ตอนที่ 12 คุณหนูของข้านั้นดียิ่ง
ผ่านมาครึ่งเดือนอาการป่วยของท่านย่าก็หายดีแล้ว ท่านไม่ต้องกินยาทุกวันอีก มีเพียงยาบำรุงร่างกายที่ยังต้องกินอยู่ไม่ขาด
อีกสิบวันถึงจะครบกำหนดหนึ่งเดือน ตามที่มีกำหนดการให้ท่านแม่และพี่ใหญ่นางพาท่านย่าเดินทางกลับไปที่เมืองหลวง แต่หลายวันมานี้อากาศก็เริ่มเย็นลงเรื่อยๆ ท่านแม่จึงอยากจะพาท่านย่ากลับไปที่เมืองหลวงเร็วขึ้นสักหน่อยจึงได้เปลี่ยนกำหนดการเดินทาง
ท่านย่านางเองก็เห็นด้วย ทั้งยังกล่าวอีกด้วยว่ารีบเดินทางหน่อยก็ดีเหมือนกันไม่เช่นนั้นแล้วหากอากาศเย็นลงมากกว่านี้นางคงทนนั่งรถม้าไปไม่ไหวแน่
“ของที่จะนำไปด้วยก็เตรียมเรียบร้อยแล้วนี่ พรุ่งนี้หรือมะรืนนี้ก็ออกเดินทางได้แล้วกระมัง” เป็นท่านย่าของนางที่เอ่ยขึ้น
“ท่านแม่ท่านเพิ่งจะหายป่วย หากไม่อยากเดินทางตอนที่อากาศหนาวเช่นนี้ รอให้สิ้นฤดูแล้วพวกเราค่อยเดินทางกันก็ได้นะเจ้าคะ” ท่านแม่ของนางเอ่ยเสนอ
“ข้าอยากจะเดินทางเลย ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้วจะได้ไม่ต้องเสียเวลา อีกอย่างที่เมืองหลวงเวลานี้มีเพียงสามีเจ้าอยู่เพียงคนเดียว เจ้าไม่เป็นห่วงหรืออย่างไร”
“บ่าวรับใช้อยู่กันเต็มเรือนไม่มีสิ่งใดที่ต้องห่วงหรอกเจ้าค่ะ ที่สำคัญที่สุดและที่สามีข้าห่วงที่สุดก็คือท่านนะเจ้าคะท่านแม่”
“ลูกสะใภ้เจ้าไม่ต้องเอ่ยอะไรให้มากความอีก วันมะรืนข้าจะเดินทางกลับเมืองหลวง”
เพราะท่านย่ายืนการหนักแน่นเช่นนี้ท่านแม่ของนางจึงไม่อาจแย้งสิ่งใดได้อีก ได้แต่ทำตามคำสั่งของท่ายย่าแต่โดยดีเท่านั้น
กำหนดการของท่านย่าเปลี่ยน กำหนดการการเดินทางของลู่เข่อชิงเองก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน นางจัดการบอกกับเสี่ยวฉีให้เตรียมตัวออกเดินทางมุ่งไปเมืองว่านอันในวันเดียวกันกับท่านย่าเดินทาง
อีกหนึ่งความโชคดีที่ประจวบเหมาะพอดีก็คือเสื้อคลุมกันหนาวของบุรุษที่ได้สั่งตัดเอาไว้พร้อมกันกับตอนที่ไปเลือกซื้อเสื้อคลุมกันหนาวเมื่อก่อนนั้นตัดเสร็จเรียบร้อยพอดี ไม่เช่นนั้นคงต้องให้ทางร้านตามหลังไปให้
ช่วงเวลาแห่งการลาจากมาถึง ครั้งนี้ท่านย่ากำชับนางด้วยตัวเองว่า นางแต่งงานไปแล้วต่อจากนี้ก็เป็นชีวิตของนางแล้ว
“พวกเราผูกพันกันด้วยสายเลือดและสายสัมพันธ์ในครอบครัว แม้เจ้าจะแต่งไปแล้วแต่อย่างไรชั่วชีวิตนี้สถานะแรกและสถานะเดียวที่จะ คงอยู่กับเจ้าตลอดไปก็คือไม่ว่าเมื่อไหร่เจ้าก็คือคนสกุลลู่ ย่าน่ะมีความเสียดายอยู่ในใจที่ไม่ได้เห็นเจ้าขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวกับตาตัวเอง แต่ได้ยินว่าเจ้าแต่งกับสามีที่ดีข้าก็ดีใจมากแล้ว หลานย่า ย่าขอให้เจ้าพบเจอแต่ความสุข ชีวิตสมรสราบรื่นผาสุดตลอดไป”
“คำอวยพรของท่านย่าหลานน้อมรับเอาไว้ด้วยใจแล้วเจ้าค่ะ เอาไว้ข้าจะกลับไปเยี่ยมพวกท่านที่เมืองหลวงนะเจ้าคะ”
ลู่เข่อชิงเอ่ยลาทุกคนด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม นางกอดท่านแม่ ท่านย่าและพี่สาวอย่างอดอ้อนประจบ ถึงเวลาลาเดินทางก็ไม่ยอมให้นางรอส่งพวกท่านให้ไปก่อน กับบอกให้ออกเดินทางพร้อมกัน
นางไม่มีโอกาสได้มองตามรถม้าของพวกท่านไป เพราะไปคนละทางกันโดยสิ้นเชิง การต้องจากกันในครั้งนี้ในใจนางรู้สึกหวิวๆ โหวงๆ อยู่มากทีเดียวแต่ก็ไม่ได้มีความกังวลใดๆ ภายในใจ ชีวิตนางกำลังมุ่งหน้าต่อไป ในภายหน้ามีเรื่องมากมายให้ต้องเผชิญ ส่วนครอบครัวนั้นเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดและไม่ว่านางจะกลับไปหาเมื่อไหร่ที่นั้นก็คือบ้านของนางตลอดไป
เมืองว่านอัน ณ จวนแม่ทัพใหญ่ ยามนี้ท้องฟ้ามืดลงแล้ว เพราะเป็นช่วงฤดูหนาวท้องฟ้าจึงได้มืดเร็วกว่าปกติ
วันนี้งานในค่ายทหารไม่ค่อยมีอันใดยุ่งมากนักอีกทั้งเขาอยากมาดูความเรียบร้อยในจวนเพราะใกล้เวลาที่ฮูหยินตัวน้อยของเขาจะมาถึงแล้ว
จวนแม่ทัพแห่งนี้เดิมที่จะมีแม่บ้านที่ไว้ใจได้ที่ติดตามเขามาจากจวนสกุลหนิงตั้งแต่หลายปีก่อนที่เขามารับตำแหน่งที่นี่เป็นผู้ดูแลจวนอยู่แล้ว เพราะเขาไม่ค่อยได้กลับจวนเนื่องด้วยใช้เวลาอยู่ในค่ายทหารเป็นหลัก ภายในจวนแม้จะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีจากผู้ที่ไว้ใจได้ แต่เรื่องการตกแต่งไม่ว่าจะเป็นภายในหรือภายนอกล้วนไม่เคยได้รับการเปลี่ยนแปลงมากนัก อีกอย่างเหมือนว่าจำนวนบ่าวรับใช้กับสาวใช้ในจวนจะมีไม่มากนัก จากที่เขารู้มานอกจากแม่บ้านหลิงแล้วก็มีสาวใช้ประจำอยู่สี่คน บ่าวรับใช้ชายอีกสี่คน ที่เป็นบ่าวอยู่ประจำที่จวน
เขาเกรงว่าจำนวนคนที่ฮูหยินของเขาจะเรียกใช้ได้อาจมีน้อยเกินไปจึงคิดที่จะให้แม่บ้านหลิงหาสาวใช้มาเพิ่มอีกสักหน่อย
หนิงเฟยอวี้เรียกตัวแม่บ้านหลิง และบ่าวรับใช้ทุกคน รวมไปถึงอาจือที่เป็นสาวรับใช้ของผู้เป็นภรรยาเข้ามารอรับคำสั่งพร้อมกัน
“อีกไม่เกินครึ่งเดือนฮูหยินของข้าจะมาถึงจวน เรื่องความ เรียบร้อยความสะอาดในจวนข้าวางใจในแม่บ้านหลิงอยู่แล้ว แต่เรื่อง เครื่องเรือนนั้นมีหลายสิ่งที่ข้าอยากจะให้เปลี่ยนใหม่”
“ท่านแม่ทัพอยากให้เปลี่ยนสิ่งใดบ้างหรือเจ้าคะ บอกข้าน้อย มาได้เลย ข้าน้อยจะได้เร่งช่วยท่านแม่ทัพหาสิ่งที่ต้องการ” แม่บ้านหลิงเอ่ยขึ้นอย่างกระตือรือร้น
“ทุกอย่างต้องเป็นของชั้นดี ส่วนชิ้นไหนเหมาะสมหรือไม่ข้า มอบหมายให้แม่บ้านหลิงกับอาจือร่วมกันเลือกร่วมกันตัดสินใจ แม่บ้านหลิงยังไม่เคยพบฮูหยิน อาจือเป็นสาวใช้ของนางน่าจะเข้าใจ ความชอบของนางมากที่สุดพวกเจ้าช่วยกันเลือกหานางจะต้องถูกใจแน่”
“เจ้าค่ะบ่าวทราบแล้ว/เจ้าค่ะบ่าวทราบแล้ว” แม่บ้านหลิงและอาจือรับคำสั่งพร้อมกัน
“ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง แม่บ้านหลิงเรื่องนี้มอบหมายให้เจ้าไปจัดการ”
“เรื่องอันใดหรือเจ้าคะ”
“รับสมัครสาวใช้เพิ่มอีกสักสี่คน ข้ากลัวว่าคนจะไม่พอให้นางเรียกใช้”
“ท่านแม่ทัพโปรดวางใจ บ่าวจะจัดการให้เสร็จก่อนที่ฮูหยินจะมาถึงเจ้าค่ะ”
“เช่นนั้นข้าก็ขอฝากแม่บ้านหลิงด้วย”
“เจ้าค่ะท่านแม่ทัพ แล้วไม่ทราบว่าคืนนี้ท่านแม่ทัพจะค้างที่จวนหรือไม่เจ้าคะ” แม่บ้านหลิงเอ่ยถามผู้เป็นนาย
“ข้าอยู่ค้าง พรุ่งนี้เช้าจึงค่อยกลับค่าย”
“ท่านแม่ทัพหิวหรือไม่เจ้าคะ บ่าวจะได้ให้คนทำมื้อดึกให้”
“ข้ากินมาแล้ว อาหารไม่ต้องแล้วล่ะ ให้คนเตรียมน้ำร้อนเอาไว้หน่อยข้าอยากแช่ตัว” เอ่ยสั่งจบชายหนุ่มก็เดินกลับเรือนหนังสือของตนไป แม่บ้านหลิงและทุกคนต่างโค้งส่งท่านแม่ทัพใหญ่อย่างนอบน้อม
หลังจากผู้เป็นนายเดินไปแล้ว แม่บ้านหลิงจึงได้หันไปสั่งบ่าวชายสองคนให้ไปเตรียมน้ำและต้มน้ำร้อนให้แม่ทัพแช่ตัว
ส่วนนางและสาวใช้ในจวนทั้งสี่ต่างก็มายืนล้อมอาจือเอาไว้
“อาจือข้ามีเรื่องสงสัยอยากถามเจ้าหน่อย” แม่บ้านหลิงเป็นผู้เอ่ยขึ้น
“แม่บ้านหลิงอยากถามสิ่งใดหรือเจ้าคะ เชิญถามมาได้เลย” อาจือตอบกลับด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร
“ฮูหยินที่เพิ่งแต่งของท่านแม่ทัพ คุณหนูของเจ้านางเป็นสตรีเช่นไรหรือ”
เรื่องฮูหยินที่กำลังจะมาเป็นนายหญิงใหญ่ผู้ควบคุมจวนแม่ทัพแห่งนี้ในอนาคตอันใกล้นี้ย่อมต้องเป็นเรื่องที่พวกนางผู้เป็นบ่าวรับใช้สนใจเป็นที่สุด อีกทั้งท่าทีของท่านแม่ทัพที่แสดงออกมาก็เหมือนว่าจะให้ความใส่ใจฮูหยินเป็นอย่างมาก ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน เรื่องในจวนไม่เคยอยู่ในความสนใจของท่าน แต่นี่เพื่อฮูหยินที่เพิ่งแต่งแล้วนั้นท่านแม่ทัพกับสั่งการและเตรียมการเอาไว้ให้หลายอย่างอีกทั้งใส่ใจเป็นอย่างมาก
“คุณหนูของข้าดียิ่ง ดีทุกอย่างเลย”
“เพียบพร้อมไร้ที่ติใช่หรือไม่”
“เป็นเช่นนั้น แม่บ้านหลิงกล่าวได้ถูกต้องแล้ว”
“นั่นอย่างไรล่ะ ข้าคิดเอาไว้แต่แรกแล้วว่าฮูหยินของท่านแม่ทัพต้องเป็นสตรีเช่นนี้แหละ ข้าชักจะอยากพบฮูหยินเร็วๆ แล้วสิ”
“พวกข้าก็เช่นกัน”
“ใช่ข้าก็ด้วย”
เหล่าสาวใช้พากันดีใจ พวกนางเป็นเพียงสาวใช้ตัวเล็กๆ หากได้นายดีพวกนางก็ไม่ต้องลำบากมากนัก แต่หากได้นายไม่ดีก็ต้องลำบากถูกรังแกใช้งานอย่างหนัก
เพราะฉะนั้นเมื่อได้ข่าวว่าในที่สุดในจวนแม่ทัพแห่งนี้ก็มีนายหญิงแล้ว แม้จะดีใจที่จวนแห่งนี้จะไม่เงียบเหงาอีกต่อไป แต่ในใจลึกๆ ก็มีความหวาดกลัวซ่อนอยู่ ครั้งได้ยินอาจือชมฮูหยินที่กำลังจะมาถึงพวกนางจึงได้วางใจ
อาจือมองดูพวกแม่บ้านหลิงเดินไปพร้อมกับใบหน้าที่โล่งอกโล่งใจกันทุกคน เห็นเช่นนั้นนางก็อดจะยิ้มออกมาไม่ได้
คุณหนูสามของนางดีไร้ที่ติจริงๆ นางไม่ได้โกหกแน่นอน ในสายตาของนางคุณหนูเป็นเช่นนั้น นางช่างเก่งกาจในวิชากระบี่ ไม่ถือตัว ใจกว้างและใส่ซื่อ
เช้าวันรุ่งขึ้น รองแม่ทัพเว่ยมาเยือนจวนแม่ทัพใหญ่ตั้งแต่ฟ้าเพิ่งสางได้ไม่นาน ไม่เท่านั้นมื้อเช้าของวันนี้รองแม่ทัพเว่ยผู้นี้ยังขอฝากท้องที่จวนแห่งนี้ด้วย
อาจือและแม่บ้านหลิงเป็นผู้ยกโจ๊กมื้อเช้าสำหรับรองแม่ทัพเว่ย และท่านแม่ทัพเข้ามาวางเอาไว้ที่โต๊ะอาหารตัวใหญ่ อาจือจัดการวางโจ๊กเสร็จก็เดินออกไป เหลือเพียงแม่บ้านหลิงเท่านั้นที่อยู่รอท่ารับใช้ท่านแม่ทัพใหญ่
“รองแม่ทัพเว่ย ท่านรอประเดี๋ยวนะเจ้าคะ ท่านแม่ทัพกำลังมาเจ้าค่ะ” แม่บ้านหลิงเป็นผู้เอ่ยบอก
“สตรีที่เข้ามาพร้อมแม่บ้านหลิงเมื่อครู่เป็นสาวใช้คนใหม่หรือ” ชายหนุ่มเอ่ยถาม
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ นางเป็นสาวใช้ที่ท่านแม่ทัพพากลับมาด้วยครั้งก่อนที่กลับมาจากเมืองหลวง”
“หน้าตานางไม่เลวทีเดียว เป็นแค่สาวใช้ธรรมดาหรือว่ามากกว่านั้นกัน” รองแม่ทัพเว่ยเอ่ยถามแม่บ้านหลิงอย่างตั้งใจ เขาไม่กล้าถามท่านแม่ทัพตรงๆ วันนี้ไม่ง่ายเลยที่จะมีโอกาสถามแม่บ้านหลิงเพื่อไขความสงสัยให้ตัวเอง
“อาจือเป็นแค่สาวใช้ธรรมดาเจ้าค่ะ ที่ตามกลับมาจากเมืองหลวงพร้อมท่านแม่ทัพก็เพราะ….” แม่บ้านหลิงกำลังจะเล่าเรื่องฮูหยินคนใหม่ที่กำลังจะมาให้รองแม่ทัพเว่ยฟัง ทว่ายังไม่ทันที่นางจะได้เล่าถึง เสียงทรงอำนาจของท่านแม่ทัพก็ดังขึ้นจากนอกประตูเสียก่อน
“รองแม่ทัพเว่ย หากเจ้าอยากอยู่กินโจ๊กที่จวนข้าก็ตามสบาย ข้าล่วงหน้าไปรอเจ้าที่เขตเขาก่อนก็แล้วกัน” หนิงเฟยอวี้เอ่ยจบก็หันหลังเดินออกไปทันที
แน่นอนว่ารองแม่ทัพเว่ยนั้นจะยังอยู่กินโจ๊กต่อได้อย่างไร เขาลุกตามไปในทันทีอย่างไม่ต้องเสียเวลาคิด
“ท่านแม่ทัพรอข้าด้วย ท่านเรียกข้าให้ขึ้นไปล่าสัตว์ด้วยกันจะทิ้งข้าไปเช่นนั้นได้อย่างไร!!!”
