บทที่18.แทบสำลักน้ำลายตัวเอง
กลางวันพักอยู่บนรถ ช่วงเวลาที่ต้องป้อนยา เหมยซิงคอยพลิกตัวและนวดแขนขามิให้อีกฝ่ายเกิดแผลกดทับ และให้เลือดได้ไหลเวียนสะดวก พ่อบุญธรรมแนะนำให้นางขออาศัยพักตามบ้านคน และตอบแทนด้วยเงินเล็กน้อย พักโรงเตี๊ยมอาจเป็นจุดสนใจเกินไป นางเห็นด้วยเพียงแค่ว่านางอยากประหยัดเงินที่มีอยู่ในมือ
เหมยซิงอาศัยว่าตัวเองมีความกล้า และหน้ามียางอายน้อย ผสมกับความสามารถทางการแสดงที่เคยเรียนมา ทำหน้าเศร้าเข้าไปขอปันที่พัก จะเป็นโรงไม้ ห้องเก็บฟืนก็ได้ แค่นางประหยัดเงินได้สักนิดสักน้อยก็พอ บ้านหลังน้อยที่นางเข้าไปสอบถาม มีแต่ผู้หญิงในบ้าน เป็นหญิงชราวัยเจ็ดสิบอยู่กับลูกสะใภ้ ส่วนสามีนางนั้นตายจากไปนานแล้ว ลูกชายไปทำงานที่เมืองอื่นอีกไม่กี่สัปดาห์ก็จะกลับแล้ว
“ลำบากหน่อยนะ” หญิงชราเอ่ยอย่างเห็นใจ เห็นเหมยซิงประคองร่างผักของชายหนุ่มลงจากรถม้าก็อดเป็นห่วงไม่ได้
“ไม่หรอกเจ้าค่ะ ข้าชินแล้ว แค่นี้สบายมาก”
เหมยซิงยิ้มกว้างไม่มีท่าทีเหน็ดเหนื่อยหรือลำบาก นางแค่แบกเขาขึ้นหลัง พาร่างผักลากเท้าเข้าไปห้องพักเล็ก ๆ ที่อยู่ด้านหลังได้สบาย คล้ายว่านางเองก็ชินแล้วจึงไม่เห็นเป็นความลำบากประการใด
“นางช่างดีเสียจริง สามีเป็นเช่นนี้ก็ไม่ทอดทิ้ง”
ซุนเว่ยหมินแทบสำลักน้ำลายตัวเอง สองหูได้ยินสิ่งที่หญิงผู้นั้นพูดท่าทางสงสารเหมยซิงจับใจ เหมยซิงเมื่อพาชายหนุ่มเข้ามาในห้องแล้วก็จัดท่าทางให้เขาได้เอนหลังสบาย ๆ เห็นดวงตาของเขาจ้องมองเขม็ง นางถลึงตามองกลับก่อนย่นจมูกแล้วยื่นปลายนิ้วมาจิ้มจมูกของเขาเบา ๆ
“ข้าจำเป็นต้องบอกพวกเขาว่าเจ้าเป็นสามีของข้า ข้าจะพาสามีกลับบ้าน”
นางยิ้มทะเล้นใส่ แล้วหมุนตัวไปรินน้ำป้อนให้เขาจิบที่ละนิด
“ประเดี๋ยวข้าจะออกไปดูสักหน่อยว่าจะทำอาหารเย็นกินกัน เจ้ารออยู่คนเดียวก่อนนะ”
นางไม่รอให้เขาพยักหน้ารับ รีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว แม้นางจะปิดประตูห้องแล้ว แต่เขายังได้ยินเสียงนางพูดคุยกับหญิงชรา และสะใภ้ผู้นั้น แม้จับใจความที่พวกนางสนทนาไม่ได้แต่เสียงหัวเราะของเหมยซิงทำให้เขาพลอยหัวเราะตามไปด้วย ไม่นานนักเหมยซิงก็กลับเข้ามาพร้อมอ่างน้ำ
“เช็ดตัวผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียก่อน เสื้อผ้าเจ้าข้าจะรีบซักตาก น่าจะแห้งก่อนเดินทาง”
แม้ในบ้านจะมีผู้ชาย แต่ก็เป็นเด็กและพ่อบุญธรรมก็ป่วย นางจึงรับหน้าที่ดูแลอาหมาน ในโลกโน้นนางอยู่กับเพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่เป็นสตั๊นต์แมน เห็นผู้ชายเปลือยก็เคยเห็นมาแล้ว คนรักก็เคยมีแล้ว นางจึงไม่ได้กระดากอายอย่างที่ควรเป็นนัก
“ยาของเสียเอี๋ยนนับว่าดียิ่ง เจ้ากินไปแค่วันเดียวดูผิวพรรณดีขึ้น ไม่ซีดเซียวแห้งเหี่ยวเป็นผักนึ่งแล้ว”
นางเอ่ยชมเพื่อไม่ให้ชายหนุ่มตัวแดงจนเกินไป แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ปลายนิ้วมือแตะถูกร่างกายท่อนล่าง เจ้าของร่างก็ครางอือพร้อมทั้งส่งสายตาดุดันมาทางนาง
“ข้าต้องเช็ดตัวให้เจ้า” นางขึงตาใส่ “ปล่อยไว้มันจะเหม็นอับแล้วเจ้าจะไม่สบายตัว”
ซุนเว่ยหมินเห็นนางยังดื้อดึงที่จะทำอย่างที่นางประกาศไว้ เขาจึงได้แต่หลับตาแน่น ได้ยินเสียงหัวเราะเบา ๆ ของเหมยซิงแล้ว เขายิ่งกัดฟันกรอด ๆ ด้วยความโกรธ แม้นางจะใช้ผ้าคลุ่มท่อนล่างก่อนจัดการถอดกางเกง และใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดให้อย่างเบามือ แม้ไม่ใช่ครั้งแรกที่นางทำเช่นนี้ แต่เขาก็อับอายปนสมเพชตัวเองทุกครั้งไป
“อาหมานเจ้าร่ำรวยหรือไม่”
ซุนเว่ยหมินลืมตาขึ้น ประโยคคำถามแปลก ๆ เช่นนี้เขาได้ยินบ่อยแล้ว แต่ยังไม่สามารถขยับปากส่งเสียงตอบได้ จึงได้แต่มองนางที่สวมเสื้อผ้าให้เขาแ ละแปรงผมให้
“ข้าหวังใจให้เจ้าร่ำรวยมาก ๆ”
นางส่งยิ้มอย่างพอใจที่หวีผมให้เขาได้ นางเองก็เกล้าผมไม่เป็น ที่ผ่านมามีแต่น้องเล็กเหมยลี่ที่เกล้าผมให้นาง ตอนนี้น้องเล็กไม่อยู่ ผมของนางเองจึงแค่รวบขึ้นเป็นหางม้า ส่วนเขาเป็นคนป่วย นางจึงแค่แปรงผมแล้วใช้ผ้าเส้นเล็ก ๆ ผูกรวบผมไว้
“ข้าเคยได้ยินมาว่าบุรุษมักยึดถือคุณธรรม ข้าช่วยเหลือเจ้าเช่นนี้ เจ้าต้องตอบแทนข้ามาก ๆ นะ”
ซุนเว่ยหมินเห็นสีหน้าจริงจังของนางแล้วอยากหัวเราะ นางคงเห็นเขาเป็นก้อนทองเข้าให้แล้ว
นั้นซิ! รอให้เขากลับเข้าร่างตัวเองได้เมื่อไหร่ เขาจะตอบแทนอย่างเต็มทีเลยทีเดียว!.
