ตอนที่ 5 น้องข้าวหอม
ดอมนิ่งอยู่ครู่หนึ่งสีหน้าเขาค่อนข้างหนักใจ ไม่รู้ว่าเมื่อพวกเขารับเด็กคนนี้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวแล้ว ผลที่ตามมาจะเป็นอย่างไรบ้าง แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเลี้ยง เพราะแม้แต่สุนัขจรจัดที่อยู่ตามข้างถนนก็ยังมีผู้ใจบุญเก็บมาเลี้ยง นับประสาอะไรกับเด็กน้อยตัวอ้วนคนนี้ “ชื่อข้าวหอม แกว่าดีหรือไม่”
“ทำไมน้องถึงชื่อข้าวหอมล่ะครับพ่อ” ธันวาแทรกขึ้น เขาชื่อธันน้องสาวชื่อทิพย์ แต่ทำไมน้องสาวคนเล็กถึงชื่อข้าวหอม เขาสงสัย
“ก็เพราะน้องเกิดอยู่ท่ามกลางทุ่งข้าวหอมอย่างไรล่ะ” พ่ออธิบาย คิดว่าชื่อนี้คงเหมาะกับเด็กคนนี้แล้ว ที่นาของเขาปลูกทั้งข้าวเหนียวและข้าวเจ้า แต่โซนนั้นเป็นโซนข้าวเจ้าเขาจึงตั้งชื่อลูกว่าข้าวหอม
ลูกทั้งสองพยักหน้า ภรรยาก็เห็นดีด้วยกับชื่อนี้
พุดจีบคลี่ผ้าถุงที่ห่อหุ้มทารกน้อยออกก็พบว่ามีตุ่มพุพองขึ้นอยู่เต็ม “ไปโดนอะไรกัดมาบ้างเนี่ย เนื้อตัวถึงได้มีแต่ผื่นขึ้นเต็มแบบนี้” พุดจีบเห็นแล้วก็รู้สึกเจ็บปวดแทน
“โดนมดกัด” สามีตอบ
“โถ! ข้าวหอมลูกแม่” พุดจีบสงสารลูกนอกไส้เจียนจะขาดใจ เด็กตัวแค่นี้ทำไมพ่อกับแม่ถึงทิ้งได้ลงคอ จิตใจพวกเขาทำด้วยอะไร “แล้วนี่มีแหวนทองคล้องมาด้วยหรือนี่” พุดจีบหยิบแหวนขึ้นดู
“อืม แกถอดเก็บไว้ก่อนเถอะจะได้ไม่เกะกะ” แหวนวงนั้นน่าจะหนักสักสองสลึง
พุดจีบจึงถอดสร้อยคอเส้นนั้นออก แล้วมองแหวนทองแบบเรียบ ๆ วงนั้นอีกครู่หนึ่ง ก่อนจะเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อชั้นในแล้วกล่าวกับลูกสาว “เมื่อถึงเวลาแม่จะคืนให้หนูนะ” ข้าวหอมยิ้มร่าออกมาเหมือนรู้ความ ผู้เป็นแม่มองแล้วก็ยิ่งเอ็นดูแกมมันเขี้ยว “งั้นฉันวานแกไปซื้อนมผงให้หน่อยสิ”
“ได้” พุดจีบรีบหยิบเงินที่พอเหลืออยู่อย่างจำกัดให้สามี
ดอมเดินเท้าเข้าไปในหมู่บ้าน เพื่อซื้อนมผงให้ลูกสาวคนเล็ก ก่อนไปภรรยายังกำชับเขาว่าอย่าเพิ่งบอกเรื่องนี้กับใครเป็นอันขาด
พุดจีบหันไปสั่งลูกชาย “ธันก่อไฟต้มน้ำให้แม่หน่อยลูก” เธอจะต้มน้ำทำความสะอาดลูกน้อยก่อนจะทายาให้ และต้มไว้ให้เด็กดื่มกินด้วย
“ครับแม่”
“หนูช่วยนะคะ” ธารทิพย์มองน้องจนพอใจแล้วจึงเดินไปก่อไฟช่วยพี่ชาย ฝนตกทั้งคืนทำให้ฟืนที่เก็บไว้ใต้ถุนเรือนหลังเล็กค่อนข้างชื้น พื้นดินที่มีหินวางอยู่สามก้อนที่ใช้เป็นเตาไฟก็ชื้นเช่นเดียวกัน แต่พื้นที่ตรงนั้นแม่เพิ่งก่อไฟทำอาหารเสร็จไฟจึงยังไม่มอดดับ คงทำให้ธันวาก่อไฟได้ง่ายขึ้น ถึงจะอายุแค่เพียงแปดขวบแต่เขาก็ทำสิ่งที่พ่อกับแม่สอนได้เป็นอย่างดี
อาบน้ำให้ลูกเสร็จพุดจีบนำปูนที่ใช้กินหมากออกมาทาตุ่มที่โดนมดกัดให้ลูก เด็กคนนี้น่าเกลียดน่าชังเหลือเกิน ดวงตาดำขลับราวกับตุ๊กตา แพขนตาดกดำขับให้ดวงตาหวานซึ้งเมื่อยามได้พิศมอง ยิ่งมองก็ยิ่งน่าหลงใหล พออาบน้ำเสร็จก็ไม่งอแงเลย ช่างเป็นเด็กที่รู้ความเสียจริง
ดอมกลับมาพร้อมกับนมผงเธอจึงรีบชงให้ลูกดื่มทันที ดอมนำเปลที่ทำจากไม้เต็งอย่างดีออกมาจากมุมหนึ่งของบ้าน ใช้ผ้าขาวม้าผูกเตรียมให้ลูกนอน เขาเกือบจะให้เปลคนอื่นไปแล้วเพราะคิดว่าตัวเองคงไม่ได้ใช้อีก แต่การได้เลี้ยงเด็กทารกคนนี้เขาจะถือว่าข้าวหอมคือสิ่งนำโชคของครอบครัว และจะเลี้ยงดูเด็กคนนี้ให้เหมือนกับลูกแท้ ๆ ของตน
รถยนต์คันสีขาวขับไปตามถนนลาดยางมุ่งหน้าเข้าสู่ตัวจังหวัด ตลอดเส้นทางหญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านหลังก็เอาแต่ร่ำไห้ เธอร้องไห้จนไม่มีน้ำตาให้ไหล มีเพียงเสียงสะอื้นที่ดังต่อเนื่องเหมือนจะขาดใจ
“คุณหนูหยุดร้องเถอะครับ อีกไม่นานก็จะถึงบ้านแล้ว” คนขับรถวัยสามสิบต้นบอกกับหญิงสาวผู้เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของเจ้านายด้วยความสงสาร เธออายุเพียงสิบแปดปีเท่านั้น
“ฉันเป็นห่วงลูก ฮือ ฮึก ฮึก” เธอพูดพลางสะอื้นฮึก ๆ หน้าอกสั่นเทิ้มไปหมด
“แต่คุณหนูก็เห็นว่ามีผู้ชายมาอุ้มเด็กไปแล้วไม่ใช่เหรอครับ” เธอแอบมองจนแน่ใจว่าผู้ชายคนนั้นอุ้มลูกของเธอไปแล้ว จึงยอมขึ้นรถที่จอดบังพุ่มไม้อยู่ข้างถนนลูกรังเส้นนั้น แต่เธอมองไม่เห็นใบบหน้าของชายผู้นั้น
“อือ แต่ฉันก็ยังเป็นห่วงลูกอยู่ดี ฮือ ๆ ปรายฟ้าลูกแม่”
คนขับรถพาเธอแวะห้องน้ำในปั๊มน้ำมันก่อนกลับเข้าบ้าน
ทุกวันดอมจะออกไปรับจ้างถางหญ้าตามคันนาให้ชาวบ้าน บางวันก็รับจ้างเกี่ยวหญ้าให้ควาย รวมถึงเลี้ยงควายที่มีอยู่สองตัวนั้นด้วย เพราะเขาต้องหาเงินมาจุนเจือครอบครัว ยิ่งตอนนี้มีลูกเล็กเพิ่มมาอีกหนึ่งคน ดอมจึงต้องขยันมากขึ้น บางครั้งไม่มีเงินซื้อนมให้ลูกคนเล็กกิน ข้าวหอมต้องกินน้ำข้าวต้มเพื่อประทังชีวิตแทน ยังดีที่นาของพิมยังมีกล้วยน้ำว้าแก่จัดอยู่หลายเครือ ดอมก็ทยอยตัดมาบ่มเพื่อให้ภรรยาบดผสมกับข้าวเหนียวแล้วห่อหมกตั้งไฟให้สุกแล้วนำมาป้อนลูก
ถึงการเลี้ยงลูกสามคนจะเหนื่อยและค่อนข้างลำบาก แต่ก็เป็นความลำบากที่มีความสุข พวกเขาทั้งสองเต็มใจที่ได้เลี้ยงลูกทั้งสาม
หลังเลิกเรียนธันวากับธารทิพย์เดินตามหลังพ่อเพื่อไปช้อนลูกอ๊อดของเขียดทรายเพื่อนำมาประกอบอาหาร พวกเขาเติบโตมากับกุ้ง หอย ปู ปลา กบ เขียดในท้องนา ปลาทู ปลากระป๋อง เนื้อหมู และไข่พวกเขาแทบไม่เคยเห็นหน้ามัน แต่แค่นี้พวกเขาก็คิดว่าอาหารตามไร่นาก็เป็นอาหารชั้นเลิศสำหรับพวกเขาแล้ว