ตอนที่ 2
รถยนต์สีดำคันหรูแล่นเข้ามาจอดในอาณาเขตของบ้านวิสุทธิพงษ์ สุภาพบุรุษเชื้อสายอังกฤษในชุดสูทสีดำก้าวลงมาก่อน และรีบเปิดประตูให้กับบุคคลสำคัญที่นั่งอยู่ด้านหลัง เขาคือนายน้อยแห่งชาร์ตันที่เพิ่งเดินทางมาถึงแผ่นดินไทยเมื่อไม่ถึงชั่วโมงนั่นเอง
"ป้านวล"
ร่างสูงโปร่งในชุดสูทสีดำโผเข้ากอดทักทายหญิงวัยกลางคนที่ยืนรอรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
ไบรอัน ศิวกร ชาร์ตันวัยสามสิบปี ทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลชาร์ตัน เจ้าของบริษัทแม็กมาร์ตินผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของประเทศอังกฤษ เดินทางกลับมาแผ่นดินบ้านเกิดของมารดา เพื่อเตรียมงานสำหรับการเปิดตัวโชว์รูมรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย
ซึ่งจัดจำหน่ายรถยนต์ที่ตระกูลชาร์ตันเป็นผู้ผลิตทุกรุ่น แน่นอนว่างานใหญ่ระดับนี้ เขาจะต้องมาควบคุมดูแลจัดการเองให้ออกมาสมบูรณ์ที่สุด
"เป็นไงบ้างลูก เดินทางเหนื่อยไหม ไปเข้าไปในบ้านก่อน" หญิงวัยกลางคนสวมกอดหลานชายที่ไม่ได้พบหน้ากันหลายปีด้วยความคิดถึง
"ป้าสบายดีนะครับ อ้อ ลูคัส เลขาของผม" ไบรอันแนะนำให้ป้านวลรู้จักกับชายหนุ่มที่ติดตามมาด้วย
ลูคัสพนมมือกลางอกก้มศีรษะลงมาด้วยท่าทางเก้กัง พยายามไหว้ให้สวยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ป้านวลอมยิ้มกับความตั้งใจที่อีกฝ่ายพยายาม
"ไหว้พระเถอะ" นางนวลส่งยิ้มให้ พร้อมกับหันมาบอกให้แม่บ้านที่ยืนอยู่ด้านหลังพาลูคัสไปพักผ่อนก่อน
ป้าหลานนั่งพักคุยกันให้หายคิดถึง ไบรอันถามไถ่สุขภาพและความเป็นอยู่ของหญิงวัยกลางคนด้วยความห่วงใย มารดากำชับนักกำชับหนาว่าถึงจะยุ่งกับงานมากแค่ไหน แต่ก็ต้องไม่ลืมที่จะดูแลป้านวลผู้มีพระคุณเปรียบเหมือนแม่อีกคนของเขา
ทั้งนี้เพราะเมื่อตอนที่ไบรอันเกิด เป็นช่วงเวลาที่มิสเตอร์อังเดรบิดาของเขา กำลังสร้างเนื้อสร้างตัวทุ่มเททำงานจนแทบไม่มีเวลาได้อยู่กับครอบครัวเท่าไรนัก
การเลี้ยงลูกคนแรกในดินแดนต่างถิ่น จึงเป็นเรื่องยากลำบากของผู้หญิงไทยตัวเล็กๆ ที่ต้องใช้ชีวิตแม่ลูกอ่อนเพียงลำพัง
ป้านวลรู้ข่าวว่าน้องสาวต้องเลี้ยงลูกอ่อนวัยเดือนเศษเพียงคนเดียว ส่วนสามีลุยงานกลับบ้านกลับช่องไม่เป็นเวลา นางจึงตัดสินใจขายที่ทางที่มีทั้งหมด ซื้อตั๋วเครื่องบินไปอังกฤษทันที
และทำหน้าที่เป็นทั้งพี่สาว แม่ทูนหัว ดูแลหลานชายสุดที่รักและน้องสาวเพียงคนเดียว จนกระทั่งไบรอันอายุได้ห้าขวบตอนนั้นมิสเตอร์อังเดรประมูลงานชิ้นใหญ่ได้
และเหมือนสวรรค์เปิดทางให้งานชิ้นนั้นประสบความสำเร็จสร้างชื่อเสียง ซึ่งตามมาด้วยเงินทองมากมายมหาศาล
จนในที่สุดบริษัทรถยนต์ที่สร้างขึ้นจากน้ำพักน้ำแรงของมิสเตอร์อังเดรก็ก้าวเข้าสู่ความเป็นหนึ่งที่ยิ่งใหญ่มาจนทุกวันนี้ ชีวิตของสองแม่ลูกสบายขึ้นรวมถึงป้านวลเองก็เริ่มได้พักผ่อน
เมื่อไบรอันเข้าเรียนชั้นประถมป้านวลก็เอ่ยปากอยากกลับมาอยู่เมืองไทย เนื่องด้วยคิดถึงบ้านเกิดเมืองนอนที่จากมาเกือบสิบปี
มิสเตอร์อังเดรซื้อที่ดินใจกลางกรุงเทพมหานคร สร้างบ้านหลังใหญ่และคนดูแลให้พร้อมเสร็จ อีกทั้งดูแลค่าใช้จ่ายทุกอย่างให้กับป้านวลมาตลอด เป็นการตอบแทนความมีน้ำใจที่พี่สาวของภรรยาช่วยดูแลบุตรชายในช่วงเวลาของการก่อร่างสร้างตัว
"จะเริ่มงานเมื่อไร" หญิงวัยกลางคนถาม
"พรุ่งนี้ครับ"
งานเปิดตัวโชว์รูมรถยนต์จะเริ่มต้นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า เมื่อสัปดาห์ก่อนเขาเดินทางมาประเทศไทยเพื่อดูความคืบหน้าของการก่อสร้าง
และกลับมาอีกครั้ง เพื่อเตรียมการสำหรับการเปิดตัวที่ยิ่งใหญ่อลังการ ให้สมกับการเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่มีชื่อเสียงมายาวนาน
"มีอะไรให้ป้าช่วยก็บอกแล้วกัน"
“แน่นอนครับ แต่ว่าป้านวลต้องสัญญากับผมก่อนว่า วันงานป้านวลจะไม่ป่วยแล้วก็ต้องแต่งตัวสวยๆ ไปดูความสำเร็จของเรา” ไบรอันหอมแก้มหญิงวัยกลางคนอีกครา
“ไว้ถึงวันนั้นค่อยว่ากัน ป้าจะพยายามไม่ป่วยอย่างที่ไบรอันต้องการ ดีไหม” หญิงวัยกลางคนแสนชื่นใจกับความรักความห่วงใยที่หลานชายมีต่อตน
“ขึ้นไปพักผ่อน อาบน้ำอาบท่าก่อนเดี๋ยวลงมากินข้าวกัน อ้อ ป้าให้เด็กไปทำความสะอาดคอนโดเรียบร้อยแล้วนะ ตามที่หลานบอกไว้”
“ขอบคุณครับป้านวล ผมรักป้านวลที่สุดเลย”
สองป้าหลานกอดกันอีกครั้ง ก่อนที่นางจะไล่ให้หลานชายขึ้นไปพักผ่อน ส่วนตนเองกลับเข้าครัวไปเตรียมอาหารมื้อพิเศษที่ไบรอันชอบ
"มีข่าวดีจ้า"
รสาเดินยิ้มอย่างมีความสุขเข้ามาในครัวด้วยใบหน้าที่แสนสดชื่น ชิดชนกเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนรักที่วันนี้ดูเบิกบานเป็นพิเศษ ก็เดาได้ว่าน่าจะเป็นข่าวดีเรื่องงานที่เจ้าตัวรอคอยมาเกือบสัปดาห์
"ได้งานที่ไหนจ๊ะ คุณรสาคนสวย"
"ขายรถ" รสาตอบทันควัน สีหน้าแช่มชื่นดูมีความสุขอย่างเห็นได้ชัด
"ขายรถ รถอะไร อย่าบอกนะว่าแกไปสมัครเป็นพริตตี้"
"บ้า ไม่ใช่อย่างนั้นเสียหน่อย ฉันได้งานที่บริษัทนี้ต่างหาก" หญิงสาวชูรูปรถซูเปอร์คาร์คันหรูที่มีพรีเซนเตอร์เป็นดาราชายชื่อดังยืนเคียงข้าง
"บอกปราบหรือยัง"
สีหน้าที่แช่มชื่นของรสาสลดลงทันทีเมื่อได้ยินชื่อปราบ แต่เพียงไม่กี่วินาทีเธอก็เปลี่ยนความรู้สึกตัวเอง ให้กลับมาร่าเริงมีความสุขอีกครั้ง และไม่ตอบคำถามที่เพื่อนรักถามมาก่อนหน้า
“นี่ ออฟฟิศใหม่ฉันอยู่ใกล้กับร้านขนมมาก ถ้าวันไหนฉันว่างนะ ฉันจะมาช่วยงานที่ร้าน ดีไหม”
สีหน้ารสาเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มและความฝัน งานขายถึงแม้จะใหม่สำหรับชีวิต แต่ถ้าตั้งใจก็ต้องทำได้
“เอาเรื่องงานแกก่อนเถอะ ร้านขนมฉันไว้ทีหลังก็ได้ ว่าแต่บอกปราบเรื่องงานใหม่หรือยัง” ชิดชนกถามย้ำเรื่องเดิมอีกครา
"ฉันได้เงินเดือนขึ้นสามสิบเปอร์เซ็นต์ ได้รถมาใช้ด้วยนะแล้วก็ค่าคอมที่นี่สูงมาก"
รสาทำเสียงยาวคำว่ามากเพื่อบอกให้รู้ว่า ถ้าขายได้ตามเป้าจะได้ค่าคอมมิชชันที่มากมายมหาศาล
"แล้วแกมีความรู้เรื่องรถหรือเปล่า แต่ละคันรู้ไหมราคาหลักสิบล้าน ไม่ได้ขายกันง่ายๆ" ชิดชนกเป็นกังวลแทน
"คงไม่ยากหรอกน่า ไม่มีอะไรที่เรารู้มาตั้งแต่เกิดจริงไหม ไม่แน่อีกหน่อย ฉันอาจจะท่องได้เป็นฉากๆ เลยก็ได้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน รุ่นนี้ดีอย่างไร" รสาไม่หวั่นใดๆ ทั้งสิ้น ขอแค่มีงานทำเรื่องอื่นพร้อมจะเรียนรู้
"ตกลงเปลี่ยนงานเป็นเซลขายรถ บอกปราบหรือยัง" ชิดชนกถามย้ำคำเดิม
"ใช่ จะเริ่มงานพรุ่งนี้และจะได้เจอเจ้าของตัวจริงด้วย ไป ไปฉลองกัน"
"ฉลองอะไร"
"ก็ฉลองที่ได้งานใหม่ไง ถ้าได้เป้าที่ตั้งไว้ทุกเดือน ฉันจะมาเลี้ยงข้าวแกอีก ดีไหม"
"เออๆ ขอให้ได้ตามเป้าที่ตั้งใจไว้" ชิดชนกอวยพรจากใจแล้วเอ่ยถามคำเดิมว่า
"อย่าลืมบอกปราบล่ะ เรื่องดีๆ แบบนี้ต้องให้แฟนตัวเองรู้ด้วย"
"ไปกินข้าว"
