บทที่ 10
คฤหาสน์หลังใหญ่ของเจ้าพ่อส่งอิทธิพลอย่างปอ ทุกซอกทุกมุมดูหรูหราอลังการ แต่ละห้องล้วนมีความใหญ่โตมโหฬารเกือบจะเทียบเท่าสนามแบดมินตัน 2 สนามต่อกัน วันนี้ภายในคฤหาสน์ดูสงบร่มเย็นขึ้นมาก หลังจากน้องสาวต่างแม่ออกไปปาร์ตี้กับเหล่าเพื่อนๆ ไฮโซ
นับจากวันนั้นถึงวันนี้เขายังคงคิดถึงใบหน้าหนุ่มน้อยแสนสวยที่พบเจอกันในเหตุการณ์ที่ได้สร้างความเจ็บปวดให้กับเขาไม่ลืมเลือนกระทั่งวินาทีนี้ ทุกครั้งที่ปอเอนตัวลงนอนหรือหลับตาใบใครคนนั้นได้ปรากฏมาให้เขาเห็นอยู่เสมอ ความสวย ความน่ารักบวกกับผิวพรรณที่ขาวสดใสน่าลุ่มหลง ทำให้เขากระวนกระวายทุกครั้งที่ภาพใบหน้าของอีกคนค่อยๆ ชัดขึ้นจากมโนภาพ วันนี้เขาจึงตัดสินใจจะไปดูการเดินแบบแฟชั่นโชว์ ณ โรงแรมหรูที่เขาเป็นหุ้นส่วนโดยถูกจัดขึ้นในช่วงบ่ายวันนี้
เขาจึงเดินขึ้นห้องนอนเพื่อไปอาบน้ำแต่งตัวไปร่วมงานดังกล่าว เขาเลือกที่จะหยิบชุดสูทสีขาว นับเป็นรูปแบบการแต่งตัวที่ไม่ค่อยได้พบบ่อยนักสำหรับปอ เขามีความพิถีพิถันในการเลือกชุด รองเท้า เข็มขัด ทุกอย่างจะต้องดูเหมาะสมและลงตัวซึ่งจะส่งผลให้งานทุกงานที่เขาไป จะมีสาวใหญ่ สาวน้อย ชื่นชอบหลงใหลเขาอยู่เป็นจำนวนมาก ในบางครั้งจะมีสาวๆ บางคน ขอติดตามเขากลับบ้านด้วยก็มี กลับถูกเจ้าพ่อทรงอิทธิพลปฏิเสธอย่างสุภาพทุกครั้ง
เขายื่นจัดแต่งทรงผมที่หน้ากระจกโต๊ะเครื่องแป้งอย่างตั้งใจเมื่อการแต่งกายเสร็จสิ้นลง เขาก็ไม่ลืมจะฉีดพรมน้ำหอมกลิ่นโปรดเพื่อเพิ่มความมั่นใจ ชายในชุดสูทตรวจดูความเรียบร้อยของเครื่องแต่งตัวของตัวเองจนทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์ เขาจึงลงมาจากห้องนอนเพื่อบอกลูกน้องคนสนิทให้เป็นผู้ขับรถติดตามเขาไปร่วมงานแฟชั่นโชว์ในครั้งนี้ด้วย
เมื่อปอเดินทางมาถึงโรงแรมที่จัดงานงาน ก็จวนจะได้เวลาในการเดินแบบพอดี เขาก้าวลงจากรถเบนซ์สุดหรูพร้อมลูกน้องคนสนิท เดินขึ้นบันไดโรงแรมซึ่งมีพรมแดงปูทอดยาวตลอดทางเดิน บรรดาไฮโซ ทั้งหญิงชาย ต่างหันมามองเขาเป็นตาเดียว ด้วยรูปลักษณ์ที่หล่อ สง่า ดังเทพบุตร ทำให้สาวบางคนส่งเสียงกรี๊ดด้วยความคลั่งไคล้ ยิ่งช่วงเดินผ่านกลุ่มคน สาวๆ หลายคนขอจับมือทักทายชายหนุ่มที่เขาหลงใหล แสงแฟลชจากกล้องนับร้อยที่อยู่สองข้างทางเดิน สาดส่องกระทบตัวเขานับไม่ถ้วนตลอดทางเข้าไปในงานราวกับว่างานเดินแบบครั้งนี้มีเขาเป็นประธานในการจัดงาน เมื่อมาถึงบริเวณงานก็มีเจ้าของโรงแรมออกมาต้อนรับเพื่อเชิญเขาไปนั่งประจำเก้าอี้แขกคนสำคัญ
ทันทีที่แขกคนสำคัญของงานมาจนครบ พิธีกรประจำปีเวที จึงกล่าวประกาศรายละเอียดของงาน เชิญประธานในการจัดงานกล่าวเปิดงานอย่างเป็นทางการ ค่ำคืนนี้ปราศจากเงาของเดย์และเอ็มโดยสิ้นเชิง ซึ่งงานจัดขึ้นในตรีม Prince&Princes เหล่าบรรดานายแบบและนายแบบ ต่างเริ่มเดินอวดโฉมโชว์ในชุดเจ้าหญิง ชุดเจ้าชายในสไตล์ต่างๆ มากมาย
เมื่อประธานในงานกล่าวเปิดงานเสร็จสิ้น ชุดเจ้าหญิงกับเจ้าชายนับสิบที่มีความทันสมัยแลดูสวยงามที่ถูกสวมใส่โดยนายแบบและนางแบบแถวหน้าของเมืองไทยที่เดินอวดโฉมไปมา ปอกลับไม่ได้สนใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเท่าไหร่นักเพราะบุคคลที่เขาต้องการจะพบมากที่สุดตอนนี้นั่นคือวา วายุ นายแบบหนุ่มประจำใจของเขานั่นเอง เหล่านางแบบและนายแบบชื่อดัง ถูกเปลี่ยนชุดขึ้นโชว์จนครบ ถึงเวลาที่นายแบบกิตติมศักดิ์ประจำงานแฟชั่นโชว์ในชุดเจ้าหญิงแห่งปีจะปรากฏตัวขึ้น ตากล้องจากสำนักข่าวมากมายลุกขึ้นยืนประจำขอบเวทีเพื่อจะหามุมในการถ่ายรูปนายแบบหนุ่มในมุมที่ตนต้องการต่อไป เสียงพิธีกรประกาศโชว์ชุดพิเศษปิดท้ายงานถือว่าเป็นไฮไลต์ประจำงานวันนี้ ความตื่นเต้น ความอยากรู้ของบรรดาแขกที่มาร่วมงานต่างจดจ่อตรงบริเวณประตูทางออกบนเวทีเป็นตาเดียว รวมถึงผู้ทรงอิทธิพลหนุ่มอย่างปอคนนี้ด้วย…
เสียงเพลงถูกเปิดขึ้น วายุ ก้าวขาออกมาพ้นช่องทางขึ้นเวทีเดินแบบ เป็นผลให้ทุกคนในงานตกตะลึงความงามของนายแบบหนุ่ม ที่สวยงามทั้งรูปร่างหน้าตาในชุดเจ้าหญิงที่ถูกสั่งตัดขึ้นเป็นพิเศษ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นชุดเจ้าหญิงแห่งปี วายุนายแบบชื่อดังสวมใส่เดินเฉิดฉายบนเวทีแคทวอล์คอย่างสง่างามดังเจ้าหญิงในเทพนิยาย ขณะที่ผู้ทรงอิทธิพลหนุ่มตกตะลึงในความงามนั้นไม่ต่างจากใครคนอื่น เขามองนายแบบหน้าหวานด้วยสายตาเคลิบเคลิ้มไปกับกริยาท่วงท่าในการย่างก้าวอย่างไม่ละสายตาเหมือนดังต้องมนต์สะกด เขายืนขึ้นช้าๆ แล้วปรบมือให้กับนายแบบหนุ่มทำให้แขกภายในงานคนอื่นๆ พลอยปรบมือร่วมกับเขาไปด้วย จังหวะเดียวกันที่วาเดินมาถึงด้านหน้าเวทีแคทวอล์ค
ได้เกิดสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นกับเขาโดยพื้นเวทีเกิดไม่เสมอกันในจุดที่นายแบบหน้าหวานต้องเดินผ่าน ทำให้รองเท้าส้นสูงไปสะดุดเข้าจนวาหงายหลังในจังหวะที่หมุนตัวเพื่อจะเดินเข้าไปยังจุดเริ่มต้นเพื่อไปยื่นร่วมกับนายแบบและนางแบบคนอื่นๆ เป็นเหตุให้นายแบบหน้าหวานหงายหลังไปยังบริเวณด้านหน้าเวที ด้วยความไวของปอเขาเข้าไปคว้าร่างที่กำลังจะตกลงจากเวทีได้ทัน เสียงกรีดร้องของผู้ร่วมงานดังขึ้นด้วยความตกใจ แต่กลับไม่มีปฏิกิริยาใดๆ จากคนเคราะห์ร้ายแต่อย่างใด วาทำได้เพียงหลับตาปี๋อยู่ในวงแขนใหญ่ของปอเท่านั้น ส่งผลให้ธีร์รวมถึงนะและกันต์ต่างขอทางผู้ร่วมงานวิ่งเข้ามาดูเหตุการณ์ด้วยความเป็นห่วง วายุค่อยๆ ลืมตาขึ้นก็พบกับใบหน้าคมคายของชายหนุ่ม วามองใบหน้านั้นอย่างตั้งใจแล้วมองเข้าไปในดวงตาคมเข้มของอีกฝ่าย แววตาแบบนี้ทำไมวารู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ส่วนทางชายหนุ่มผู้รับร่างในแบบหน้าหวานเองต่างมองใบหน้าสวยของนายแบบหนุ่มด้วยความตั้งใจไม่แพ้กัน ยิ่งเขาได้มองก็ยิ่งรู้สึกหลงรักคนในอ้อมแขนมากขึ้น มากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ ทำไมผู้ชายคนนี้ช่างสวยเหลือเกิน สวยจริงๆ ผมรักคุณแล้วคุณวายุ ทั้งคู่ต่างมองตากันเนิ่นนาน แสงแฟลชจากกล้องนับร้อยส่องกระทบคนทั้งคู่อย่างไม่ลดละ
"วา... คุณเจ็บตรงไหนมั๊ยครับ" เสียงเรียกของแฟนหนุ่มทำให้สติของวากลับคืนมา
"เอ่อ... คุณครับวาไม่เป็นอะไรแล้วครับ วาววาลงเถอะครับ..." ชายหนุ่มค่อยๆ วางเขาลงพื้นอย่างระมัดระวัง ชายหนุ่มยิ้มให้เจ้าหญิงตัวน้อยตลอดเวลาด้วยความเสน่หา
"ขอบคุณมากนะครับ ที่ช่วยวาเมื่อสักครู่นี้ ถ้าไม่ได้คุณเข้ามาช่วย วาคงแย่แน่เลยครับ ขอบคุณจริงๆ ครับ" เขากล่าวขอบคุณชายตรงหน้า พร้อมยกมือไหว้อย่างนอบน้อม
"อย่าพูดแบบนั้นเลยครับ หากเป็นคนอื่นก็คงเข้ามาช่วยคุณเหมือนกัน ด้วยความยินดีอย่างยิ่งครับที่ได้ช่วยคนสวยๆ อย่างคุณคุณวายุ!" นายแบบหนุ่มส่งยิ้มขอบคุณให้เขาอีกทีก่อนจะหันไปคุยกับแฟนหนุ่ม
"วาไม่เป็นอะไรครับ วาปลอดภัยดี" เขายิ้มให้กับแฟนหนุ่ม เพื่อให้เกิดความสบายใจกับ ขณะที่ทีมงานและเจ้าของโรงแรมรีบวิ่งเข้ามาดูสอบถามกับสิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิดเมื่อสักครู่มากมายด้วยความห่วงใย จากนั้นทางเจ้าของงานจึงให้วาเข้าไปเปลี่ยนชุดเพื่อเตรียมตัวกลับบ้านพัก ปล่อยให้ปอ ผู้ทรงอิทธิพลหนุ่มยืนยิ้มกับเหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้เพียงคนเดียวท่ามกลางแขกเหรื่ออีกเป็นจำนวนมากที่ยังอยู่ในงาน
"นายเจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ" ลูกน้องคนสนิทรีบเดินเข้ามาสอบถามอาการผู้เป็นนายของตนอย่างห่วงใย
"เราไม่เป็นอะไรหรอก แต่สิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้ คือที่หัวใจของเรา มันได้หลงรักใครคนนั้นไปแล้ว ช่วยบอกเราที เราควรทำยังไงต่อไป เขาช่างสวยเหลือเกิน สวยมาก สวยกว่าใครทุกคนที่เราเคยเจอมา" นายของเขาพูดด้วยรอยยิ้มอย่างมีความสุข จนทำให้ลูกน้องคนสนิทอย่างเขารู้ว่านายของเขาได้เจอกับรักแรกพบ เข้าแล้ว
"คุณแน่ใจนะครับว่าไม่เป็นอะไร หน้าคุณยังดูซีดอยู่เลยนะวา ไปโรงพยาบาลหน่อยมั๊ย ผมเป็นห่วงคุณนะครับ" น้ำเสียงธีร์ดูเป็นห่วงเขามาก
"วาไม่เป็นอะไรแล้วจริงๆ ครับคงตกใจน่ะ เลยทำให้ดูหน้าซีดๆ คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ กลับบ้านพักผ่อนก็คงจะดีขึ้นเอง" เขากล่าวยืนยันพลางกุมมือใหญ่อย่างแผ่วเบา
"คุณรู้จักกับผู้ชายคนเมื่อสักครู่นี้หรอครับ ทำไมมองหน้ากันนานจัง"
"ไม่นะครับ วาก็เพิ่งเคยเจอเขานี่แหละ ทำไมเหรอ หึงวาเหรอครับ" เขากล่าวกับแฟนหนุ่มเชิงหยอกล้อ ทำให้แฟนหนุ่มถึงกับเขินในคำถามของเขา ทำให้คนหน้าหวานสังเกตอาการได้โดยไม่ต้องบอก
"เปล่านะครับ ผมแค่ถามเฉยๆ...” เขากำลังจะตอบปฏิเสธเขาแต่ถูกสายตาของคนหน้ากวานมองค้อนเลยตัดสินใจบอกความจริง
"ครับผมหึงคุณ..." ชายหนุ่มกล่าวพลางจะยกมือมาลูกหัวแก้เขินขณะที่ขับรถอยู่
"คุณธีร์ระวังครับ" วาเรียกคนรัก เมื่อเห็นว่ารถกำลังเลี้ยวออกนอกเส้นทาง ธีร์กลับมามีสติดีครั้งแล้วรีบจับพวงมาลัยรถไว้ทัน
"ธีร์ ถ้าพูดถึงผู้ชายคนที่เข้ามาช่วยในงานเมื่อสักครู่นี้ วารู้สึกคุ้นกับแววตาองของเขาจัง เหมือนเคยเจอที่ไหนมาก่อนแต่นึกยังไงก็นึกไม่ออกจริงๆ" คนทั้งคู่นั่งพูดคุยกันตลอดทางกระทั่งถึงบ้านพัก
ส่วนคนอีกคู่ นะและกันต์ ได้ล่วงหน้าไปถึงบ้านพักก่อนเขาแล้วเพื่อจัดเตรียมอาหารเย็น
"พี่นะ คิดว่าพี่วาเขาจะจำอาหารจานนี้ได้หรือเปล่าครับ ตอนที่ผมกับพี่เขายังเป็นนักเรียน เขาชอบกินอาหารจานนี้มาก จนบางครั้งไม่ทันที่พี่เขาจะบอกว่าเขาอยากกินอะไร ผมก็ซื้อกลับมาถูกใจพี่เขาทุกครั้ง พี่นะคิดว่ายังไงครับ" คนตรงหน้ายืนฟังโดยไม่ตอบคำถามใดๆ กับเด็กหนุ่ม อีกทั้งหน้าตาของคนตรงหน้าก็แสดงออกถึงความไม่ค่อยพอใจกับคำถามของกันต์อย่างเห็นได้ชัด
"พี่นะ โกรธผมเหรอ" เด็กหนุ่มเดินเข้าไปกอดแขนคนตัวใหญ่ด้วยอาการรู้สึกผิด
"ไหนบอกพี่ว่าไม่ได้รักเขาแล้วนี่ แต่ก็ยังพูดถึงเรื่องของเขาตลอดตกลงยังรักพี่วาอยู่ใช่มั๊ย" ทันทีที่เด็กหนุ่มฟังคำของนะจบก็เดินเข้าไปกอดคอชายหนุ่มเข้ามาหอมแก้มหนึ่งที พร้อมอธิบายเหตุผลให้ฟัง
"คิดว่าเรื่องอะไร ที่แท้ก็หึงผมนี่เอง... พี่นะฟังผมนะ ที่ผมพูดถึงพี่เขาบ่อยๆ ไม่ใช่ว่าผมยังรักพี่เขาอยู่ เป็นเพราะว่าพี่วาเขาเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับผม พี่เขาเป็นไอดอลของผม ผมจึงอยากจะเป็นเหมือนพี่เขา เพื่อให้คนที่ผมรักตอนนี้มีความสุขเหมือนตอนที่พี่นะได้อยู่กับพี่วาไงครับ เหตุผลเหล่านี้ พี่คงจะเข้าใจผมนะพี่นะ" เด็กหนุ่มกล่าวพลางเดินไปหยิบจานมาจัดเรียงบนโต๊ะ ทันทีที่คนตัวเล็กพูดจบ นะเดินไปสวมกอดเด็กหนุ่มจากด้านหลังแล้วหอมแก้มฟอดใหญ่ ทำให้กันต์หันมาต่อว่าชายหนุ่มอย่างเขินอาย
"พี่ทำอะไรน่ะ นี่มันในห้องครัวนะ"
"ก็ไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย ก็แค่หอมแก้มเองหรือว่าจะให้พี่ทำอย่างอื่นด้วย เปลี่ยนบรรยากาศบ้างก็ดีนะครับน้องกันต์...” เขากล่าวพลางทำสายตาเจ้าเล่ห์ใส่เด็กหนุ่ม ยิ่งทำให้กันต์เกิดความเขินอายมากขึ้น
"อย่าทำอะไรบ้าๆ นะ เดี๋ยวจะโดน" คนตัวเล็กกับคนตัวใหญ่หยอกล้อกันสนุกสนานน่ารัก
ทันที่นายแบบหนุ่มและข้าราชการรูปหล่ออีกคู่หนึ่งได้ทันเข้ามาเห็นความน่ารักของคนทั้งสองพอดี จึงทำให้อดยิ้มให้กับคนทั้งคู่ไม่ได้
"อะแฮ่ม! ทำอะไรกันน่ะ" คำกระแอมของวาทำให้คุณทั้งคู่หยุดชะงักค่อยๆ หันมามองคนต้นเสียงที่หน้าประตูห้องครัว ยิ่งทวีความเขินอายมากขึ้นไปอีก เพราะภาพที่เขาสองคนเห็นคือ นะกำลังอุ้มเด็กหนุ่มอยู่ในอ้อมแขนเป็นจังหวะที่กำลังจะก้มลงจูบหน้าผากอีกฝ่ายพอดี เขาจึงวางเด็กหนุ่มลงพร้อมกับเกาหัวอย่างเขินอาย กันต์เองก็หัวเราะแก้เขินไม่ต่างจากกัน
คนทั้งสี่รับประทานอาหารมื้อเย็นพร้อมกันอย่างมีความสุขปนเสียงหัวเราะ ซ้ำยังอบอวลด้วยกลิ่นอายความรักตลอดการทานอาหารมื้อเย็นนั้น
