บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 8 เตรียมย้ายบ้าน

  ลูกเขยกับลูกสาวไปทำงานงานแล้ว เจียมใจจึงเดินลงจากเรือนไม้ทรงไทยที่ลงน้ำมันจนเงางามไปทั้งหลัง แล้วเดินมาหาสามีพร้อมกับจูงหลานสาววัยสองขวบมาด้วย ในมือหลานกำลังถือขวดนมแล้วดูดมาตามทาง เมื่อเช้าเธอรู้ว่าสามีมีแขก แต่ไม่รู้ว่าใครเพราะมองลงมาจากเรือนแล้วเห็นไม่ถนัด

           เจียมใจนั่งลงฝั่งตรงข้ามสามีพร้อมกับอุ้มหลานขึ้นนั่งตัก “ใครมาทำอะไรแต่เช้าเหรอพี่”

           “ไอ้ดอม มาขอให้ดูงานในโรงสีม้าสีนิลให้ ฉันก็เลยฝากเจ้าเหนือมันดูให้”

           “ทำไมถึงคิดจะไปทำงานที่โรงสีเสียแล้วละ”

           “ได้ยินข่าวว่านาที่เคยเช่าอยู่น้ำท่วมหนัก ข้าวที่ปลูกไว้ตายหมด ก็เลยอยากทำงานประจำ ลูกก็โตขึ้นทุกวัน”

           “อือ ลูกตั้งสามคน คนเล็กนั้นเห็นว่าเป็นลูกน้องสาวพุดจีบมาฝากเลี้ยงแต่ไป ๆ มา ๆ ก็ให้พี่สาวเลี้ยงถาวรเฉยเลยก็คงต้องรีบหางานกระมัง”

           “ก็ขอให้มีตำแหน่งงานว่างก็แล้วกัน” ว่าจบก็หันหน้าไปมองหลานที่เอาแต่ดูดนมในขวด “มาให้ตาอุ้มหน่อยเร็ว” พอตาอ้าแขนรับ มินตราก็ยื่นมือให้ตาทันที

“กำนันว่ายังไงบ้างพี่” พุดจีบถามขึ้นเมื่อสามีนั่งลงบนแคร่หน้าบ้านที่เมื่อแปดปีก่อนเป็นกระท่อมมุงหญ้าคา ตอนนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้น

           “คุณเหนือลูกเขยเขาจะดูให้”

           “อ้อ คุณเหนือเขาเป็นคนมีน้ำใจนะ”

           “ก็น่าจะอย่างนั้น พอกำนันฝากให้เขาดูงานให้พี่เขาก็รีบรับปากทันที”

           “แล้วนี่เราต้องขายควายสองตัวนี้จริง ๆ เหรอคะ” พุดจีบมองควายคู่ทุกข์คู่ยากด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ปนเศร้าโศก ลูกทั้งสามคงร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรถ้ารู้ว่าต้องขายพวกมันจริง ๆ

           “ก็คงต้องขาย ไปอยู่ที่โน่นเราคงไม่มีเวลาดูแลมัน” เพราะต้องทำงานทั้งวัน จะปลีกตัวไปเลี้ยงควายก็คงไม่ได้ ไหนจะต้องเกี่ยวหญ้าให้มันในยามที่ขาดแคลนหญ้าอีก เพราะเพื่อนร่วมงานจะว่าเอาได้ ถึงเขาจะรู้สึกเสียดายควายสองแม่ลูกนี้มากก็ตาม

          

           ช่วงบ่ายพอทิศเหนือเห็นเถ้าแก่เข้ามาที่โรงสีเขาก็รีบเข้าไปพบทันที วันนี้ภรรยาของเถ้าแก่ไม่ได้มาด้วย

           ทิศเหนือเคาะประตูหน้าห้องก่อนจะเดินเข้ามา เขาก้มหน้าเล็กน้อยยืนอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงานของเจ้านาย

           “เถ้าแก่ครับ”

           หาญละสายตาจากเอกสารตรงหน้าแล้วมองคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้า “มีอะไร”

           “พอดีคนในหมู่บ้านใกล้เคียงอยากมาทำงานที่นี่น่ะครับ ที่บ้านเขาน้ำท่วมข้าวเสียหายหมดเลยครับ เถ้าแก่พอจะมีตำแหน่งงานให้เขาทำบ้างไหมครับ”

           “กี่คน”

           “สองคนผัวเมียและลูกอีกสามคนครับ”

           “แล้วเอ็งคิดว่ายังไงล่ะ” ในช่วงเวลาสี่ปีที่ทิศเหนือทำงานกับโรงสีม้าสีนิลทำให้หาญค่อนข้างไว้ใจเขา บ่อยครั้งที่ปล่อยให้ทิศเหนือตัดสินใจบางเรื่องแทน และเขาก็รู้ดีว่าเรื่องนี้คงผ่านการไตร่ตรองจากกำนันโย่งมาแล้ว เดิมทีหาญไม่ได้รู้จักกับโย่งเป็นการส่วนตัว แต่เกือบเจ็ดปีแล้วที่กำนันโย่งเป็นคนหาลูกค้าให้กับโรงสีม้าสีนิล เพราะโซนที่กำนันโย่งดูแลส่วนใหญ่ทำนากับอ้อยเป็นหลัก และกำนันโย่งก็เป็นคนแนะนำให้ชาวบ้านนำข้าวเปลือกมาขายให้กับโรงสีม้าสีนิล ทั้งสองจึงสนิทสนมกัน ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงหาญก็มักจะช่วยเหลือกำนันโย่งเสมอ

           “ผมคิดว่าเขาก็เป็นคนขยันดีนะครับ น่าจะรับไว้” พ่อตาบอกเขาเช่นนั้น และเขาเองก็พอมองออก แววตาดอมดูมุ่งมั่นและมั่นคง เขาคงไม่ใช่คนเหลาะแหละ

           “งั้นก็เอามาทำนาในส่วนที่เอ็งดูแลอยู่นั่นแหละ” ทิศเหนือดูแลในส่วนของนาข้าว ถั่วเหลือง ถั่วลิสง และข้าวโพดอาหารสัตว์ ตั้งแต่ปลูก ดูแล เก็บเกี่ยว และปรับปรุงพันธุ์ ซึ่งต้องการคนงานค่อนข้างมาก ถ้าได้ดอมเข้าไปช่วยอีกแรงก็เป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย

           “ขอบคุณมากครับเถ้าแก่”

           “อือ” สิ้นคำเถ้าแก่ก็หันไปตรวจงานต่อ ทิศเหนือก็ปลีกตัวไปตรวจแปลงข้าวเช่นกัน

ตอนนี้โรงสีม้าสีนิลแบ่งการดูแลออกเป็นสามฝ่าย ฝ่ายบริหารมีเถ้าแก่หาญเป็นผู้ดูแล ฝ่ายบัญชีมีอิ่มภรรยาคนแรกเป็นผู้ดูแล ส่วนฝ่ายขายมีอบเชยภรรยารองเป็นผู้ดูแล เพราะผลผลิตของโรงสีม้าสีนิลในแต่ละปีมีหลายร้อยตัน ทุกฝ่ายจึงต้องทำงานกันอย่างหนัก

           สองวันต่อมาดอมกลับไปที่บ้านกำนันอีกครั้งเพื่อสอบถามเรื่องงาน และเขาก็ได้คำตอบเป็นที่น่าพอใจ ทิศเหนือบอกว่าบ้านพักคนงานที่อยู่กันเป็นครอบครัวยังเหลือหนึ่งหลังไม่ต้องเสียค่าเช่าเพียงแต่ต้องจ่ายค่าน้ำค่าไฟเองเท่านั้น แค่นี้เขาก็ดีใจมากแล้ว ส่วนคนที่โสดก็มีห้องพักที่เป็นห้องแถวให้

           หลายวันต่อมาเขาก็จัดการเรื่องย้ายโรงเรียนให้ลูกเรียบร้อย และเตรียมขายควายสองตัวนั้นเพื่อย้ายไปทำงานที่โรงสีม้าสีนิล พอลูกทั้งสามรู้ว่าพ่อจะขายควายคู่ใจไปต่างก็ร้องไห้กันระงม ทุกอย่างเป็นไปตามที่เขากับภรรยาคาดไว้ไม่มีผิดเพี้ยน ถึงจะสงสารลูกมากแค่ไหน เขากับภรรยาก็ต้องทำใจยอมรับมันให้ได้

           ดอมกำลังต่อรองราคากับพ่อค้ารับซื้อควายลูกทั้งสามก็ร้องไห้ไม่หยุด ไอ้ทองกับไอ้ท้อก็ยืนมองเด็กทั้งสามที่เคยผูกพันด้วยสายตาเศร้าหมอง นัยน์ตากลมโตของมันมีน้ำใสเอ่อคลอ สุดท้ายก็ไหลออกมาตรงหางตา เด็ก ๆ เห็นก็ยิ่งอาลัยอาวรณ์

           “ทำไมพ่อต้องขายควายของเราด้วยคะ หนูคิดถึงมัน ฮือ ๆ” ข้าวหอมถามพ่อพร้อมกับร้องไห้เสียงดัง พี่ชายกับพี่สาวก็สะอื้นไห้อยู่ข้าง ๆ “พ่อดูสิคะมันร้องไห้ด้วย ฮึก ฮือ” นิ้วป้อมชี้ให้พ่อมองตามคล้ายอยากให้พ่อใจอ่อนและไม่ขายมัน

           ดอมถอนใจเฮือก “ที่พ่อต้องขายมันก็เพราะถ้าเราย้ายไปทำงานที่อื่นเราจะไม่มีเวลาดูแลมันยังไงล่ะลูก เราแค่เปลี่ยนคนดูแลมันเท่านั้นเอง” ดอมชี้แจงเหตุผลให้ลูกฟัง แต่ดูเหมือนข้าวหอมจะไม่ยอมเข้าใจ

           ควายสองตัวดอมขายได้เงินเก้าพันบาท แต่ควายจากไปหลายชั่วโมงแล้ว ลูก ๆ ก็ยังนั่งร้องไห้กันไม่ยอมหยุด พุดจีบต้องนั่งปลอบลูกอยู่นาน ข้าวหอมนั้นร้องไห้จนหลับไปเพราะความเหนื่อย

           หลายวันต่อมาเขาจึงไปเจรจาขายที่ให้กับพิม ที่ตรงนั้นขนาดหนึ่งร้อยตารางวาเศษซึ่งพิมก็รับซื้อไว้ในราคาสองหมื่นบาท ดอมแบ่งเงินส่วนหนึ่งไปซื้อรถมอเตอร์ไซด์เพื่อให้ลูกใช้เป็นยานพาหนะในการเดินทางไปโรงเรียน ที่เหลือก็เก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายในครัวเรือนและเป็นทุนการศึกษาให้ลูก
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel