่างนางรู้ดีว่าตนนั้นเป็นสตรีที่มีข้อบกพร่องอยู่มากแต่ก็รู้ดีว่าเขาไม่เคยเอาข้อบกพร่องของนางมาใส่ใจ

เขาเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ย่อมต้องเข้มงวดและจริงจังเคร่งครัดเป็นธรรมดา แต่นางกลับไม่รู้สึกว่าเขาแสดงท่าทีต่อนางเช่นนั้น กลับกันเขามักจะแกล้งนางเล่นเสียด้วยซ้ำ สองวันมานี้ที่ได้อยู่ด้วยกันนางพบว่าหากเขาแกล้งนางได้สำเร็จก็จะยิ้มออกมาอย่างพอใจ

นางรู้สึกว่าตนนั้นโชคดีที่ได้แต่งกับสามีเช่นเขาที่ไม่ได้ชอบบังคับ ให้นางต้องเป็นในสิ่งที่เขาต้องการแต่กลับคอยใส่ใจและดูไม่ให้นางก่อเรื่อง

“ท่านพี่ข้าขอบคุณท่านมากจากใจเลย” นางกล่าวขึ้นเป็น จังหวะเดียวกันกับที่รถม้าหยุดตัวลง พร้อมทั้งมีเสียงจากด้านนอกดังขึ้น มาว่ากลับมาถึงจวนสกุลหนิงแล้ว

“ขอบคุณเพียงอย่างเดียวดูเหมือนจะไม่คอยจริงใจเท่าไหร่นัก”ชายหนุ่มกล่าว

“เช่นนั้นท่านอยากได้สิ่งใด”

เจ้าของร่างสูงไม่ได้เอ่ยตอบภรรยา เขาเพียงยกมือตบเบาๆ ที่ ใบหน้าของตนสองครั้งเท่านั้น

“สามี ท่านอยากให้ข้าตบท่านหรือ” หญิงสาวเอ่ยถามอย่างใสซื่อ

หนิงเฟยอวี้ที่ได้ยินนางพูดออกมาเช่นนั้นถึงกับหน้าตึงไปเลย “ช่างเถอะ ถึงจวนแล้วพวกเราลงไปกันเถอะ” เขาเอ่ยเสร็จก็เตรียมที่จะ ลุกขึ้น ทว่ายังไม่ทันได้ลุกก็ถูกเจ้าของร่างเล็กผู้เป็นภรรยาเข้ามากดที่ไหล่ กว้างทั้งสองข้างให้เขานั่งลงที่เดิม

“ทำไมหรือ”

“ข้ายังไม่ได้ตอบแทนท่านเลย” ลู่เข่อชิงเอ่ยจบก็ประทับจุมพิตเบาๆ ลงที่ข้างแก้มของผู้เป็นสามีอย่างแผ่วเบาครู่หนึ่ง

ผู้เป็นถึงแม่ทัพใหญ่ เพียงจุมพิตเบาๆ ของฮูหยินตัวน้อยก็ทำให้ เขาถึงกับตัวแข็งทือไปเลย เพราะไม่คิดว่านางจะทำจริงๆ

“แทนคำขอบคุณของข้า” นางกล่าวก่อนจะรีบร้อนลงจากรถม้า ไปในทันทีพร้อมกับใบหน้าร้อนผ่าวของตน

จุมพิตเขาก่อนเช่นนั้นคงไม่ถูกมองว่าเป็นสตรีใจกล้าเกินงามไป หรือนะ แต่คงไม่เป็นไรหรอกนางไม่ได้ไปจุมพิตชายอื่นนี่จะได้ต้องกลัวนั่นสามีที่ถูกต้องของนางนะ จะมีอันใดไปไม่ควรไปได้กัน

คืนนี้ก็เป็นอีกคืนที่หนิงเฟยอวี้ต้องข่มใจตนเอาไว้ไม่ให้ จับฮูหยินตัวน้อยกลืนลงท้องไปอย่างที่ต้องการ นางยังคงซุกเข้าหาอ้อมอกเขาเช่นคืนก่อนๆ และหลับสนิทไปอย่างสบายใจ

ชายหนุ่มคิดว่าเขาจะอดกลั้นปล่อยนางที่ยังไม่ประสาไปก่อน หลังจากที่นางกลับเมืองว่านอันแล้วจึงจะค่อยๆ สอนให้ได้รู้ว่าความหมายอย่างแท้จริงว่าการสนิทสนมแนบชิดจริงๆ ระหว่างสามีภรรยานั้นควรเป็นเช่นไรกันแน่

ประตูทางออกเมืองหลวงยามนี้มีขบวนเดินทางของหนิงเฟยอวี้หยุดรออยู่ เมื่อค่ำวานเขาได้สั่งให้คนไปแจ้งท่านพ่อตาแล้วว่าจะให้ฮูหยินน้อยของเขาไปบ้านเดิมพร้อมกับท่านด้วย และนัดเจอกันที่ประตูทางออกทิศตะวันออกของเมือง

เขารอเพื่อที่จะส่งฮูหยินตนให้ท่านพ่อตาด้วยตัวเองแล้วจึงคอยมุ่งหน้าไปยังจุดหมายของตน

“เจ้าสามารถส่งจดหมายหาข้าได้ทุก ๆ เจ็ดวันหากเจ้าต้องการ” ชายหนุ่มเอ่ยกับสตรีตัวน้อยที่ยืนอยู่ข้างกายตน

“หากข้าเขียนเรื่องไร้สาระไปท่านพี่ก็จะยอมอ่านใช่หรือไม่” นางถามพร้อมรอยยิ้มกวน

“เจ้าอยากเขียนเล่าเรื่องอะไรก็แล้วแต่เจ้า เขียนเสร็จแล้วก็ให้เสี่ยวฉีจัดการส่งให้เจ้า”

“ลายมือข้าไม่ค่อยสวย หากท่านอ่านไม่เข้าใจจะโมโหเอาได้นะเจ้าคะ”

“พอดีเลย จะได้ถือโอกาสนี้ช่วยเจ้าฝึกเขียนอักษรเสียด้วยเลยเป็นอย่างไร”

“เหมือนข้าจะหลงกลเข้าให้แล้ว” นี่นางต้องคัดจดหมายส่งไปให้เขาหรือนี่ นางไม่น่าเอ่ยถึงเรื่องลายมือออกไปเลย

“ความจริงแล้วข้าคิดว่าลายมือเจ้าก็ไม่ได้แย่อะไรนัก”

“จริงหรือเจ้าคะ แต่ดูเหมือนว่าท่านพี่จะไม่เคยเห็นข้าเขียน อักษรแล้วรู้ได้อย่างไรเจ้าคะ”

“ในหนังสือสมรสของเรามีลายมือของเจ้าลงชื่อเอาไว้มิใช่หรือ ข้าเห็นจากในนั้น”

“ตอนที่ลงชื่อนั้นข้าตั้งใจเขียนลงไปเป็นอย่างมากย่อมต้องสวยอยู่แล้ว อีกอย่างท่านแม่คอยจ้องข้าเขียนอยู่หากไม่สวยนางคงให้ข้าเขียนอันใหม่จนกว่าจะสวยเป็นแน่ อีกอย่างข้าจะบอกท่านให้ว่าก่อนหน้าลงชื่อท่านแม่ให้ข้าคัดชื่อตัวเองกว่าสิบรอบเชียวล่ะ”

“เพราะหนังสือแต่งงานของเรา ทำเอาฮูหยินต้องลำบากแล้ว”

“ไม่ง่ายเลยจริงๆ” นางเอ่ยอย่างขึงขัง “แต่เรื่องนี้มีสิ่งหนึ่งที่พอจะทดแทนความลำบากของข้าได้เป็นอย่างมาก”

“สิ่งใดหรือ”

“ถังหูลู่สักไม้ก็พอ”

“ข้าเหมาให้ฮูหยินทั้งหมดเลยยังได้”

“ไม่ต้องถึงขั้นนั้นหรอก ไม้เดียว ไม่สิ สองไม้ก็พอ”

เขาพยักหน้าเพียงครั้งเดียว เสี่ยวฉีก็ไปจัดการซื้อถังหูลู่สองไม้มาในทันที

“อร่อยหรือไม่” เขาเอ่ยถามภรรยาตัวน้อยที่กำลังกัดกินถังหูลู่ในมืออย่างมีความสุข ถังหูลู่สองไม้นางเอาไว้กินเองไม้หนึ่ง ส่วนอีกไม้ให้อาจือสาวใช้ของนางกิน

“อร่อย ท่านลองชิมสักคำสิ” ร่างเล็กไม่เอ่ยเปล่า นางยังยื่นถังหูลู่ในมือของตนมาที่เขาเป็นเชิงต้องการป้อนให้

หนิงเฟยอวี้ไม่ขัดความตั้งใจของนางอยู่แล้ว เขางับถังหูลู่ที่นางป้อนให้คำหนึ่งก่อนจะเอ่ยตอบ “หวาน”

“เพราะหวานนี่แหละเจ้าค่ะ ใครได้กินก็จะอารมณ์ดีมีความสุขไงเจ้าคะ”

“เจ้าชอบก็พอ ซื้อเพิ่มอีกสักหลายไม้ดีหรือไม่หากเจ้าชอบจะได้นำติดไปไว้กินระหว่างท่านด้วย”

“ของกินระหว่างทางท่านแม่สามีเตรียมให้มาเยอะแล้วเจ้าค่ะ แค่นั้นก็ไม่น่าจะกินหมดแล้ว”

หนึ่งก้านธูปต่อมาท่านพ่อของนางก็มาถึง

หนิงเฟยอวี้ประคองฮูหยินของตนขึ้นรถม้าของท่านพ่อตาด้วยตัวเอง ยามที่รถม้าจะเคลื่อนตัวออกไปหญิงสาวในรถม้าก็เลื่อนเปิดหน้าต่างออกแล้วโบกมือให้เขาพร้อมรอยยิ้มแสนหวานของนางที่สองสามวันมานี้เขารู้สึกว่าตนจะชอบรอยยิ้มของนางเข้าให้แล้ว

รถม้าของภรรยาแยกไปยังอีกเส้นทาง ส่วนขบวนเดินทางของเขาก็ไปอีกเส้นทางหนึ่ง พวกเราทั้งคู่แยกจากกันไปคนละเส้นทางเพื่อที่ในอนาคตจะได้กลับมาใช้ชีวิตด้วยกันอีกครั้ง

ไม่นานนางก็จะไปหาเขาแล้วพวกเราจะได้อยู่ด้วยกันอย่างแท้จริง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel