บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 ช่วยเหลือ

“จอดตรงถังขยะด้านหน้าก่อนนะลุง” ยุทธวีร์สั่งคนขับรถเสียงเรียบ

“ครับ”

ลุงเชยชะลอรถและจอดขนานกับทางเท้า ร่างสูงใหญ่เปิดประตูก้าวขาลงจากเบาะหลังแล้วเดินตรงไปที่ถังขยะ ตรงนั้นมีหญิงสาวตัวเล็กกำลังคุ้ยหาอะไรบางอย่าง เห็นแล้วช่างเป็นภาพที่น่าหดหู่ใจยิ่งนัก คนรวยก็รวยก็ล้นฟ้า ส่วนคนจนก็จนกระทั่งไม่รู้ว่าจะเอาอะไรกิน เขาเป็นคนอ่อนไหวกับเรื่องแบบนี้ เมื่อเห็นก็อดไม่ได้ที่จะช่วยเหลือ

“นี่เธอ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นไม่ไกลจากหญิงสาวมากนัก

ผู้หญิงคนนั้นหันมามองเขาดวงตาแดงก่ำคลอไปด้วยหยดน้ำ “คุณเรียกหนูเหรอคะ”

“อือ ฉันเอาข้าวกับน้ำมาให้ บ้านเธออยู่ที่ไหนเหรอ” ถามพลางยื่นถุงกล่องข้าวกับน้ำดื่มให้ ถ้าเขาพอช่วยได้เขาอาจจะช่วย แต่ต้องขอเข้าไปดูบ้านของเด็กคนนี้ก่อน

เธอส่ายหน้าก่อนตอบ “หนูไม่มีบ้านค่ะ” นิ้วมือดำ ๆ พนมไหว้ขอบคุณอย่างนอบน้อม และรับถุงข้าวมาด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง

“แล้วพ่อกับแม่เธอล่ะ”

“ตายหมดแล้วค่ะ หนูอยู่คนเดียว” ครอบครัวเธอเป็นขอทาน พ่อกับแม่มีลูกสาวคนเดียวคือเธอ ท่านทั้งสองจากไปได้สามปีแล้ว เธอจึงต้องเลี้ยงดูตัวเองเพียงลำพัง วันไหนหาได้ค่อยได้กิน ชีวิตเดินทางไปเรื่อย ๆ ค่ำไหนก็นอนนั่น บางครั้งก็โดนเทศกิจขับไล่

ถึงจะยังไม่อยากเชื่อนัก แต่เขาก็ถามเธอออกไป “อยากมีบ้านอยู่ อยากเรียนหนังสือไหม” เขามีสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า จะรับเพิ่มไปอีกคนจะเป็นไรไป ดูแววตาเด็กคนนี้ไม่ใช่คนเจ้าเล่ห์เพทุบาย คงไม่ได้พูดเพื่อหลอกลวงเขา

หญิงสาวพยักหน้า “อยากค่ะ” เธอพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา

“ก่อนห้าโมงเย็นวันนี้มารอฉันอยู่ที่หน้าโรงงานตรงที่รอรถนะ” ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้ถูกชะตากับเด็กคนนี้อย่างน่าประหลาด

“ค่ะ”

ว่าแล้วหนุ่มหล่อคนนั้นก็เดินกลับไปที่รถ ทิ้งให้เด็กคนนั้นยืนงงอยู่กับที่ หวังว่าเธอคงไม่โดนเขาหลอก น้อยนักคนหล่อหน้าตาดีอย่างเขาจะไม่รังเกียจคนตัวเหม็นอย่างเธอ ทุกครั้งที่มีคนเดินผ่านย่อมได้รับสายตาเหยียดหยามพร้อมกับท่าทีรังเกียจเสมอ แต่ผู้ชายคนที่เพิ่งจากไปกลับไม่แม้แต่จะทำท่าทางไม่ดีเช่นนั้น

น้ำตาเธอไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว

เขาเป็นใครกันนะ ถึงได้ใจดีกับเธอเช่นนี้ ตลอดชีวิตยังไม่เคยมีใครคุยกับเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเช่นนี้มาก่อน

“คุณวีร์คุยอะไรกับเด็กคนนั้นเหรอครับ” ลุงเชยเอ่ยถามเมื่อเจ้านายเข้ามานั่งในรถเรียบร้อยแล้ว

“ฉันจะรับเด็กคนนั้นเข้าไปดูแลในสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า” ถึงเธอจะดูโตกว่าเด็กที่อยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของเขาก็ตาม

“คุณวีร์คิดดีแล้วเหรอครับ”

“อือ”

ได้ยินคำยืนยันเช่นนั้นลุงเชยจึงไม่คิดที่จะถามต่อ สิ่งไหนที่เจ้านายตัดสินใจแล้วย่อมผ่านการคิดไตร่ตรองมาดีแล้ว แม้เขาจะไม่เคยรับเด็กเร่ร่อนที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้ามาก่อนก็ตาม

ยุทธวีร์นั่งทำงานจนลืมเวลา ตอนนี้เกือบหกโมงเย็นแล้วแต่งานของเขาก็ยังไม่เสร็จ ด้านนอกเหมือนฝนกำลังตกลงมาอย่างหนัก

ผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมงเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ร่างคนขับรถก้าวเข้ามาแล้วเอ่ยขึ้น “ใกล้จะทุ่มนึงแล้วนะครับคุณวีร์”

ครู่หนึ่งชายหนุ่มทำท่าเหมือนนึกบางอย่างขึ้นได้เขาเบิกตากว้างแล้วโพล่งขึ้น “ฉันนัดเด็กคนนั้นไว้ที่หน้าโรงงานตอนห้าโมงเย็น” ยุทธวีร์รีบเก็บของบนโต๊ะทำงาน ส่งกระเป๋าโน้ตบุ๊กให้คนขับรถแล้วรีบเดินออกไป ป่านนี้เธอจะยังรอเขาไหม

รถเก๋งสีดำจอดเทียบตรงป้ายรอรถหน้าโรงงาน ดวงตาของชายหนุ่มกระตุกวูบหนึ่งเมื่อเห็นร่างเล็กนอนขดตัวเหมือนตัวหนอนหลบภัยอยู่บนทางเท้า ในใจรู้สึกผิดจนไม่อยากให้อภัยตัวเอง

ลุงเชยรีบเปิดประตูลงไปอุ้มเด็กคนนั้นขึ้นมาจากพื้นอันเปียกชื้น ฝนยังตกลงมาอย่างหนัก ชายหนุ่มเปิดประตูด้านหลังให้คนขับแล้วตะโกนบอก “เอามาเบาะหลังก็ได้ลุง”

ลุงเชยไม่มีเวลาลังเลเพราะตอนนี้ตัวเขาก็เปียกเหมือนกัน ลุงเชยวางร่างไร้สติของหญิงสาวลงบนเบาะหลังที่มีเจ้านายนั่งอยู่ก่อนแล้ว ศีรษะของเธอหันไปทางเขา ยุทธวีร์หยิบหมอนที่อยู่บนเบาะให้เธอหนุน ตอนนี้ใบหน้าที่เคยมอมแมมโดนน้ำฝนชะล้างออกไปบ้างแล้ว ทำให้มองเห็นผิวที่ค่อนข้างขาวของเธอแต่แก้มตอบไปมาก ทั้งร่างสั่นเทาเพราะความหนาว เขาถอดเสื้อสูทตัวใหญ่ห่มให้อย่างไม่อิดออด

มือใหญ่เอื้อมไปจับหน้าผากเด็กคนนั้นอย่างถือวิสาสะ ตัวของเธอร้อนผ่าวราวกับมีกองไฟสุมอยู่

“ไปไหนครับคุณวีร์”

“โรงพยาบาล”

ตลอดการเดินทางยุทธวีร์ไม่ได้เอ่ยคำใดออกมา มีเพียงสายตาที่เฝ้ามองคนที่นอนอยู่อย่างห่วงใย หากเธอเป็นอะไรไปเขาต้องรู้สึกผิดไปทั้งชีวิต
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel