บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 9 บ้านหลังใหม่

สัปดาห์ต่อมาดอมก็พาครอบครัวย้ายมาทำงานที่โรงสีม้าสีนิล โดยมีทิศเหนือเป็นคนขนย้ายของมาให้ และพาไปที่บ้านพัก ทิศเหนือคอยเหลือบมองดูข้าวหอมตลอด เขารู้สึกคุ้นเคยกับดวงตาเปล่งประกายระยับคู่นั้นเหลือเกิน แต่คิดไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน เขาสะบัดความคิดนั้นทิ้งไป เมื่อคิดแล้วไม่ได้คำตอบจึงไม่อยากคิดให้เปลืองสมองอีก เขาอาจจะคิดมากไปเอง แต่เขาก็ปฏิเสธได้ยากว่าดวงตาของเด็กคนนั้นเหมือนมีมนต์สะกดเหลือเกิน

           “ขอบคุณมากนะครับคุณเหนือ” ดอมกล่าวขอบคุณพร้อมกับยื่นเงินจำนวนหนึ่งให้เป็นค่าน้ำใจและค่าเหนื่อย

           ทิศเหนือโบกมือและไม่ยอมรับเงินนั้น “ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ ส่วนเงินอาก็เก็บไว้เป็นทุนการศึกษาให้เด็ก ๆ เถอะครับ” ทิศเหนือผลักเงินในมือดอมกลับไปอย่างสุภาพ ดอมจำต้องเก็บเงินนั้นไว้ในกระเป๋าตามเดิม

           “ว่าแต่พรุ่งนี้ผมกับเมียต้องเริ่มงานกี่โมงครับ”

           “แปดโมงเช้าเริ่มงานที่แปลงนาทางโน้นได้เลยครับ พรุ่งนี้น่าจะถอนหญ้าข้าวกับใส่ปุ๋ย” ทิศเหนือพูดพลางชี้นิ้วไปที่แปลงนาที่คนอื่นกำลังทำงานอยู่ ช่วงนี้เป็นช่วงทดลองปลูกข้าวที่เขาเพิ่งปรับปรุงพันธุ์ให้เจ้านาย

           “ครับผม”

           ทิศเหนือหันไปมองใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักของเด็กหญิงอีกครั้งแล้วถามขึ้น “ข้าวหอมเรียนอยู่ชั้นไหนแล้วครับ” ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้รู้สึกถูกชะตากับเด็กคนนี้นัก ผิวของเธอขาวจัดแตกต่างจากคนในครอบครัวอย่างเห็นได้ชัด

           “ปอสองค่ะ” ข้าวหอมตอบเสียงใสพร้อมยิ้มเต็มใบหน้าให้ชายหนุ่ม เธอยืนอยู่ด้านหน้าพี่สาวที่วางมือไว้ที่บ่าเล็กทั้งสองของเธอ

           เขาละสายตาจากเด็กน้อยอย่างอ้อยอิ่งแล้วหันไปบอกลาดอมกับพุดจีบ พวกเขาช่างมีลูกสาวที่น่ารักเหลือเกิน จากนั้นก็รีบกลับบ้านไปหาลูกสาวของตนทันที

           จากนั้นพ่อแม่ลูกก็ช่วยกันจัดข้าวของให้เข้าที่ เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการทำงานในวันพรุ่งนี้ และลูกทั้งสามยังต้องไปโรงเรียนใหม่อีกด้วย ธันวาหัดขับรถมอเตอร์ไซด์จนขับได้คล่อง

           บ้านพักหลังนี้เป็นบ้านสองชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ ชั้นบนมีสองห้องนอน ห้องหนึ่งพุดจีบแบ่งให้เป็นห้องของธารทิพย์กับข้าวหอม อีกห้องยกให้ธันวา เพราะอีกไม่กี่เดือนเขาก็จะอายุครบสิบหกปีแล้ว ส่วนเธอกับสามีจะนอนชั้นล่างตรงห้องโถงกว้าง มันเป็นบ้านพักที่ดีสำหรับครอบครัวของพวกเขามากทีเดียว หนทางสะดวกทั้งการเดินทางไปทำงานของพ่อแม่ สะดวกทั้งการเดินทางไปโรงเรียนของลูก ตอนเช้าธันวาขับรถมอเตอร์ไซด์พาน้องไปโรงเรียนที่อยู่ห่างประสาณสี่กิโลเมตร ซึ่งเป็นโรงเรียนที่มีตั้งแต่ชั้นปอหนึ่งถึงมอหก มันเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ลูกของเธอไม่ต้องย้ายโรงเรียนบ่อย แถมยังอยู่ใกล้พ่อแม่ ธันวากับธารทิพย์ก็จะได้ช่วยดูแลข้าวหอมตอนที่ไปเรียนหนังสือได้อีกด้วย ทุกอย่างมันช่างลงตัวไปหมด

          

เมื่อข้าวหอมอายุได้เก้าขวบเธอจึงค้นพบความสามารถพิเศษของตัวเอง นั่นก็คือการที่เธอสามารถเขียนหนังสือได้สวยงามราวกับใช้เครื่องพิมพ์ดีด และเธอยังสามารถใช้พลังจิตสั่งให้คนทำอะไรก็ได้ตามใจ รวมถึงสามารถบังคับสิ่งของให้เคลื่อนไหวหรือหยุดได้ด้วย เพียงแต่ข้อเสียของมันก็มี นั่นก็คือยิ่งเธอใช้มากเธอจะยิ่งสูญเสียพลังงานไปมากเช่นกัน หนักสุดอาจจะถึงขั้นหมดแรงหรือหมดสติได้ แต่ข้าวหอมก็ไม่ได้ใช้มันมากนัก นานครั้งถึงจะมีคนมาทำร้ายเธอ เพราะเธอมีทั้งพี่ชายและพี่สาวคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง

           ยิ่งข้าวหอมเติบโตขึ้น คนรอบข้างก็ยิ่งสงสัยว่าเธอคือลูกของดอมกับพุดจีบจริงหรือไม่ และก็ยิ่งโดนเพื่อนที่โรงเรียนล้อเลียนตั้งแต่ชั้นประถมจนถึงมัธยมปลาย ตอนที่พี่ทั้งสองยังเรียนอยู่ด้วยพวกเขายังพอช่วยเธอได้ แต่ตอนนี้ไม่มีพวกเขาอยู่เธอจำเป็นต้องช่วยเหลือตัวเองบ้าง

           “กาฝาก” เสียงนั้นดังขึ้นเมื่อข้าวหอมเดินกลับจากโรงอาหารหลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ

           ข้าวหอมหันมามองเพื่อนรุ่นเดียวกันแต่อยู่ต่างห้องตาเขียว ผู้หญิงกลุ่มนี้ล้วนเป็นคู่อริของข้าวหอม และเพื่อนอีกหลายคนที่พวกเธอไม่พอใจ เหตุผลคือข้าวหอมมีใบหน้างดงามกว่า เรียนดีกว่า มารยาทงามกว่า ดูไร้เดียงสากว่า

           “มีอะไร หรือไม่จริง” สาคูคนที่เป็นหัวหน้าแก๊งเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงหาเรื่องแล้วพูดต่ออีก “ก็แค่ลูกที่พ่อแม่เก็บมาเลี้ยง เป็นแค่อีกาแต่ทำท่าราวกับหงส์” ริมฝีปากยกยิ้มเล็กน้อยคล้ายเหยียดหยัน สาคูเคยเห็นทั้งพ่อแม่และพี่ทั้งสองของข้าวหอม และเธอก็ดูต่างจากคนเหล่านั้นจนน่าแปลก คนในโรงเรียนต่างก็คิดเช่นนั้น จนสาคูสามารถนำมาเป็นข้อด้อยเพื่อเหยียบให้ข้าวหอมต่ำกว่า

           “ดู ดูมันมองแกสิ” เพื่อนอีกคนในกลุ่มเสริมขึ้น

           “ไปเถอะแก อย่าไปสนใจเลย” แป้งร่ำเพื่อนที่เดินมาด้วยกันพยายามดึงแขนข้าวหอมจากไปจากแก๊งที่ชอบหาเรื่องคนอื่นไปทั่วโรงเรียน ชอบวางก้ามเพราะคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าถิ่นและชอบทำตัวระรานคนอื่นราวกับเด็กผู้ชาย

           ข้าวหอมยอมหันหลังให้หญิงสาวกลุ่มนั้นผู้หญิงที่เป็นหัวหน้ายกยิ้มขึ้นอย่างผู้ชนะแล้วเอานิ้วโป้งปัดผ่านจมูกตัวเอง “คิดว่าจะแน่”

           ข้าวหอมแค่นยิ้มแล้วพูดในใจขึ้นว่า ‘กัดลิ้นตัวเอง’

           ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องขึ้นตามหลัง “โอ๊ย!” สาคูร้องขึ้นเสียงหลงจนเพื่อนรีบหันไปมอง

           “แกเป็นอะไรวะ”

           ใบหน้าสาคูเหยเก “พวกแก อยู่ดี ๆ ฉันก็กัดลิ้นตัวเองจนเลือดไหลว่ะ” ผู้หญิงคนนั้นแลบลิ้นออกมาด้วยความโมโห เป็นไปได้อย่างไรเธอไม่ได้เคี้ยวอะไรเลยจะกัดลิ้นตัวเองได้อย่างไร เพื่อน ๆ ก็อยากจะขำแต่ก็กลัวจะโดนตบจึงเงียบปากไว้

           คราวนี้ข้าวหอมเป็นฝ่ายแสยะยิ้มอย่างผู้มีชัย อย่าได้คิดพูดจากับเธอไม่ดีอีก ไม่เช่นนั้นลิ้นอาจจะพรุนโดยไม่รู้ตัวได้

           “หึ สมน้ำหน้า อยากปากไม่ดีนัก อยู่ดี ๆ กัดลิ้นตัวเองเล่นเฉย” แป้งร่ำเอ่ยขึ้นด้วยความสะใจ กรรมตามสนองโดยที่พวกเธอยังไม่ทันได้ออกแรงด้วยซ้ำ แต่คนที่ออกแรงทำแค่เพียงเดินอมยิ้มไปตลอดทางที่จะไปอาคารเรียน
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel