ตอนที่ 7 หางานใหม่
เกือบบ่ายสองทุกคนจึงไปทำงานอีกครั้ง ข้าวหอมก็ไปด้วย แต่ต้องไปนั่งเล่นขายของในกระโจมที่พ่อทำจากฟางข้าวไว้ให้ ซึ่งก็อยู่ไม่ไกลจากพ่อแม่นัก และทุกคนก็เดินมาดื่มน้ำที่อยู่ข้างเธอบ่อยครั้ง ข้าวหอมจึงไม่รู้สึกเหงาเลย ข้าวหอมโตขึ้นมาเป็นเด็กที่ค่อนข้างทนแดดทนฝน ทั้งที่ผิวพรรณภายนอกค่อนข้างบอบบาง แต่ตั้งแต่ดอมเจอเธอจนถึงตอนนี้ข้าวหอมไม่เคยเจ็บไข้ได้ป่วยเลยสักครั้ง
เกือบบ่ายสี่โมงครึ่ง ธันวาเกี่ยวข้าวแปลงนั้นช่วยพ่อกับแม่เสร็จจึงเดินมาหาน้องสาวที่นั่งเล่นสนุกอยู่คนเดียว
“พร้อมจะขี่ควายหรือยัง”
คนตัวเล็กละสายตาจากดอกหญ้าในมือที่นำมาเล่นขายของคนเดียวแล้วช้อนตามองพี่ชาย “พี่ธันเกี่ยวข้าวเสร็จแล้วเหรอคะ”
“เสร็จแล้ว”
“พี่ทิพย์ไปด้วยกันไหมคะ”
“ไปจ้ะ พี่ธันกับข้าวหอมขี่ไอ้ทองก็แล้วกัน ส่วนพี่จะขี่ไอ้ท้อเอง” ไอ้ท้อเป็นแม่ของไอ้ทอง ทั้งสองเป็นควายที่เด็ก ๆ รักมาก และควายทั้งสองตัวก็ผูกพันกับเด็ก ๆ มากเช่นกัน ไม่ว่าเด็กทั้งสามจะทำอะไรกับมัน ควายทั้งสองตัวก็ไม่เคยหงุดหงิดใส่เลย
“ค่ะ”
“ไปกันเถอะ” ธันวาพูดขึ้น และเดินนำหน้าน้องทั้งสองไป ส่วนธารทิพย์เดินจูงมือข้าวหอมตามไปไม่ห่าง
ธันวาขึ้นไปขี่บนหลังควายก่อน แล้วค่อยให้ธารทิพย์อุ้มข้าวหอมส่งให้ ข้าวหอมนั่งอยู่ด้านหน้าพี่ชาย ส่วนธันวาเป็นคนบังคับเชือกควายให้มันกินหญ้าไปอย่างช้า ๆ ตามแปลงนาที่เก็บเกี่ยวข้าวออกแล้ว ข้าวหอมชอบบรรยากาศแบบนี้มากที่สุด ในยามที่แสงแดดอ่อนลงเรื่อย ๆ ลมหนาวเริ่มพัดเข้ามาแทนที่ ควายตัวที่พี่สาวขี่มีนกเอี้ยงมาเกาะบนหัวของมันด้วย นกเอี้ยงมาเลี้ยงควายเฒ่าแบบไม่กลัวคนเลยจริง ๆ
ปีต่อมา
ดอมยืนมองทุ่งนาที่มีอยู่กว่าห้าไร่ของตนด้วยสายตาที่อ่านได้ยาก ปีนี้ฝนตกชุกกว่าทุกปีจึงทำให้นาแปลงนี้โดนน้ำท่วมทั้งหมด สิบวันแล้วที่น้ำท่วมข้าว พวกเขาคงหมดหวังที่จะได้ผลผลิตข้าวไปขายและแบ่งไว้ทำกิน นาคนอื่นก็โดนน้ำท่วมแต่พวกเขาก็คงไม่หมดตัวเหมือนกับครอบครัวของดอม
“เราจะทำยังไงกันดีคะพี่” พุดจีบถามสามีเสียงแผ่ว แววตาดูเหนื่อยล้า สิ่งที่ทุ่มเททำลงไปปีนี้คงสูญเปล่า เกือบทุกปีที่น้ำท่วมนาข้าวแต่ไม่มีครั้งไหนที่จะท่วมหนักเท่าครั้งนี้ แต่ข้าวเปลือกที่เหลือจากปีที่แล้วก็ยังพอที่จะกินได้อีกเกือบปี
“เราย้ายไปทำงานกับโรงสีม้าสีนิลดีไหม” ดอมนอนคิดเรื่องนี้มาหลายวันแล้ว เขาต้องเริ่มหางานประจำทำ ไม่เช่นนั้นภายหน้าครอบครัวอาจจะขัดสนมากกว่านี้ เมื่อนั้นคงหาทางแก้ไขลำบาก อีกทั้งในวัยเลขสี่เช่นนี้เขาต้องรีบหางานทำก่อนที่ร่างกายจะทำเพื่อครอบครัวไม่ไหว
“แล้วเราจะเข้าไปยังไงคะ เราไม่รู้จักใครในนั้นเลย” ใคร ๆ ต่างก็รู้ว่าโรงสีม้าสีนิลมีแต่คนอยากเข้าไปทำงานด้วย อีกอย่างโรงสีก็อยู่ในเขตอำเภอเมือง อย่างไรพวกเขาก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเหมารถขนย้ายของเข้าไป
“เดี๋ยวพี่ไปขอร้องให้กำนันช่วย ลูกเขยเขาทำงานเป็นนักวิชาการเกษตรอยู่ที่นั่น เขาอาจจะพอช่วยเราได้บ้าง” แต่บ้านกำนันอยู่คนละหมู่บ้าน เขาต้องเดินเท้าไปหา ถ้าครอบครัวเขาได้เข้าไปทำงานกับโรงสีม้าสีนิล ชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวก็จะดีขึ้น โรงสีมีสวัสดิการให้กับพนักงานหลายอย่าง รวมถึงมีที่พักอาศัยให้ด้วย
ดอมเดินมาถึงบ้านกำนันก็เจอกับกำนันพอดี “มีธุระอะไรแต่เช้าเหรอ” ก่อนหน้านี้กำนันโย่งเป็นคนในหมู่บ้านนาดีที่ดอมอาศัยอยู่ แต่พอแต่งงานก็ย้ายมาอยู่กับภรรยาที่บ้านนาเรียง จนได้รับเลือกตั้งเป็นกำนันเขาจึงไม่ค่อยได้กลับไปเยี่ยมบ้านเกิดเท่าใดนัก แต่กำนันโย่งก็คุ้นเคยกับดอมเป็นอย่างดี เพราะช่วงที่เขาย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านนาดีใหม่ ๆ ดอมกับภรรยาได้ไปรับจ้างดำนาและเกี่ยวข้าวให้กำนันทุกปีพวกเขาจึงคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี และดอมก็ถือว่ากำนันโย่งเป็นรุ่นพี่ที่นับถือคนหนึ่ง มีอะไรเขาก็ไปปรึกษากำนันโย่งตลอด
“ฉันมีเรื่องจะให้พี่กำนันช่วยสักหน่อยครับ” ดอมบอกชายที่แก่กว่าเขาแปดปี
“มีเรื่องอะไรก็ว่ามา” ร่างอ้วนท้วนเดินต้วมเตี้ยมไปนั่งที่โต๊ะซุ้มไม้ไผ่หน้าบ้าน ดอมก็นั่งลงฝั่งตรงข้าม
“ผมกับเมียอยากหางานทำครับ อยากให้กำนันฝากงานที่โรงสีม้าสีนิลให้ผมหน่อยครับ” ลูกทั้งสามก็โตขึ้นทุกวัน รายได้จากการรับจ้างก็ไม่เพียงพอ เพราะไม่ได้มีงานทำทุกวัน
“อืม… เดี๋ยวฉันลองถามเจ้าเหนือมันให้ ว่าพอจะฝากงานให้เอ็งได้ไหม นั่นไงมันเดินมาพอดี” กำนันมองเห็นลูกเขยเดินลงจากบ้านก็กวักมือเรียก ทิศเหนือจึงเดินเข้ามาหา
“มีอะไรเหรอครับพ่อ” ลูกเขยในวัยยี่สิบเจ็ดปีเอ่ยถาม
“ไอ้ดอมมันอยากจะเข้าไปเป็นคนงานในโรงสีม้าสีนิลน่ะ แกลองคุยกับเจ้าของโรงสีให้มันหน่อยได้ไหม” ครอบครัวของดอมเป็นคนขยันและมีความซื่อสัตย์ กำนันโย่งจึงไม่เคยปฏิเสธการช่วยเหลือ ที่จริงกำนันโย่งก็รู้จักกับเฒ่าแก่เจ้าของโรงสีเป็นอย่างดี แต่เพราะมีลูกเขยทำงานอยู่ที่นั่นเขาจึงไม่อยากเดินทางเข้าไปด้วยตัวเอง แค่รู้ว่าเป็นกำนันโย่งแนะนำมา เฒ่าแก่ก็คงพอเมตตาอยู่บ้าง
“ได้ครับ เดี๋ยวผมลองถามเถ้าแก่ให้นะครับ แต่ผมคิดว่าน่าจะได้นะครับ เพราะตอนนี้โรงสีกำลังรับคนงานอยู่เหมือนกัน แต่เป็นในส่วนแปลงปลูกข้าวนะครับ อาดอมพอทำได้ไหมครับ” โรงสีม้าสีนิลเป็นโรงสีขนาดใหญ่รับซื้อทั้งข้าวเปลือกจากชาวนา และยังปลูกข้าวเองอีกเกือบหกร้อยไร่ เพราะผลิตภัณฑ์จากโรงสีส่งขายไปทั่วประเทศ และตอนนี้เจ้าของโรงสีก็กำลังหาตลาดต่างประเทศอยู่พอดี ถ้าดอมกับครอบครัวเข้าไปตอนนี้ก็คงต้องไปดูแลแปลงข้าว ซึ่งเป็นงานที่เขาเป็นคนดูแลอยู่
“ได้ครับ ขอบคุณมากครับคุณเหนือ” ดอมพูดพร้อมกับยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณด้วยท่าทางกระตือรือร้น
“ไม่ต้องไหว้ผมก็ได้ครับอา ผมเต็มใจช่วยครับ” ทิศเหนือบอกชายหนุ่มที่น่าจะมีอายุมากกว่าเขาเป็นสิบปี
สนทนาอีกไม่นานดอมก็ขอตัวกลับ เขาเดินกลับบ้านอย่างมีความหวัง ถ้ามีรายรับทุกวัน ลูกของเขาก็จะมีเงินไปโรงเรียนทุกวันอย่างไม่ต้องอายเพื่อน และถ้าได้ไปทำงานที่โรงสีม้าสีนิลจริง เขาจะได้ทำเรื่องย้ายโรงเรียนให้ลูกเลย