บท
ตั้งค่า

ตอนที่3.2 เผือกร้อน

ตอนที่3.2 เผือกร้อน

จางหลันร้องโหยหวนน้ำตาร่วงพรู เสียงร้องไห้แหลมเล็กกรีดร้องทำลายความสงบในเรือนท้ายจวนเสียสิ้น พี่สาวตัวร้ายสะอึกสะอื้นจนตัวสั่นสะท้าน พร่ำพูดไม่เป็นประโยค

ข้างกายยังมีอนุหลินตาบวมเป่งเป็นลูกท้อ มองก็รู้ว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก สองแม่ลูกที่คอยหาเรื่องจางเหม่ยอวี้ วันนี้กลับไม่สนใจนาง เหตุการณ์เหล่านี้ยิ่งเพิ่มความใคร่รู้ในใจของคุณหนูรองเป็นเท่าทวี

“ท่านย่า เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ” จางเหม่ยอวี้นั่งลงข้างกายท่านย่า ยื่นมือกอบกุมมือเหี่ยวย่นตามวัยเบาๆ ราวกับหวงแหนเป็นที่สุด

ฮูหยินผู้เฒ่ามองหลานสาวคนโปรด แล้วถอนหายใจเบาๆ ก่อนเล่าเรื่องเผือกร้อนที่ตกใส่ศีรษะคุณหนูสี่จางหลัน แล้วพอท่านย่าเล่าจบอนุหลินก็ปล่อยโฮออกมาอย่างสุดจะกลั้นไหว

“ท่านแม่เจ้าคะ ให้หลันเอ๋อร์แต่งกับแม่ทัพป่าเถื่อนไม่ได้นะเจ้าคะ”

ใบหน้านางเจิ่งนองไปด้วยน้ำตาอย่างน่าสงสาร

“หรือไม่พวกเราแต่งตั้งสาวใช้ขึ้นมาเป็นคุณหนู แล้วแต่งออกไปก็ได้นี่เจ้าคะ ทำไมต้องให้หลันเอ๋อร์ไปตกระกำลำบากด้วย”

เมื่อจางเหม่ยอวี้ได้ฟังคำตัดพ้อของอนุหลิน จึงเข้าใจได้ทันทีว่า มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก่อนหน้านี้ตอนนางยังอยู่ข้างนอก ได้ยินว่ามีราชโองการสมรสพระราชทานมายังสกุลจาง หากนับตามลำดับศักดิ์แล้ว พี่หญิงถึงวัยปักปิ่นแล้วสามารถออกเรือนได้ ดังนั้นท่านพ่อจึงตัดสินใจมอบหมายหน้าที่สำคัญ ที่เปรียบเสมือนการแบกชีวิตคนตระกูลจางไว้ทั้งหมดให้แก่นาง

ความจริงก็ถูกต้องตามกฎหมายบ้านเมือง และไม่ผิดต่อกฎของตระกูลจางด้วย แต่ผิดหลักความนิยม ขุนนางฝ่ายพลเรือนมักดองญาติกับฝ่ายพลเรือนด้วยกัน พอเรื่องราวกลับตาลปัตรเช่นนี้ ในใจนางจึงนึกเวทนาชะตาของจางหลันอยู่ไม่น้อยเลย

ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจ ราวกับอับจนปัญญาเช่นกัน

“เจ้าคิดว่าเราจะแก้ปัญหาได้ง่ายดายดังใจงั้นรึ! คิดว่าแต่งตั้งใครเป็นคุณหนูก็ได้ สวมชุดวิวาห์ขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวก็จบสิ้นหรือไร”

“แต่ว่าท่านแม่…”

“พอเถิด” ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวตรงไปตรงมาไม่อ้อมค้อม “ขืนทำตามอย่างที่เจ้าว่า เกรงว่าหัวตระกูลจางร้อยหัวคงไม่พอให้ตัด”

ฮูหยินผู้เฒ่าทอดถอนใจอีกครา ดวงตาฉายแววขมขื่นด้วยความสงสารจางหลัน แม้นเด็กคนนี้จะดื้อรั้นเอาแต่ใจไปบ้าง แต่ก็เป็นหลานสาวคนหนึ่ง มีสายเลือดสกุลจางไหลเวียนในกาย

“ราชโองการใครฝ่าฝืนมีโทษเทียบเท่าการเป็นกบฏ และเจ้าคิดว่าฝ่ายพระราชวังจะไม่ตรวจสอบทะเบียน นับจำนวนสายลำดับตระกูลหรอกหรือ ช่างโง่เขลายิ่งนัก”

“โธ่...ท่านแม่ แต่ว่านี่ไม่ใช่การสมรสที่น่ายินดีเลยนะเจ้าคะ ให้

หลันเอ๋อร์ออกเรือนไป ก็คงไม่ต่างกับการส่งไปตาย” ผู้เป็นมารดายังคงค้านด้วยเสียงคร่ำครวญใจแทบขาด ในขณะเดียวกันฮูหยินผู้เฒ่าก็ได้แต่ส่ายหน้าอย่างเหนื่อยอ่อนใจ

ราชโองการป่าวประกาศอย่างนี้แล้ว แปลความหมายได้เพียงอย่างเดียวว่า ต้องน้อมรับมิอาจโต้แย้งได้

“ทำอะไรไม่ได้แล้วหรือเจ้าคะ ท่านแม่” อนุหลินกล่าวด้วยความเจ็บปวดใจ

ความหวังเดียวของนางคือบุตรสาวคนนี้ อุตส่าห์หมายมั่นปั้นมือให้นั่งครองศักดิ์ฐานะฮูหยินเอกว่าที่จอหงวนสกุลกัว ทำศึกแย่งชิงกับจาง

เหม่ยอวี้มาแรมปี กลับถูกราชโองการดับแสงเทียนแห่งความหวัง รู้สึกเหมือนดวงใจแหลกสลายพังทลาย

อนุหลินอยากเลื่อนศักดิ์ฐานะของตนให้สูงขึ้น เพราะความเป็นอยู่

ในตระกูลจางไม่อำนวยให้นางปีนขึ้นสู่ที่สูงเลย เนื่องด้วยนายท่านรักมั่นต่อ

ฮูหยินเอก มอบเกียรติยกยอนางไว้บนหิ้ง ไม่เหลือช่องว่างให้อนุเช่นนาง

เข้าไปแทรกแซง

ยิ่งชาติกำเนิดของนางเป็นบุตรีขุนนางปลายแถว ทำให้ครองฐานะได้แค่อนุ มิอาจเทียบเคียงบุตรีขุนนางขั้นห้า เฉกเช่นฮูหยินใหญ่ซุนฮุ่ย อีกทั้งนางยังคลอดบุตรสาว จึงทำให้น้ำหนักในใจของนายท่านน้อยลงไปทุกวัน

วิธีเดียวที่พอจะทำให้นางกลับมามีตัวตนในจวนก็คือการให้บุตรสาวออกเรือนไปครองศักดิ์ฐานะฮูหยินเอกกับบุรุษตระกูลศักดิ์สูง เพื่อเลื่อนขั้นจากอนุ เลื่อนเป็นฮูหยินสามดั่งที่ใจตนหมายปอง

ติดตรงที่อนุหลินรักบุตรสาวคนนี้มากเกินไป แม้มีเกี้ยวจากจวนปั๋วมารอรับ จางหลันที่โง่เขลาก็ไม่คิดยินยอมตกแต่งเข้าจวนสกุลเฉิน เนื่องด้วยใจนางรักมั่นเพียงแค่คุณชายตระกูลกัว ทั้งที่เขาก็มิได้แยแสนางเลย ซึ่งแน่นอนอนุหลินก็คิดตามใจบุตรสาวด้วยความรัก อีกทั้งยังไม่ต้องการให้นางไประหกระเหินที่ชายแดนในฐานะฮูหยินแม่ทัพ

“ท่านย่า! ก็หลานไม่อยากแต่งเข้าตระกูลแม่ทัพนี่เจ้าคะ เหตุใดต้องเป็นหลานด้วย ในเมื่อเหม่ยอวี้ก็เป็นคนของตระกูลจางเช่นกัน”

จางหลันได้ยินถ้อยคำของท่านย่าแล้วก็ยิ่งรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ

“หลานไม่แต่ง! ยังไงก็ไม่!!”

หญิงสาวตะคอก แล้วลุกขึ้นวิ่งกลับเรือนอย่างไร้มารยาท

จื่อผิงสบตาจางเหม่ยอวี้พลันเบะปากคว่ำ หากเป็นคุณหนูของนางแสดงกิริยาเช่นนี้ รับรองได้ว่าอนุหลินเก็บไปฟ้องนายท่านเป็นแน่

“ขนาดพ่อเจ้ายังน้อมรับราชโองการ ย่าจะทำอะไรได้อีกเล่า”

ฮูหยินผู้เฒ่าตะโกนตามหลังหลานสาวลำดับที่สี่ของตระกูลไปอย่างจนใจ

นางพ่นลมหายใจร้อนผ่าว พร้อมกับกุมหน้าอกราวกับจะเป็นลม จางเหม่ยอวี้เห็นเข้าจึงรีบเข้ามาดูแลท่านย่า อนุหลินจึงอาศัยจังหวะนี้อำลากลับเรือน

“อนุหลินจะยอมให้คุณหนูของเราแต่งกับแม่ทัพป่าเถื่อนจริงหรือ

เจ้าคะ” สาวใช้คนสนิทถามไถ่นายของตนด้วยความรู้สึกหลากหลายซับซ้อน ปกตินายของนางเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว คราวนี้จะมาตกม้าตายง่ายๆ ได้อย่างไร

อนุหลินใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตา แล้วเอ่ยตอบเสียงขรึม

“หลันเอ๋อร์ไม่มีวันแต่งเข้าจวนแม่ทัพอย่างแน่นอน พรุ่งนี้ข้าจะ

จัดการเอง”

แผนร้ายจุดประกายขึ้นในใจ เพราะคำตัดพ้อของบุตรสาวเมื่อครู่

ทำให้ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า เหตุใดบุตรสาวของนางต้องเป็นฝ่ายเสียสละด้วย

ในเมื่อสกุลจางยังมีบุตรสาวอยู่อีกคน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel