4 | ตบแลกจูบ
- 4 -
ตบแลกจูบ
เสียงเพลงบีทหนักถูกแทนที่เมื่อวงดนตรีสดลงจากเวที เวลานี้เป็นช่วงที่ครึกครื้นมากที่สุดเพราะร้านใกล้จะปิดแล้วทำให้มีดีเจคอยเปิดเพลงจังหวะหนัก ๆ ชวนให้ลุกขึ้นเต้นรวมไปถึงโต๊ะของฉันเองด้วยที่ไม่มีใครอยู่ติดเก้าอี้กันสักคน
แสงไฟสาดส่องไม่ว่าจะเป็นไฟดวงเล็กดวงใหญ่หรือจะเป็นสปอตไลต์มากสี มันเพิ่มความสนุกได้เท่าตัวแต่ก็ให้อาการมึนเมาเพิ่มขึ้นไปด้วยเช่นกัน แล้วยิ่งมีฤทธิ์แอลกอฮอล์ขับกล่อมอยู่ในร่างกายแล้วกลับยิ่งทวีคูณทำให้มัวเมามากขึ้น
“ก่อนจะจากกันวันนี้นะครับอยากให้ทุกคนยกแก้วของตัวเองขึ้นมาครับ...ผมเชื่อว่าทุกคนล้วนคู่ควรและเหมาะสมกับความรักดี ๆ ครับ ยกแก้วขึ้นมาแล้วดื่มให้หมดแก้วเลยครับ!”
เสียงของดีเจเอ่ยตามไมค์ที่ถือทำให้ผู้คนภายในร้านต่างก็ยกแก้วของตัวเองขึ้นและดื่มมันจนหมดราวกับน้อมรับตามคำพูดของดีเจเมื่อครู่
แต่ไม่ใช่กับฉัน!
“ทุกคนคู่ควรกับความรักดี ๆ เหรอวะ” ฉันเอ่ยออกมาขณะที่สายตาก็ยังคงทอดมองไปยังแก้วของตัวเองที่ตอนนี้มีเบียร์พร้อมน้ำแข็งที่ละลายไปครึ่งค่อนแล้ว
“ก็เออดิมึง คนสวย ๆ อย่างมึงก็เหมือนกันไอ้วา” จ๋าเลือกที่จะตอบเป็นคนแรก มันตบไหล่ฉันเบา ๆ ก่อนจะดันตัวของฉันให้นั่งลงและกอดคอเอาไว้เมื่อฉันเริ่มกลับไปคิดถึงความเจ็บปวดอีกครั้ง
“แล้วคนเลว ๆ อย่างไอ้พี่นอร์ทล่ะ มันควรได้พบเจอกับความรักดี ๆ ไหมวะ”
ประโยคนั้นของฉันทำให้เพื่อน ๆ ในโต๊ะต่างเงียบลงในทันที ที่ฉันถามน่ะไม่ได้อยากจะกวนอะไรหรอก แค่อยากรู้เฉย ๆ ว่าคนอย่างนั้นคู่ควรกับความรักดี ๆ หรือเปล่า
“ถึงแม้ว่ามันจะเลว จะเหี้ยแค่ไหน จะเจ้าชู้หรือมีคนอื่น คนแบบนั้นก็คู่ควรกับความรักดี ๆ เหรอวะ เหอะ! กูคนหนึ่งอะไม่เห็นด้วย คนแบบนั้นไม่สมควรที่จะมีความรักเลยด้วยซ้ำ!” พูดจบฉันก็ยกแก้วของตัวเองขึ้นดื่มจนกระทั่งหมดแก้วแล้วจึงวางมันลงที่โต๊ะดังเดิม
“เออ กูก็ไม่เห็นด้วยอะ โดยเฉพาะไอ้ผู้ชายแบบนั้น คนเลว ๆ ทุกคนไม่คู่ควรกับการมีความรักดี ๆ โว้ย!” คราวนี้เป็นเสียงใบหม่อนที่ตะโกนออกมาหลังจากนั้นก็ยกแก้วของตัวเองขึ้นดื่ม
จนหมดเช่นเดียวกับฉัน
ความจริงแล้วใบหม่อนก็เคยพบเจอเหตุการณ์คล้าย ๆ ฉันน่ะ แต่รายนั้นน่าจะหนักหนาสาหัสกว่าเยอะ แต่มันก็ผ่านมานานแล้ว ฉันเชื่อว่าใบหม่อนเองก็คงไม่เก็บเรื่องแย่ ๆ นั้นมาคิดอีกแต่เพียงแค่ตอบรับกับความเห็นของฉันอีกเสียงเท่านั้น
“ทุกคนล้วนคู่ควรแต่ความรักดี ๆ แต่ยกเว้นคนที่ทำเพื่อนกูเสียใจเว้ย!” จ๋าบอกพร้อมกับดึงฉันและใบหม่อนเข้าไปกอดทำให้ฉันหัวเราะออกมากับท่าทางของมัน
“เอ้า! ลืมกูเฉย กูกอดด้วยดิวะ” พลอยที่ยืนอยู่ก็รีบแทรกตัวเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของจ๋าด้วยอีกคน
พวกเราสี่คนสนิทกันมาก เวลามีปัญหาอะไรก็จะมีพวกนี้แหละคอยอยู่ข้าง ๆ อ้อ! แล้วก็มีพวกพี่ ๆ ในโปรเจกต์อย่างพี่ภพ พี่เต แล้วก็วาโยน้องสาวฉันอีกคนที่ไม่ว่าจะมีปัญหาหรือเรื่องทุกข์ใจอะไรพวกเขาก็จะอยู่เคียงข้างฉันเสมอ
“พอ ๆ เลิกซึ้งก่อน เหนื่อยจะร้องไห้และ”
“เออ ทิชชูก็หมดแล้วด้วย กูโยนตอนที่เพลงผ้าเช็ดหน้าเปิดเมื่อกี้จนหมดเลยอะ พนักงานด่ากูเปิงแน่”
“กูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ มึนไฟว่ะ” ฉันบอกออกไปและลุกขึ้นก่อนที่มือของพลอยจะจับที่ต้นแขนของฉันไว้
“กูไปด้วย ปวดฉี่พอดี”
ฉันพยักหน้ารับก่อนจะเดินตรงไปยังห้องน้ำพร้อม ๆ กับพลอยซึ่งกว่าจะฝ่าฝูงคนมาได้ก็ทำเอาแทบหอบ เพราะตอนนี้ผู้คนก็ต่างเดินพลุกพล่านรวมไปถึงการลุกขึ้นเต้นจนเต็มร้านไปหมด
“กูนั่งรอข้างนอกนะมึง” ฉันบอกกับพลอยที่กำลังยืนอยู่หน้าประตูเพื่อรอเข้าห้องน้ำก่อนจะเดินออกมานั่งที่โซฟาด้านนอก ความจริงแค่อยากมานั่งพักแสงไฟน่ะ ด้านในมีแต่แสงอะไรไม่รู้เต็มหมด มันยิ่งทำให้ฉันมึนเข้าไปใหญ่ หากได้มานั่งพักก็คงทำให้ดีขึ้นบ้าง
แต่ทว่า...
“วา” เสียงเข้มคุ้นหูเอ่ยเรียกทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้า
ถ้าหากให้เดาเขาคนนั้นก็คงไม่พ้นไอ้คนเฮงซวยที่ทำให้ฉันเสียใจอยู่ ณ ตอนนี้
ใช่...เขาคือพี่นอร์ท!
“เรามาคุยกันก่อนได้ไหม” น้ำเสียงเว้าวอนพร้อมทั้งแววตาของพี่นอร์ทไม่ได้ทำให้ฉันใจอ่อนหรือคิดอยากอยู่สนทนากับเขาเลยสักนิด หนำซ้ำยังอยากหนีไปให้ไกลไม่อยากอยู่ใกล้มากกว่าห้าเมตร
“ไม่ค่ะ” ฉันตอบเสียงแข็งและเบี่ยงสายตาหนีเพราะไม่คิดจะสนใจอะไรอีก เรื่องของฉันกับเขามันจบลงแล้ว และมันจะไม่มีทางกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกแน่นอน!
หมับ!
“วาฟังพี่ก่อน!” มือหนาตรงเข้ามาจับที่ข้อมือของฉันเอาไว้ก่อนจะออกแรงกระชากทำให้ร่างกายของฉันชนเข้ากับอกแกร่งของเขาอย่างแรง
“อ๊ะ! วาเจ็บ ปล่อยนะ!” ฉันพยายามแกะมือเหนียวออกแต่ก็ดูไม่เป็นผลเท่าไหร่นัก คนตัวโตออกแรงบีบให้แน่นขึ้นหลังจากนั้นก็ฉุดกระชากลากตัวให้ฉันเดินไปตามเขาบริเวณด้านหลังร้านโดยไม่สนใจแรงต้านทานอันน้อยนิดของฉันเลยแม้แต่น้อย
ฉันพยายามสะบัดตัวและต้านไว้สุดแรง แต่ดูเหมือนว่ายิ่งฉันต่อต้านเขาก็ยิ่งออกแรงบีบที่ข้อมือของฉันมากยิ่งขึ้น จนกระทั่งพี่นอร์ทพาฉันออกมาด้านนอกร้านซึ่งเป็นลานจอดรถเขาจึงปล่อยข้อมือของฉันออกก่อนจะจับรั้งร่างกายของฉันให้ประชิดตัวของเขาเพื่อล็อกปิดหนทางหนี
“ทำไมไม่ฟังกันบ้างวะ!”
“ไอ้สารเลว! ทำแบบนี้ทำไม ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
“ก็ฟังกันก่อนดิ” พี่นอร์ทตะคอกกลับมาพร้อมกับจับใบหน้าของฉันเอาไว้พลางก้มใบหน้าลงจนตอนนี้เราอยู่ห่างกันเพียงไม่กี่เซนติเมตรเท่านั้น
ขยะแขยง...เป็นคำพูดเดียวที่อยู่ในใจของฉันตอนนี้ ฉันรู้สึกรังเกียจและขยะแขยงคนตรงหน้ามากยิ่งกว่าของสกปรกในโลกนี้ซะอีก
พลั่ก!
เพียะ!
ฉันรวบรวมแรงทั้งหมดผลักคนตรงหน้าออกก่อนจะฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าของพี่นอร์ทอย่างแรงเมื่อฟางเส้นสุดท้ายขาดลงแล้ว เขาพูดคำพูดแย่ ๆ แบบนั้นไม่พอยังมาทำตัวรุ่มร่ามกับฉันอีก แล้วจะให้ฉันใจเย็นได้อีกเหรอ แค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ
จากที่ทุกอย่างกำลังดีขึ้นพอเขามาทำแบบนี้มันก็ทำให้ฉันโกรธและโมโหจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป
ความจริงแล้วฉันเป็นคนใจเย็นมาก อาจจะขี้บ่นขี้วีนตามประสาแต่ก็ไม่เคยโกรธใครหรือกล้าตบใครแบบนี้มาก่อน
“ไอ้คนสารเลว! ออกไปให้พ้นหน้าเดี๋ยวนี้เลยนะ ออกไป!”
“ฮึ! กล้ามากนะที่ตบกู!”
หมับ!
“อ๊ะ!” ฉันร้องออกมาเมื่อพี่นอร์ทกระชากฉันเข้าหาอีกครั้งแต่ทว่าครั้งนี้กับดุดันและน่ากลัวกว่าเมื่อครู่มากขึ้นเท่าตัว
น้ำเสียงและท่าทางของเขาแปรเปลี่ยนไปแทบจะเป็นคนละคน อีกทั้งยังรู้สึกว่ามีเปลวเพลิงอยู่ในดวงตาคู่นั้นพลันทำให้ฉันสั่นระริกด้วยความหวาดหวั่น
“ผู้หญิงอย่างมึงมันก็ไม่ได้มีดีอะไรนักหรอก”
“อึก...” ฉันลอบกลืนน้ำลายลงคอเมื่อได้ยินประโยคนั้นจากคนตัวโต สรรพนามที่เขาเรียกฉันมันเปลี่ยนไปราวกับว่าเขาเป็นซาตานชั่วร้ายที่กำลังบีบให้ฉันตรอกอย่างทรมาน
“ก็เพราะมึงมันเล่นตัวไง ถ้ามึงได้ง่าย ๆ กูก็คงไม่ไปเอาคนอื่นหรอก”
“ไอ้สารเลว อ๊ะ...” สิ้นคำด่ามือหนาก็บีบที่กรามของฉันอย่างแรงจนฉันได้แต่นิ่วหน้าทั้งหยาดน้ำตาด้วยความเจ็บปวด
กลิ่นแอลกอฮอล์จากร่างกายของคนตัวโตทำให้ฉันพยายามผลักไสหนีห่าง ฉันรู้ว่าตอนนี้พี่นอร์ทเมามาก แต่สิ่งที่เขาแสดงออกมามันก็คือนิสัยและสันดานที่แท้จริงของเขาเช่นกัน!
“ไอ้ผู้ชายเฮงซวย! ปล่อยนะ!”
“ฮึ ได้” เมื่อฉันเอ่ยคำด่ามาอีก ครั้งคนตรงหน้าก็จับรั้งฉันเอาไว้แน่นก่อนที่มืออีกข้างจะง้างขึ้นหวังจากฟาดลงมาที่ใบหน้าของฉันพลันทำให้ฉันหลับตาแน่นและตัวสั่นระริกหวาดกลัวแต่ก็ไม่สามารถต่อกรอะไรได้
แต่ทว่า...
หมับ!
ตุ้บ!
“อึก!”
ความเจ็บปวดจากกรามเล็กเริ่มผ่อนคลายลงก่อนที่จะฉันลืมตาขึ้นก็พบว่าร่างกายของฉันนอร์ทถูกกระชากให้ล้มลงกับพื้น
“มึงทำเหี้ยไรไอ้นอร์ท!” เสียงเข้มของบุคคลที่เข้ามาใหม่เอ่ยตะคอกอย่างเดือดดาลพร้อมกับตรงเข้าไปกระชากร่างของเพื่อนสนิทขึ้นมาอีกครั้ง
“พะ...พี่พยัคฆ์” ฉันเอ่ยเสียงสั่นมองการกระทำตรงหน้าด้วยความแปลกที่และสับสน คิดอะไรไม่ออกแล้วว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น
รู้เพียงว่าพี่พยัคฆ์เป็นคนเข้ามาช่วยและกระชากร่างของพี่นอร์ทออกไปจากตัวฉันเท่านั้น
ว่าแต่เขาจะทำแบบนี้ทำไมในเมื่อพี่พยัคฆ์เป็นเพื่อนสนิทของพี่นอร์ทไม่ใช่เหรอ...?
“อย่าเสือกเรื่องของกูไอ้พยัคฆ์!”
“มึงจะทำร้ายผู้หญิงเหรอวะ!” พี่พยัคฆ์ตะคอกใส่หน้าของพี่นอร์ทเสียงดังพร้อมกับเขย่าตัวเขาแรง ๆ เพื่อเรียกสติ ทั้งที่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมีฤทธิ์แอลกอฮอล์ขับกล่อมแทนที่ไปหมดแล้ว
“มึงไม่ต้องยุ่ง! เพราะมึงนั่นแหละที่ทำให้กูทะเลาะกับวา เพราะมึง! เพราะมึงเป็นคนแนะนำให้กูรู้จักกับเอยไม่ใช่รึไงวะ!”
“พวกมึงมาลากมันออกไปดิ้!” เสียงเข้มของพี่พยัคฆ์ตวาดกร้าวทำให้กลุ่มเพื่อนของเขารีบวิ่งกรูเข้ามาประคองร่างของพี่นอร์ทเอาไว้ก่อนจะค่อย ๆ พาตัวออกไปจากบริเวณนี้
ฮึ...เมื่อกี้ที่พี่นอร์ทพูดมันก็เป็นความจริงทุกอย่างนั่นแหละ ฉันเกือบเผลอไผลคิดว่าพี่พยัคฆ์เป็นคนดีที่ยื่นมือเข้ามาช่วยแท้ ๆ แต่ยังไงแล้วเขาก็เป็นไอ้ผู้ชายเฮงซวยไม่ต่างจากพี่นอร์ทอยู่ดี!
“เป็นอะไรไหม”
เพียะ!
ฉันฟาดฝ่ามืออย่างเต็มแรงจนใบหน้าหล่อเหลาของพี่พยัคฆ์หันไปอีกทางพร้อมด้วยร่องรอยสีแดงที่ปรากฏชัดบริเวณแก้มของเขา
“พี่ก็ไม่ต่างกับไอ้พี่นอร์ทนักหรอก ไม่ต้องมาทำเป็น...”
หมับ!
“อื้อ!!!!” คำพูดของฉันเลือนหายไปในพริบตาเมื่อวงแขนแกร่งกระชากร่างของฉันเข้าประชิดตัวก่อนที่ริมฝีปากหนาจะบดลงมาทาบทับที่ริมฝีปากของฉันอย่างรุนแรงจนรู้สึกถึงรสชาติคาวเลือดในโพรงปาก
ฉันพยายามทุบตีและผลักไสคนตรงหน้าออกแต่ทว่ายิ่งต่อต้านเขาก็ยิ่งเพิ่มแรงสัมผัสของริมฝีปากมากขึ้นเท่านั้น การกระทำหยาดน้ำตาของฉันไหลหลั่งออกมาแต่ก็ไม่ได้ทำให้คนตัวโตยอมปล่อยเลยสักนิด
“อื้อ!!!” ฉันร้องประท้วงขึ้นอีกครั้งเมื่อไร้เรี่ยวแรงที่จะทรงตัว เหมือนถูกดูดดึงวิญญาณจนไม่สามารถควบคุมหรือประคองสติได้อีกต่อไปแล้ว
จนกระทั่งริมฝีปากผละออกจากริมฝีปากของฉันพลันทำให้ฉันได้สติและรีบขยับตัวออกห่างจากคนตรงหน้าด้วยความหวาดหวั่น
“อะ...ไอ้...!” ฉันง้างมือขึ้นหมายจะตบเขาอีกครั้งแต่เมื่อได้ยินประโยคจากปากที่ฉันรู้ว่าเขาจะทำจริง ๆ ไม่ใช่เพียงการข่มขู่ก็ทำให้ฉันหยุดชะงัก
“ถ้าเธอตบอีก ฉันรับรองว่าเธอจะเจ็บปวดมากกว่าฉันหลายเท่า!”
“อึก...”
“ถึงแม้ว่าเพศชายและหญิงจะมีความเท่าเทียมกันก็เถอะ แต่ฉันไม่สามารถตบเธอคืนได้ เพราะงั้นฉันเลยจูบเธอแทน แล้วก็อย่าคิดหลงตัวเองว่าที่ฉันจูบเธอมันเหมือนกับฉากในละคร เพราะถ้าฉันตบเธอได้ฉันทำไปแล้ว ไม่ใช่แค่ตบนะ ฉันจะต่อยเธอซ้ำด้วย จำใส่หัวเอาไว้!”
ประโยคนั้นของเขาทำให้ฉันยิ่งสั่นกลัวเข้าไปใหญ่ ตอนนี้เขาน่ากลัวมาก น่ากลัวยิ่งกว่าปีศาจซะอีก!
ร่างสูงทิ้งท้ายไว้เท่านั้นก่อนจะหันหลังและเดินจากไปหลงเหลือเพียงฉันที่กำลังยืนสั่นระริกอยู่ตรงนี้ลำพัง
แค่ก้าวขายังทำไม่ได้เลย ฉันอยากจะบ้า!
แล้วหมอนั่นกล้าดียังไงมาขโมยจูบแรกของฉันน่ะ ไอ้บ้า ไอ้คนบ้า น่าจะกระแทกหมัดไปสักทีแล้วหาจังหวะวิ่งหนีออกมา ฮึ่ย! เจ็บใจชะมัดเลย!
