3 | เทพบุตรเกรดต่ำ
- 3 -
เทพบุตรเกรดต่ำ
ฉันเดินเข้าไปยังจุดที่พี่นอร์ทและเพื่อนของเขายืนอยู่ ซึ่งเป็นจังหวะที่ผู้หญิงคนนั้นได้เดินออกไปพอดี ทางที่ฉันเดินไปหาเป็นด้านข้างทำให้พวกพี่นอร์ทยังไม่เห็นฉันโดยตรง ส่วนพี่เตเองก็ยืนรอฉันอยู่ที่เดิมเพราะฉันขอร้องเขาไว้น่ะ
ความจริงก็คือกลัวความรู้สึกของตัวเองมากกว่า ถ้าพี่เตอยู่ด้วยฉันว่ามันน่าจะดีกว่าการอยู่คนเดียว
“ไอ้นอร์ทไหนมึงเล่ามาดิ้ว่าน้องคนเมื่อกี้นี่คือยังไง” ทว่าเมื่อฉันเดินเข้าไปใกล้ก็ได้ยินบทสนทนาของพวกเขามากขึ้น นั่นจึงทำให้หยุดฝีเท้าและเลือกที่จะฟังพวกเขาพูดกันอยู่พักหนึ่งแทน
“ยังไงนี่คืออะไรวะ” พี่นอร์ทเลิกคิ้วเชิงคำถามพลางหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ
“ก็มึงมีวาอยู่แล้วไม่ใช่เหรอวะ” คราวนี้เป็นเสียงของเพื่อนเขาอีกคนที่เอ่ยต่อจากนั้น ซึ่งคำถามนี้ทำให้ฉันขยับเข้าไปใกล้มากขึ้นเพราะอยากจะรู้เหมือนกันว่าพี่นอร์ทจะตอบยังไง
“วาก็แค่เล่น ๆ แล้วที่สำคัญกูกับน้องก็ยังไม่ได้เป็นแฟนกันด้วย”
เจ็บโคตร...ฉันเม้มปากแน่นพลางสกัดกั้นหยาดน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ไหลออกมา อีกทั้งร่างกายยังสั่นระริกด้วยความเสียใจที่ได้ยินคำตอบจากปากของพี่นอร์ทแบบนี้
“เอ้าแล้วน้องคนเมื่อกี้อะ”
“ไหนมึงบอกเลิกคุยกับวาแล้ว” เสียงของพี่พยัคฆ์เอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเรียบนิ่งตามฉบับของเขา ประโยคนั้นของพี่พยัคฆ์ทำให้ฉันแปลกใจขึ้นมาในทันที
เลิกคุยบ้าอะไร เมื่อเช้าพี่นอร์ทยังมารับฉันที่คอนโดฯ อยู่เลย!
“อะไรของมึงไอ้เสือ ก็เป็นมึงเองไม่ใช่เหรอที่แนะนำให้กูรู้จักกับน้องเอยอะ”
ว่าไงนะ!?
เป็นพี่พยัคฆ์เองสินะที่แนะนำให้พี่นอร์ทรู้จักกับผู้หญิงคนนั้นน่ะ เหอะ! เลวเหมือนกันทั้งคู่
“ก็กูไม่รู้ว่ามึงยังไม่...”
“อย่าทำหน้าจริงจังกันได้ไหมวะ พวกมึงก็รู้ว่าคนอย่างกูชอบผู้หญิงแบบไหน แบบวากูไม่ชอบหรอก ถึงน้องเขาจะสวยแต่แม่งก็ไม่ใช่สเป๊กกูอะ”
“อย่าเหี้ยให้มากนอร์ท”
“สัส ด่ากูทำไมไอ้พยัคฆ์ อย่ามายุ่งเรื่องของกู กูจัดการชีวิตกูได้”
“เฮ้ย อย่าทะเลาะกันดิวะ ใจเย็นพวกมึง
“ไว้กูได้วาก่อนแล้วค่อยบอกเลิกน้อง คุยมาหลายเดือนแล้วก็ขอเก็บเกี่ยวอะไรสักหน่อยดิวะ”
ทว่า...ประโยคถัดมาของพี่นอร์ททำเอาฉันแน่นิ่งราวกับถูกของหนักทุบกลางศีรษะ นี่เขาต้องการเพียงสิ่งนั้นสิ่งเดียวใช่ไหม...?
ตลอดเวลาที่คุยกันมาเขาไม่ได้ชอบหรือรักฉันบ้างเลยเหรอ...?
แล้วที่เขาทำดีกับฉัน แล้วทุกอย่างที่ผ่านมานั้นหมายความว่ายังไง ฉันไม่เข้าใจ...?
ตอนนี้คำถามมากมายเต็มอยู่ในหัวของฉัน ฉันไม่เข้าใจเลยว่าพี่นอร์ทต้องการอะไรกันแน่ แล้วทำไมต้องเห็นฉันเป็นเหมือนของเล่นด้วย!
“ไอ้เหี้ยนอร์ท มึงพูดว่าไงนะ!”
หมับ!
ทว่าไม่นานก็ต้องกลับมาสู่สถานการณ์ตรงหน้าเมื่อเสียงเข้มคุ้นหูตวาดกร้าวพร้อมกับร่างสูงของพี่เตที่เดินเข้าไปกระชากคอเสื้อของพี่นอร์ทเอาไว้ด้วยความโมโหอย่างหนัก
นี่พี่เตได้ยินอย่างนั้นเหรอ...?
“อะไรของมึงวะไอ้เต!”
“พูดเห็นน้องกูเป็นอะไรวะ เมื่อกี้มึงพูดอะไรออกมา ไอ้สารเลว!” พี่เตตะคอกออกไปสุดเสียงซึ่งทำให้ผู้คนรอบ ๆ ก็ต่างให้ความสนใจมองไปที่พวกเขากับแทบทั้งหมด
“ใจเย็นก่อนมึง มีไรก็ค่อยพูดกันดิวะ” เพื่อนของพี่นอร์ทเข้ามาห้ามแต่ด้วยเรี่ยวแรงของพี่เตทำให้ไม่สามารถต้านทานได้เลยสักนิด
“พี่เต พี่เตอย่า!” ฉันรีบวิ่งเข้าไปห้ามพี่เตในทันทีที่ตอนนี้กำลังง้างหมัดใส่กับคนตรงหน้า ตอนนี้เราอยู่ในมหา’ลัย หากมีอาจารย์มาเห็นก็คงเกิดเรื่องแน่ ๆ
“วา...” พลันเมื่อฉันเข้าไปแสดงตัวก็ทำให้พี่นอร์ทชะงักไปในทันที แววตาของเขาเปลี่ยนไปซึ่งเป็นจังหวะเดียวที่พี่เตยอมปล่อยคอเสื้อของพี่นอร์ทก่อนที่จะจับไหล่ของฉันเอาไว้เพื่อให้ออกจากห่างพี่นอร์ทมากที่สุด
“ฮึก...ที่พี่นอร์ทพูด...”
“ไม่วา วาฟังพี่ก่อนนะ มันไม่ใช่อย่างที่วาคิด” พี่นอร์ทปฏิเสธพร้อมกับเดินเข้ามาหาฉันแต่ก็ถูกเตกั้นเอาไว้
“อย่าแตะต้องน้องกู”
“ฮึก...พี่แม่งเลว เลวมาก พี่ต้องการแค่นั้นจริง ๆ เหรอ ถ้าได้วาแล้วพี่ก็จะทิ้งวาใช่ไหม ฮึก...” ไม่อาจกัดกลั้นหยาดน้ำตาได้อีกต่อไป ฉันร้องไห้สะอื้นออกมาอย่างหนัก ไม่คิดเลยว่าคนที่ฉันเคยยกยอให้เป็นเทพบุตรในหัวใจจะกลายเป็นซาตานที่โคตรเลวได้แบบนี้
ไอ้เทพบุตรเกรดต่ำ ต่ำไปถึงนรก!
“ไม่ใช่วา ไม่ใช่เลย พี่แค่...”
“สารเลว! ฮึก พี่แม่งโคตรเลว วาเคยมองพี่เป็นคนดีแต่จริง ๆ แล้วพี่มันก็แค่ไอ้สวะคนหนึ่ง!”
“วาพี่ขอโทษ ฟังพี่ก่อนนะคนดี”
“อย่าเข้ามาใกล้ เรื่องระหว่างเราสองคนจบกันตั้งแต่วันนี้ อย่ามาให้วาเห็นหน้าอีก ไอ้ผู้ชายเฮงซวย!”
สิ้นประโยคฉันก็รีบหันหลังและวิ่งออกไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว พอกันทีกับคนเลว ๆ แบบนี้ อย่าได้เจอะเจอกันอีกเลย!
“ฮึก...ไอ้คนบ้า ไอ้สารเลว ฮึกฮือ...”
ขาของฉันก้าวออกไปตามทางทั้งที่หยาดน้ำตายังคงไหลพรั่งพรูอย่างหนัก จนกระทั่งฉันหยุดยืนอยู่ที่บริเวณโต๊ะม้าหินพลางทิ้งตัวลงก่อนจะฟุบใบหน้าเพราะหมดแรงที่จะเดินต่อ
เจ็บที่สุดที่ได้ยินคำพูดของพี่นอร์ท ฉันไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็นคนแบบนี้ พูดออกมาได้ยังไง!
โคตรเสียดายเวลาเลย ถึงจะเป็นเพียงไม่กี่เดือนแต่ฉันก็เสียดาย แค่คิดว่าฉันเคยมองว่าเขาเป็นคนดีขนาดไหนก็ยิ่งทำให้ขยะแขยง ทั้งที่จริงแล้วเขาก็เป็นไอ้ผู้ชายเฮงซวยคนหนึ่งเท่านั้น!
“วา” เสียงเข้มคุ้นหูเอ่ยก่อนที่ฉันจะรู้สึกถึงสัมผัสที่แตะลงเบา ๆ บริเวณไหล่ของฉัน
“ฮึก พี่เต...” ฉันเงยหน้าขึ้นและหันไปมองก็พบว่าเป็นพี่เตที่หยุดอยู่ด้านหลัง ฉันร้องไห้ออกมาอย่างหนักก่อนจะซบใบหน้ากับร่างกายของเขาเพื่อหมดหนทางแล้วในตอนนี้
ตอนนี้มันมีแต่คำว่าเสียใจและเจ็บปวด หากย้อนเวลากลับไปได้ฉันจะไม่เข้าใกล้ผู้ชายคนนั้นเลยแม้แต่ก้าวเดียว
“ร้องออกมาเลย ถ้าเสียใจก็ร้องออกมา”
“ฮึก พี่เตไปส่งวาที่ตึกหน่อยสิ วามีเรียนอะ” ฉันฮึบเอาไว้พลางเอ่ยออกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ถึงแม้ว่าจะเสียใจมากแค่ไหนแต่เรื่องเรียนก็สำคัญเป็นอันดับหนึ่ง
“ยัยบ้า แกนี่นะ ไป ๆ เดี๋ยวพี่ไปส่ง” พี่เตหลุดหัวเราะออกมาพลางปาดน้ำตาออกจากใบหน้าของฉัน
ฉันไม่แปลกใจเลยที่คนอื่นจะมองว่าฉันกับพี่เตมีซัมติงกันน่ะ ก็ดูที่เขาทำสิ
“เดี๋ยวคนก็เอาไปพูดหรอก”
“ชินได้ละ ถ้าไม่คิดไรก็ปล่อยไปเถอะ”
“อื้อ” ฉันพยักหน้ารับหงึก ๆ ก่อนจะลุกขึ้นและเดินตามพี่เตไปยังรถยนต์ของเขาที่จอดอยู่ด้านหน้าตึกคณะ
ตอนนี้ฉันไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแหละ โดนบอกเลิกต่อหน้าคนอื่นมาถึงสองครั้งหน้าของฉันก็คงด้านชาไปแล้วล่ะ
ช่วงค่ำ
HK BAR
ฉันนัดกลุ่มเพื่อนมาที่ร้านเหล้าซึ่งอยู่แถว ๆ มอเพื่อดื่มล้างซวยให้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ หลังจากที่ฉันกลับไปเรียนฉันก็ตัดสินใจบอกกับเพื่อนในเรื่องของพี่นอร์ทซึ่งแน่นอนว่าเพื่อนของฉันต่างก็โมโหโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจนแทบจะตรงไปเอาเรื่องพี่นอร์ทให้รู้แล้วรู้รอด
“จองไว้ชื่อวาสี่คนค่ะ” ฉันบอกกับพนักงานในร้านหลังจากที่มาเอาโต๊ะเป็นคนแรก
จริง ๆ คอนโดฯ ของฉันอยู่ไม่ไกลจากร้านมากฉันเลยบอกกับเพื่อนว่าจะมาก่อน แต่เพื่อนของฉันก็คงตามมาอีกไม่นานนี่แหละ สู้มาก่อนแล้วสั่งเครื่องดื่มกับของทานเล่นไว้รอดีกว่า
“โต๊ะนี้ครับ” พนักงานพาฉันมาที่โต๊ะที่มีชื่อติดไว้ก่อนจะนำเสนอโปรโมชั่นเบียร์และราคาเครื่องดื่มต่าง ๆ ตามหน้าที่ ฉันเลยจัดการสั่งเครื่องดื่มที่ดื่มประจำพร้อมด้วยของทานเล่นมาเล็กน้อยเพราะรู้ดีว่าเพื่อน ๆ ของฉันชอบทานอะไรกันบ้าง
จนกระทั่งเวลาผ่านไปสักสิบนาทีได้เพื่อนของฉันก็มากันจนครบ เพื่อนฉันมีสามคนรวมฉันไปด้วยก็เป็นสี่ จะมีจ๋า ใบหม่อน และพลอย ซึ่งทั้งสามคนนี้ฉันรู้จักและคบหากันเป็นเพื่อนตั้งแต่ปีหนึ่งหรือตอนที่เข้ามหา’ลัยนั่นแหละ
“นี่มึงสั่งเบียร์แล้วเหรอ” จ๋าถามขึ้นเมื่อเห็นว่ามีแก้วและขวดเบียร์วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ
“อืม”
“สั่งมาเยอะป้ะ” คราวนี้เป็นเสียงพลอยที่ถามขึ้นต่อจากนั้นซึ่งมันเองก็ลองนับจำนวนขวดเบียร์ที่วางอยู่ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ ฉัน “โอเค หนึ่งลัง รอดตัว”
“ตั้งหนึ่งลังเลยนะเว้ย กูว่าเยอะนะ ทำไมมึงดูไม่แปลกใจวะ”
“โอ๊ยอีหม่อน ปกติเราตี้ก็กินเป็นลังอยู่แล้วป้ะ”
“ใช่ แล้วยิ่งเวลาที่กูเสียใจแบบนี้มันก็ไม่ได้เยอะเลยนะเว้ย” ฉันบอกออกไปด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ พอนึกถึงหน้าไอ้นอร์ทก็ยิ่งทำให้หงุดหงิดขึ้นมาเสียดื้อ ๆ
คือก็ยังเสียใจอยู่นะแต่มันโกรธมากกว่าที่รู้เหตุผลจากปากของไอ้พี่นอร์ทนั่นน่ะ
แต่ปกติแล้วฉันเป็นคนดื่มไม่เก่งนักหรอก ฉันนี่แหละที่จะเป็นคนเมาก่อนใครเพื่อน ก็มีสามคนนี้แหละที่เป็นสายแบกฉันแล้วพากลับทุกครั้งน่ะ
หากเทียบระดับการดื่มเก่งแล้วฉันก็ต้องยกให้จ๋ากับพลอย ส่วนใบหม่อนน่ะก็คล้าย ๆ ฉันเลย กินได้เยอะนะแต่ก็จะเมาก่อนใครทุกที
“งั้นหมดแก้วประเดิมก่อนเลยค่ะสาว แด่ความเสียใจของเพื่อนสาววารี”
“มา ๆ หมดแก้ว!”
ฉันยกแก้วขึ้นชนกับเพื่อนก่อนจะกระดกเบียร์ดื่มจนหมดหลังจากนั้นก็วางแก้วลงที่โต๊ะจนเกิดเสียงดัง ‘ปึก’ ซึ่งเพื่อนคนอื่น ๆ ก็วางลงมาต่อจากนั้น
“ดีแล้วมึงที่รู้สันดานพี่นอร์ทก่อนอะ ดีกว่าคบไปแล้วเพิ่งรู้” ใบหม่อนตบเบา ๆ ที่ไหล่ของฉันเพื่อปลอบโยน แต่มันก็จริง ถ้าเกิดฉันคบหากับพี่นอร์ทไปแล้วมารู้นิสัยเขาที่หลังมันคงแย่กว่านี้
“จริงมึง ถือซะว่าหมดเวรหมดกรรม สวย ๆ อย่างมึงไม่ควรมานั่งเสียใจหรอกเชื่อกู”
“ฮือ มึงอย่าบิ๊วกูได้ไหม เดี๋ยวกูก็ร้องไห้อีกหรอก” ฉันเบะปากทำท่าจะร้องไห้เมื่อได้ยินคำพูดของเพื่อนสนิทที่พูดมาไม่หยุด มันทั้งมีความเสียใจและก็ตื้นตันในความหวังดีของพวกมัน จนน้ำตาเอ่อคลอมาอีกครั้ง
“ร้องเลยมึง อยากร้องก็ร้องเลย แต่มึงต้องสัญญาว่าถ้ามึงร้องไห้วันนี้แล้วพรุ่งนี้มึงจะต้องไปหาผู้ใหม่นะ”
“โอ๊ยไอ้บ้า อะไรมันจะรวดเร็วขนาดนั้น” ฉันหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินประโยคนั้นจากปากพลอย ใครจะไปหาผู้ใหม่ได้ไวขนาดนั้นกันเล่า
“เฮ้ย ๆ มึงดูโน่น นั่นพี่พยัคฆ์นี่หว่า แปลว่าไอ้เชี่ยพี่นอร์ทก็ต้องอยู่นี่ดิ” แรงสะกิดของจ๋าทำให้ฉันหันไปมองซึ่งก็เห็นว่าเป็นพี่พยัคฆ์จริง ๆ
เหอะ! เห็นหน้าแล้วอยู่ ๆ ก็เบะปากโดยอัตโนมัติเลย!
“มึงจะเบะปากทำไมวะไอ้วา”
“ก็ไอ้พี่พยัคฆ์นี่แหละที่เป็นคนแนะนำผู้หญิงคนนั้นให้พี่นอร์ทรู้จักอะ แม่งเลวทั้งแก๊ง!”
ยิ่งนึกถึงก็ยิ่งโกรธ ฉันได้ยินเต็มสองหูว่าพี่พยัคฆ์เป็นคนแนะนำให้พี่นอร์ทรู้จักกับผู้หญิงคนอื่นทั้ง ๆ ที่เขาก็รู้ว่าพี่นอร์ทนั้นคุยกับฉันอยู่
“ฮะ!? จริงดิ พี่พยัคฆ์เนี่ยนะ” ใบหม่อนเบิกตากว้างตกใจและถามย้ำอีกครั้งซึ่งฉันก็พยักหน้ารับแทนคำตอบ
“อืม หมอนี่แหละ เกลียดว่ะ”
ไม่ใช่ว่าฉันจะโทษพี่พยัคฆ์คนเดียวหรอกนะ แต่เขาก็มีส่วนผิดใช่ไหมเหรอ คนดี ๆ ที่ไหนจะแนะนำให้เพื่อนทำผิดล่ะ แต่ไอ้พี่นอร์ทน่ะคือผิดเต็มประตู ผิดชนิดที่ว่าฉันอยากจะฟาดหน้าเขาแรง ๆ ให้รู้แล้วรู้รอด!
กล้าดียังไงมาบอกว่าฉันไม่ใช่สเป๊กของเขา คนอย่างฉันเป็นสเป๊กของคนทั้งมอรู้เอาไว้ด้วยไอ้ผู้ชายเฮงซวย!
