บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 4

เอาเถอะ...ยังไงเขมกรผู้นี้ก็ถือว่าเก่งพอตัวอยู่แล้ว คงจะพอคิดหาข้อแก้ตัวได้และน่าจะคิดหาทางแก้ไขเรื่องร้าย ๆ ที่เจ้าตัวดีเกาหยุนเหลียงทำไว้ได้อยู่...น่ะ!

“มีอันใดอีกล่ะ” เขมกรถามอย่างเบื่อหน่าย เมื่อเห็นว่าหลิวตงยังคงยืนนิ่งไม่ขยับไปไหน

“นายท่านให้ท่านไปพบที่ลานฝึก”

เท้าที่จะเดินไปยังห้องโถงของเรือนหยุดชะงักและรีบหันไปมองหลิวตงอย่างรวดเร็ว ด้วยคิดว่าตนเองนั้นได้ยินผิดพลาด หากเมื่อมองหน้าหลิวตงที่มีทั้งความกังวลและหวาดกลัวก็ใจหายวาบ

ไอ้เกาหยุนเหลียง...ไปทำบ้าอะไรไว้วะเนี่ย!

โกรธ...โกรธเกาหยุนเหลียงจนหัวฟัดหัวเหวี่ยง อยากจะย้อนเวลากลับไปแล้วเจอวิญญาณไอ้เจ้าบ้าเนี่ย ข้าจะได้จับคอแล้วบีบพร้อมกับเขย่าแรง ๆ เผื่อว่าขี้เลื่อยในสมองจะได้หลุดออกมาเสียบ้าง สร้างแต่เรื่องปวดหัวให้เขาจนสมองมันเบลอคิดหาทางแก้มิออกอยู่แล้ว

ทำไมเขาถึงได้โกรธเช่นนี้นะหรือ

นับตั้งแต่ฟื้นมาในร่างนี้ จวบจนตอนนี้ก็...เกือบจะครบเดือนอยู่ไม่กี่วัน นับตั้งแต่ที่สามารถลุกจากเตียงได้...เรียกได้ว่าทุกวันเลยก็ว่าได้ ทุกวันที่จะต้องมีคนนำเอาเรื่องไม่ดี! ของเกาหยุนเหลียนมาบอกกล่าว เรียกให้ดีหน่อยก็คือรายงาน หากเรียกกันตามจริงก็คือ ฟ้อง! นั่นแหละ ตั้งแต่เรื่องขี้มูกราขี้หมาแห้งยันเรื่องใหญ่จนถึงขั้นทำลายข้าวของก็มี คราวนี้เรื่องคงจะต้องร้ายแรงมาก ท่านพ่อถึงได้เรียกให้ไปพบที่ลานฝึก...เรียกได้ว่า เขมกรต้องเจอกับหายนะชุดใหญ่แล้วล่ะ

“ให้ข้านำทางท่านไปขอรับ”

เขมกรกลอกตาไปมา กลัวเขาหนีมิยอมไปนะสิ ที่จริงก็อยากหนีไปให้เร็วจริง ๆ นั่นแหละ แต่มันเลี่ยงได้เสียที่ไหนล่ะ หากมิไป ท่านแม่ก็มาหาด้วยตนเอง เมื่อนั้นแทนที่เขาจะใบหน้าที่จำต้องปั้นแต่งว่ารู้สำนึกในความผิดที่ได้กระทำลงไปแล้ว ขอให้ท่านแม่ยกโทษให้ หลังจากนี้จะปรับปรุงตัวใหม่ จะมิไปก่อเรื่องนอกเรือนอีกแล้ว จะกลับกลายเป็นว่า เขาจะโดนท่านแม่ลงทัณฑ์ อย่างให้นั่งคุกเข่าสำนึกผิดเป็นชั่วยาม จนเจ็บเข่าและขาก็ชาด้วย หรือไม่ก็ให้คัดตำรา!

เรื่องนี้ดูเหมือนจะทำให้คนในเรือนแปลกใจอยู่มิใช่น้อย จนมองเกาหยุนเหลียงด้วยสายตาประหนึ่งโดนผีเข้า ด้วยว่าทุกคนรู้ดีว่าเกาหยุนเหลียนตัวจริง...เป็นคนเกียจคร้านมาก เมื่อใดที่ต้องเรียนหนังสือหรือคัดตำราก็จะหาเรื่องหลบหนีด้วยการสร้างเรื่องต่าง ๆ นานา หากหลีกเลี่ยงมิได้ก็จะเป็นไข้นอนซมในทันที

หากตัวเขา...เมื่อใดที่ถูกทำโทษด้วยการให้อยู่ในห้องหนังสือ คัดตำราแล้ว...เขาก็จะออกอาการดีใจจนออกนอกหน้า ยิ้มจนแก้มปริ รีบเข้าไปรับโทษโดยเร็ว แม้จะอ่านมิค่อยจะออกและคัดอักษรมิค่อยจะได้ หากก็มิยอมละความพยายาม ถือคติที่ว่า มิว่าอยู่ที่ใด การเรียนเป็นสิ่งสำคัญ แม้จะมีดีมาก แต่ต้องอ่านออกและเขียนได้ จนหลัง ๆ มานี้ท่านแม่มักจะกล่าวว่า...

“ถ้าเจ้ารักชอบที่จะเรียนเขียนอ่านตำรับตำรา ข้าจะหาอาจารย์มาสอนเจ้าก็แล้วกัน” หากตอนกล่าวเช่นนั้นท่านแม่ก็ยังมิได้ไว้วางใจ สายตาที่มองมายังเกาหยุนเหลียงเหมือนกับว่า...เจ้าใช่ลูกชายของข้าจริงหรือไม่ สายตาที่ทำให้เขมกรรู้สึกผิดและร้อนรนด้วยกลัวว่าความจริงจะเปิดเผย หากโดนไล่ออกจากเรือน แม้จะยากเย็นแค่ไหน แต่ก็ยังพอจะพาตัวเองให้ได้รอด หากเจอกับวิธีอื่น...มิอยากคิดเลยว่า มันคงจะทรมานมากแน่นอน

“ท่านพ่อโกรธมากเลยใช่ไหมหลิวตง” เขมกรไถ่ถามเอาไว้ เพื่อจะได้คิดหาทางออดอ้อนให้โดนลงโทษอย่างเบาที่สุด ความจริงแล้วเขามิเคยโดนลงโทษให้ไปที่ลานฝึกยุทธ์สักครั้ง หากก็รู้จากบ่าวไพร่นั่นแหละ ใครก็ตามที่ทำผิดหนักมักจะถูกลงโทษที่นั่น ที่ส่วนใหญ่แล้วคนที่โดนลงโทษมักจะมิบอกกล่าวว่าเจออะไรกันมาบ้าง ที่ตอนนี้เขาคงได้แต่...คาดเดาไปเองและคาดหวังไปว่า เรื่องที่เกิดและบทลงโทษที่ได้รับจะมิร้ายแรงมากจนไปจนรับมิได้!

จะช้าหรือเร็ว เขมกรก็จะต้องไปยังลานฝึก...อยู่ดี ไปถึงช้า อาจจะถูกท่านพ่อโกรธ จนที่จะลงโทษสักหนึ่งชั่วยาม อาจจะกลายเป็นสองหรือสามชั่วยามก็เป็นไปได้ ถ้าเช่นนั้นเขาควรจะไปให้เร็วสักหน่อย

“ข้ามิคิดหนีไปไหนหรอกน่า” เขมกรบอกกล่าวแก่หลิวตงที่เหลือบสายตามามองบ่อยครั้ง คงกลัวว่าเขาจะเลี่ยงไปหาท่านแม่ก่อน เพื่อขอให้ช่วยคลี่คลาย ทำให้เรื่องที่ควรจะร้ายแรงเป็นเพียงแค่เรื่องเล็ก หากมันก็มีเหมือนกันที่ท่านแม่ช่วยมิได้

“เกิดข้าหนี ได้โดนท่านพ่อลงโทษหนักกว่าที่คิดไว้นะสิ เดี๋ยวนี้ข้ามิโง่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนะหลิวตง” เขมกรไพล่มือไปเกี่ยวกันไว้ด้านหลัง ในใจก็อดคิดมิได้ เกาหยุนเหลียงช่างเป็นคนโง่เสียจริง มีบิดามารดาที่รักเช่นนี้ ยังจะทำตัวไม่ดีอีก

เขมกรพยายามคิดว่า จะมีหนทางใดบ้างที่จะทำให้บิดาใจอ่อน มิลงโทษอย่างรุนแรง หรือหากมิอาจหลีกเลี่ยงได้จริง ๆ ก็ขอให้เบาที่สุด

เพราะมัวแต่คิดทำให้เขมกรมิทันรู้ว่าได้เดินมาถึงที่หมายแล้ว หากเพราะรู้สึกเหมือนว่าทุกสายตาจ้องมาที่ตนเองก็เงยหน้าขึ้นพร้อมกับฉีกยิ้มอย่างมิรู้มิชี้ ก่อนจะไปสะดุดกับใครบางคน...

หือ...นั่นใครนะ?

เขมกรมองไปยังบุรุษร่างสูงใหญ่ในอาภรณ์สีน้ำเงินเข้ม...เกือบจะดำ ที่แม้จะยังเห็นหน้ามิชัดด้วยว่าอีกฝ่ายยืนหลบมุมอยู่ หากก็ทำให้หางตาเขากระตุกได้

บุรุษผู้นั้นคงจะมิใช่...ซ่งหยวนเจ๋อหรอกนะ แต่จะไม่ใช่ได้อย่างไร ในเมื่อพอกวาดตามองอย่างไม่เจาะจงก็เห็นจะมีเพียงแค่บุรุษผู้นั้นที่เป็นคนแปลกหน้าเพียงผู้เดียว

เห็นเช่นนี้แล้วก็มิแปลกที่เกาหยุนเหลียงจะมิชื่นชอบบุรุษผู้นี้ ก็แม้กระทั่งเห็นยังมิชัดเจน แต่ก็สัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่ง สุขุม สง่างามและยังจะมีรัศมีแห่งอำนาจที่แผ่กระจายมาอีกด้วย เมื่อเทียบกับร่างกายของผู้ที่เขามาอาศัยอยู่นี้แล้ว...มันช่างต่างกันราวกับฟ้ากับเหวเลยทีเดียว เพราะอันใดนะหรือ ก็เกาหยุนเหลียงมีรูปร่างที่เล็กและบอบบาง หากมองแบบเผิน ๆ บางคนอาจจะคิดว่าเป็นสตรีก็เป็นไปได้ มันคงเป็นอะไรที่เจ้าของร่างจะต้องหงุดหงิดและช้ำชอกใจยิ่งนัก

เขมกรคอตกขณะเดินไปหาบิดาที่ยิ่งใกล้เท่าไหร่ใจก็ร้อนรุ่มเท่านั้น ด้วยใบหน้าของท่านพ่อบ่งบอกเลยว่าโกรธจัด!

“เกาหยุนเหลียงคารวะท่านพ่อขอรับ”

“มาแล้วรึเจ้าลูกตัวดี!”

เขมกรได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ พลางกะพริบตาปริบ ๆ ด้วยรู้ดีว่าจะต้องมีเรื่องแน่นอน เพียงแค่ยังมิรู้ว่าเรื่องอะไรที่ทำให้ท่านพ่อมีโทสะถึงเพียงนี้

“ท่านพี่เจ้าคะ”

หือ...ท่านแม่มาด้วยเหรอ นี่เขาคิดมากจนมิทันได้สังเกตว่ามีผู้ใดอยู่บ้าง ตอนนี้ก็เลยได้เห็นว่า...พี่ใหญ่อย่างเกาอี้อานก็มากับเขาด้วย แปลกแฮะ ปกติพี่ใหญ่จะไม่สนใจเรื่องของเกาหยุนเหลียงเลย เรียกได้ว่าจะไปทะเลาะต่อยตี มีเรื่องกับผู้ใด พี่ใหญ่จะเพียงแค่มองและทำเหมือนน้องชายผู้นี้มิมีตัวตน มิควรค่าแก่การใส่ใจ...ยุ่งเกี่ยว!

ยังมิหมด น้องสี่เกาฉีเหลียนกับน้องห้าเกาเข่อซิงก็มาร่วมกับเขาด้วย อา...ดูท่าเรื่องนี้จะมิเล็กอย่างที่คิดแล้ว มิเช่นนั้นน้องสามกับอนุสามคงจะมิมาเช่นกัน

นี่มัน...มิใช่วันรวมญาติ หากเป็นวันฉิบหอง! ของเขมกรโดยแท้แล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel